“ภูมิธรรม” ลั่น ถึงเวลาทบทวนยุทธศาสตร์ดับไฟใต้จริงจัง เจรจาไปบึมไป ไม่ใช่วิถีแก้ปัญหา มั่นใจ ฝ่ายความมั่นคงดูแล “นายกฯ อิ๊งค์” ลงพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ 16 ม.ค.นี้
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 14 มกราคม 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงเหตุระเบิดที่ ต.อาเนาะรู อ.เมือง จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2568 และเหตุระเบิดล่าสุดวันนี้ที่ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส จนมีผู้เสียชีวิต ว่า เหตุระเบิดที่ จ.ปัตตานี เป็นเหตุการณ์ระเบิดจากรถจักรยานยนต์ที่อยู่ในที่เก็บของ ซึ่งไม่มีผู้เสียชีวิต โดยมีเจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดน และประชาชนคนเดียวที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ และเป็นเหตุการณ์ที่จะมีการประกาศยกเลิกการบังคับใช้พระราชกำหนดฉุกเฉิน อ.ยะหา จ.ยะลา โดยได้มีการพูดคุยในที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แล้วว่า เวลานี้เราปรับลดใช้กฎหมายก็มีเรื่องอีก แต่พอไม่มีเรื่องก็ลด ดูเหมือนเป็นไปตามเกมขบวนการของเขา ฉะนั้น ตนคิดว่าต้องมีการทบทวน ซึ่งได้ให้นโยบายที่ประชุม สมช. ไปแล้วว่า ภายใน 1 เดือนนี้มาคุยกัน ให้ทบทวนดูว่าสิ่งที่ทำไปทั้งหมดมันมีอะไรที่ดีขึ้นหรือไม่ดีขึ้น
...
นายภูมิธรรม กล่าวต่อไปว่า ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้เดี๋ยวต้องติดตามดูว่า เชื่อมโยงกันอย่างไร ต้องดูเรื่องวัตถุระเบิดและอะไรหลายๆ อย่าง จึงคิดว่ามันจะเป็นไปอย่างนี้อีกถ้าตราบใดยังไม่มีการพูดคุยกันอย่างจริงจัง โดยภายในเดือนมกราคมนี้น่าจะจบ คุยกันรู้เรื่อง แล้วจากนั้นจะคุยกันอีกครั้ง ตนบอกไปแล้วว่าถ้ายังใช้วิธีแบบเดิมก็จะเป็นแบบนี้ไม่มีทางเปลี่ยนแปลง ต้องไปทบทวนยุทธศาสตร์ดูว่าจะเอาอย่างไร รวมถึงการที่จะตั้งคณะกรรมการไปเจรจา ถึงได้บอกว่าต้องทำตรงนี้ให้ชัดเจน เพราะไม่อย่างนั้นการเจรจาก็เจรจาไปแต่ยังรบกันอยู่มันไม่ใช่วิถีการแก้ไขปัญหา ฉะนั้น จึงให้มีการทบทวนอย่างเร่งด่วน ได้สั่งการไปแล้ว ให้ทีมที่ปรึกษาทั้งทหารและตำรวจไปตรวจสอบดูว่าที่ผ่านมาปัญหาอยู่ตรงไหน และจะแก้อย่างไร คิดว่าจะเป็นการเคลียร์กันใหม่หมด จะได้เห็นเหตุการณ์ต่างๆ ข้อจำกัดและสาเหตุอยู่ที่ตรงไหน ไม่อย่างนั้นเมื่อเกิดเหตุต้องมาคอยตอบคำถาม
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในวันที่ 16 มกราคม 2568 จะต้องมีมาตรการเพิ่มเติมอะไรหรือไม่ นายภูมิธรรม ตอบว่า ตนจะลงไปด้วยในวันที่ 16 มกราคม ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นต้องขอรอดูในรายละเอียดก่อน ส่วนเรื่องมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยถือเป็นหน้าที่ของผู้รับผิดชอบอยู่แล้ว ทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ต้องมั่นใจว่าจะดำเนินการได้.