“แพทองธาร” ยืนกราน พท.หาเสียงชิงนายก อบจ.ยึดกฎหมายทุกอย่างจัดคิวให้อดีตนายกฯทัวร์อีสานตะลุยหาเสียง “สรวงศ์” รับหาก กกต.มองสุ่มเสี่ยงก็ต้องปรับเปลี่ยน “วรวัจน์” แปลภาษาเหนือป้องนายใหญ่ ไม่ได้ขายฝันหลอกลวง ประธาน กกต.เตือนผู้สมัคร อบจ.เลี่ยงแจกแต๊ะเอียตรุษจีน รอดูข้อเท็จจริงสแกน “ทักษิณ” ปราศรัย “สุริยะ” ไม่กลัวฝ่ายค้านขู่ฟ่อจัดหนักซักฟอก การเมืองเดินคนละเส้นทางกับ “ธนาธร” “วราวุธ” ฟันธงแก้ รธน.ไม่ทันในรัฐบาลนี้ หวังแค่ตั้งไข่ ส.ส.ร.เหมือนยุค “บรรหาร” สว.ตั้งป้อมค้านแหลกตัดเสียง 1 ใน 3 เห็นชอบขั้นรับหลักการ “พิสิษฐ์” ซัดขัด รธน.ไล่พท.-ปชน.ไปอ่านคำวินิจิฉัยศาล รธน.ให้ดี จับตา 13 ม.ค. ครม.ดันเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ “กฤษฎีกา” ติง ก.คลังเขียนกฎหมายไม่ชัด อ้างหรูส่งเสริม แหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น กลับโฟกัสแต่กาสิโน

จากกรณีประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกมาระบุว่าการปราศรัยหาเสียงนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีความก้ำกึ่งสุ่มเสี่ยงที่จะผิดกฎหมาย ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ยืนยันว่าการหาเสียงของพรรคยึดกฎหมายทุกอย่าง แต่นโยบายของพรรค พท.กับรัฐบาล มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกันอยู่แล้ว

พท.ยันหาเสียง อบจ.ยึด ก.ม.ทุกอย่าง

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 10 ม.ค.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกมาระบุว่า การปราศรัยหาเสียงนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีความสุ่มเสี่ยงผิดกฎหมาย พรรค พท.จะมีการปรับอะไรหรือไม่ว่า นายทักษิณ ไม่ได้ดำรงตำแหน่งอะไร แต่ไปในฐานะผู้ช่วยหาเสียง และนโยบายของพรรคเพื่อไทยกับรัฐบาล มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกันอยู่แล้ว ในส่วนของตนนั้นหากจะลงพื้นที่ช่วยหาเสียงอย่างไร ต้องทำตามกฎหมาย เอาให้ถูกกฎหมายทุกอย่าง

...

ส่อปรับแผนหาเสียงรับโนติส กกต.

นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรค พท.ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ระบุว่า การปราศรัยหาเสียงของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงนายก อบจ.ของพรรคพท.หมิ่นเหม่ผิดกฎหมาย การหยิบยกนโยบายรัฐบาลไปพูดบนเวทีหาเสียงมีความสุ่มเสี่ยงว่า ต้องดูข้อกฎหมายเป็นอย่างไร และต้องกำชับไปยังผู้ช่วยหาเสียงทุกคนเรื่องการพูดนโยบายต่างๆต้องพูดคุยกัน แต่เรื่องนี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรค พท.รับทราบแล้ว คุยกันอยู่ เมื่อถามว่าอาจมีคนไปร้องเรียนเรื่องนี้ ทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ นายสรวงศ์กล่าวว่า เป็นสิทธิแต่ละคน หากเห็นว่าเป็นเช่นนั้นก็ร้อง เดี๋ยว กกต.คงตัดสินมาเอง แต่เบื้องต้นถ้าเตือนกันได้เดี๋ยวจะพูดคุยกัน เมื่อถามว่า นายทักษิณจะเป็นใครไปพูดคุยด้วย นายสรวงศ์ กล่าวว่า อาจให้ น.ส.แพทองธารไปพูดคุยด้วย แต่ไม่มีอะไร น.ส.แพทองธารรับทราบและพูดคุยกันเบื้องต้นแล้ว เมื่อถามว่า พรรค พท.จำเป็นต้องเปลี่ยนรูปแบบการหาเสียงหรือไม่ นายสรวงศ์กล่าวว่า หากกกต.มองว่าสุ่มเสี่ยงต้องปรับเปลี่ยน

นายใหญ่ทัวร์ยาวลุยอีสานหาเสียง

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) เปิดเผยว่า เดือน ม.ค.นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง เตรียมลงพื้นที่ภาคอีสานช่วยผู้สมัครนายก อบจ.พรรค พท.หาเสียง พร้อมพบปะเยี่ยมเยียนพี่น้องประชาชน โดยวันที่ 18-20 ม.ค.ขึ้นเวทีปราศรัยช่วยหาเสียงที่ จ.นครพนม บึงกาฬ หนองคายและมหาสารคาม จากนั้นวันที่ 24-25 ม.ค.ช่วยหาเสียงที่ จ.ศรีสะเกษ พร้อมชูนโยบายเน้นการพัฒนาท้องถิ่นและแก้ปัญหาความเดือดร้อนประชาชน ส่วนการปราศรัยของนายทักษิณที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จับตามองและได้เตือนการนำนโยบายรัฐบาลมาใช้ในการปราศรัยว่าอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้ง ไม่มีอะไรน่ากังวล ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ กกต.เพียงแนะนำให้ระมัดระวังข้อกฎหมาย พรรค พท.น้อมรับและพร้อมปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับและข้อกฎหมายอย่างเคร่งครัด และ กกต.ได้ยืนยันเองว่าถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีรายงานความผิดปกติแต่อย่างใด ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทักษิณจะปิดท้ายหาเสียงที่ จ.เชียงใหม่ ประมาณวันที่ 27-28 ม.ค.

แปลภาษาเหนือโต้ไม่เข้าข่ายหลอกลวง

นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล สส.แพร่ พรรคพท.กล่าวถึงกรณีนายสมชัย ศรีสุทธิยากร คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ความเห็นกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯขึ้นปราศรัยที่ จ.เชียงรายถึงการลดราคาค่าไฟสุ่มเสี่ยงผิดกฎหมายว่า นายทักษิณปราศรัยเป็นภาษาเหนือใจความสำคัญคือ “ไฟฟ้าปี๋นี้ จะต้องเอาลงหื้อเห็นเลข 3 วันนี้ 4 บาทป๋ายแล้ว ใจ๋ผมเนี่ย ไค้เอาลงเหลือ 3.5 บาท แต่ดูแล้วน่าจะได้ 3.7 บาท นี่น่าจะได้อยู่ กะลังหื้อเขาจ้วยกั๋นตุ๊บอยู่ เพราะเวลานี้ไฟฟ้าฝ่ายผลิตก่อเป๋นองค์กรผลิตไฟขาย ก่อเอาเปอร์เซ็นต์กำไรละไว้ส่วนหนึ่งไฟฟ้านครหลวง ไฟฟ้าภูมิภาค ก่อเอาไว้แห๋มส่วนหนึ่ง เอกชนมา เอกชนก่อเอาไว้แห๋มส่วนหนึ่ง ผลสุดท้ายเป๋นหยัง จาวบ้านต๋ายอ่าก่า เพราะฉะนั้นก่อเลยบอกว่าต้องแก้...” ทั้งหมดนี้ไม่เห็นว่าจะมีคำปราศรัยไหนที่เข้าข่ายหลอกลวง หรือใช้อำนาจหรือก้ำกึ่งผิดกฎหมายเลือกตั้ง ยิ่งคำว่า“หื้อเขาจ้วยกั๋นตุ๊บอยู่” ในบริบทคนเหนือฟังยิ่งชัดเจนว่า หมายถึง “ให้ช่วยกันรุมกดดันอยู่” แปลว่า ไม่สามารถมีใครสั่งให้เพิ่มหรือลดค่าไฟได้ แต่เมื่อราคาค่าไฟกระทบต่อชีวิตประชาชน ทำให้ประชาชนลำบาก ทุกฝ่ายก็ต้องช่วยกันทำให้ค่าไฟลดลง ตนรู้สึกว่าเรื่องนี้หากทำได้จริงจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนคนไทยทั้งประเทศ เป็นคำแนะนำที่ดีจากอดีตนายกฯ ไม่อยากให้เอาเจตนาที่จ้องจับผิดกันทางการเมืองมาปักหมุดให้ผู้ช่วยหาเสียงหรือผู้สมัครของพรรคใดไม่กล้าพูดถึงนโยบายที่ดี

“อิทธิพร” เตือนผู้สมัคร อบจ.แจกแต๊ะเอีย

เมื่อเวลา 14.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.กล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดการเลือกตั้ง อบจ.ว่า คำร้องเกี่ยวกับหาเสียงเลือกตั้ง อบจ.ขณะนี้มี 30 เรื่อง ส่วนใหญ่จะเป็นประเด็นเกี่ยวกับการซื้อ เมื่อถามถึงการแจกแต๊ะเอียของผู้สมัคร ในเทศกาลตรุษจีน นายอิทธิพรกล่าวว่า แต๊ะเอียก็คือแต๊ะเอีย ประเพณีบางอย่างเป็นประเพณีที่สำคัญ แต่ในช่วงที่มีการเลือกตั้ง หากผู้สมัครหลีกเลี่ยงได้ก็ควรที่จะหลีกเลี่ยงในการแจกแต๊ะเอีย เพราะมันเสี่ยงต่อการกระทำที่ขัดต่อกฎหมาย และถูกมองว่าเป็นการให้เงินหรือไม่ ขอผู้สมัครอย่าปฏิบัติเช่นนั้น เพราะเป็นช่วงที่มีการเลือกตั้ง

“ทักษิณ” ปราศรัยยังฟันธงไม่ได้

เมื่อถามย้ำ เรื่องที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯไปปราศรัยพูดถึงภาพใหญ่ของนโยบายรัฐบาล หลังจากนั้นรัฐบาลรับลูกทำได้หรือไม่ในเวทีของท้องถิ่น และนายทักษิณปราศรัยว่า จะลดค่าไฟจาก 4 บาท เหลือ 3 บาทกว่า น่าจะไม่ใช่อำนาจของ อบจ.ที่จะทำได้ นายอิทธิพรกล่าวว่า จะให้ไปตอบตอนนี้คงไม่ได้ เพราะความเห็นอย่าลืมว่าคณะกรรมการ กกต.มี 7 คน ฉะนั้น จุดเชื่อมโยง ตรงไหนที่ว่าเป็นการพูดถึงนโยบายของตัวเองโดยแท้ ไม่เกี่ยวกับการหาเสียง หรือเข้าข่ายหาเสียงหลอกลวง ยังตอบจริงๆไม่ได้ เพราะข้อเท็จจริงที่พูดกันต้องมาดู ตนพูดไปแล้วว่าอะไรทำได้ไม่ได้ มันมีเส้นแบ่งอยู่เสมอ ต้องนำข้อเท็จจริงมาประกอบ แต่ถ้าเป็นไปได้ หาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่นควรมุ่งเน้นนโยบาย ถ้ามันเกินขอบเขตอะไรไปแล้วมีคนร้อง ต้องเอาเรื่องทั้งหมดมาดู

ยังไม่มีคำร้องเล่นงานพ่อนายกฯ

เมื่อถามว่า กกต.ควรต้องทำหนังสือเตือนหรือไม่ ประธาน กกต.กล่าวว่า คงไม่ต้องทำถึงขนาดนั้น เพราะผู้สมัครรู้ดีอยู่แล้วว่าตัวเองต้องทำอะไรบ้าง เมื่อรับสมัครเสร็จแล้วจะมีการประชุมเชิงสมานฉันท์แจ้งให้ทราบอยู่แล้ว ขณะเดียวกันพรรคการเมืองต้องดูแลสมาชิกให้ปฏิบัติไปตามกฎหมายจะไม่เกิดปัญหาความก้ำกึ่ง อะไรแบบนี้จะเป็นประเด็นขึ้นมา แล้วถ้ามาให้ กกต.พิจารณา ผู้สมัคร เมื่อแต่งตั้งผู้ช่วยหาเสียงแล้ว ทั้งผู้สมัครและผู้ช่วยหาเสียงต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเองพูดไป ผู้สมัครต้องรู้ว่าจะปฏิบัติตามกฎหมายอย่างไร ผู้ช่วยหาเสียงต้องรู้ว่าผู้สมัครของตัวเองมีนโยบายอย่างไร และหาเสียงช่วยสนับสนุนประเด็นที่เป็นอำนาจหน้าที่ในกรอบที่กฎหมายกำหนด อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่มีคำร้องเกี่ยวกับการหาเสียงของนายทักษิณเข้ามา

คำร้องยุบ พท.ต้องดูข้อเท็จจริง

นายอิทธิพรกล่าวอีกว่า ส่วนคำร้องยุบ 6 พรรคการเมือง ในส่วนคำร้องพรรค พท.มี 3-4 คำร้อง อยู่ระหว่างคณะกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเชิญผู้ร้องมาให้ถ้อยคำและออกหนังสือเชิญผู้เกี่ยวข้องให้ถ้อยคำ จะทำให้เร็วที่สุด เมื่อถามถึงเกณฑ์ที่จะตีความว่าเป็นการครอบงำพรรคจะต้องเข้าไปมีบทบาทหรือแค่รัฐบาลตอบสนองในสิ่งที่พูด นายอิทธิพรกล่าวว่า ต้องดูนิยามอะไรคือการครอบงำและต้องนำข้อเท็จจริงและภาพรวมทั้งหมดมาประกอบกัน การกระทำ 1-2 การกระทำจะเอามาวินิจฉัยในครั้งเดียวไม่ได้ ต้องดูข้อเท็จจริง

“สุริยะ” ไม่กลัวฝ่ายค้านตั้งแท่นซักฟอก

เมื่อเวลา 13.50 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม กล่าวกรณีมีชื่อที่ฝ่ายค้านเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า เป็นการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านที่จะตรวจสอบรัฐบาลถือว่าเป็นเรื่องปกติ กระทรวงคมนาคมยินดีที่จะให้การตรวจสอบ และเชื่อมั่นว่าการที่ตนเองเข้ามารับตำแหน่งในหน้าที่ รมว.คมนาคม ก็ไปทำงานตามนโยบายต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการลดราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้า เรื่องสนามบินและส่งเสริมการท่องเที่ยว เหล่านี้ถือเป็นผลงาน ยินดีตอบข้อซักถามของฝ่ายค้าน มั่นใจทุกโครงการ เชื่อกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างทำด้วยความโปร่งใสและตรวจสอบได้

การเมืองเดินคนละเส้นทางกับ “ธนาธร”

เมื่อถามว่าพรรคประชาชน (ปชน.) มีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าที่มีนามสกุลเดียวกัน ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรใช่หรือไม่ นายสุริยะกล่าวว่า ฟังดูจากที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. ออกมาพูดนั้นดูดี เพราะแม้กระทั่งนามสกุลเดียวกันจะตรวจสอบ แต่ข้อเท็จจริงตนกับนายธนาธรเรื่องการเมืองเดินคนละเส้นทางอยู่แล้ว ฉะนั้นการตรวจสอบถือเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่ความพิสดารหรือพิเศษอะไร

“วราวุธ” ฟันธงแก้ รธน.ไม่ทันรัฐบาลนี้

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมฯ หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า พรรคยังยืนยันจุดเดิมคือการได้มาซึ่ง ส.ส.ร.โดยเฉพาะหมวด 1 หมวด 2 ที่จะต้องไม่แตะต้องหรือทำอะไรเด็ดขาด ถ้าเป็นตามนี้ยินดีสนับสนุน แต่หากแตกต่างไปคงต้องสงวนความเห็นไว้ ที่มา ส.ส.ร.ควรต้องสะท้อนองค์ประกอบของประชาชนและสังคมปัจจุบัน กรณีที่มีคนขู่เรื่องทำประชามติ 2 ครั้ง หรือ 3 ครั้ง ขอให้ดูแนวทางคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญก่อน อยากทำให้ถูกต้อง อย่างไรเสียคงไม่ทันในรัฐบาลนี้ เหมือนสมัยนายบรรหารช่วงรัฐบาลปี 38 ได้ริเริ่มแก้รัฐธรรมนูญ แต่มาคลอดในปี 40 ไม่ใช่รัฐบาลบรรหาร แต่เป็นจุดเริ่มต้น ส.ส.ร.รัฐบาลนี้เช่นกัน รัฐธรรมนูญจะไปเสร็จในรัฐบาลใดแล้วแต่ แต่หากเลือกตั้งเสร็จแล้วถ้าพรรค พท.ได้เป็นรัฐบาลอีกครั้ง อาจมาตั้งรัฐบาลกันใหม่ถือว่าเป็นคนเริ่มต้นและคลอดในรัฐบาลพรรค พท.เช่นกัน ส่วนจะทำอย่างไรให้ สว.เห็นด้วย ต้องมาเจรจาพูดคุยกันหาจุดลงตัว ทุกรัฐธรรมนูญมีข้อด้อยและข้อดี ฉบับปี 40 ที่บอกว่าดีที่สุดยังมีข้อด้อยเราต้องหาวิธีปรับแก้ ยังเชื่อรัฐธรรมนูญที่มาจาก ส.ส.ร. จะได้แก้ข้อครหาจากหลายฝ่ายได้

ค้านแหลกตัด สว.1 ใน 3 รับหลักการ

ที่รัฐสภา นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว.กล่าวถึงการประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 และเพิ่มหมวดการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่วันที่ 13-14 ก.พ.ว่า วุฒิสภาเตรียมจัดเวทีเสวนาเรื่องแก้รัฐธรรมนูญให้ สว. จะเชิญนักวิชาการ นักกฎหมายและผู้ที่เคยยกร่างรัฐธรรมนูญมาให้ความรู้แก่ สว. จะนำเนื้อหาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เสนอต่อรัฐสภามาพิจารณา ส่วนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 และเพิ่มหมวดใหม่ที่เสนอโดยพรรคปชน.และพรรค พท. ไม่เห็นด้วยที่จะแก้ไขตัดเสียงสว.1ใน 3 ออกจากการเห็นชอบในขั้นรับหลักการและวาระ 3 ขัดหลักการปกครองในระบอบประชาธิป ไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขใช้ระบบ 2 สภาถ่วงดุล

ไล่ 2 พรรคอ่านคำวินิจฉัยศาล รธน.

นายพิสิษฐ์กล่าวอีกว่า การพิจารณากฎหมายทั่วไปในชั้น สส.ต้องใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง และต้องผ่าน สว.ใช้เสียงครึ่งหนึ่งของ สว. กฎหมายทั่วไปมีศักดิ์ น้อยกว่ารัฐธรรมนูญ การแก้รัฐธรรมนูญกฎหมายสูงสุด กำหนดให้ใช้เสียง 1 ใน 3 ถือว่าน้อยกว่ากฎหมายทั่วไป ทำให้รัฐธรรมนูญผ่านยากตรงไหน 1 ใน 3 ยังน้อยกว่าเสียงเกินกึ่งหนึ่งด้วยซ้ำ ถ้าร่างแก้รัฐธรรมนูญทั้ง 2 พรรคดีจริงคงโน้มน้าว สว. 67 เสียงเห็นชอบได้แน่ ตัดเสียง สว.ออกไปไม่เห็นด้วย ขัดกับที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันผ่านประชามติมาแล้ว การแก้ไขใดๆตามที่เสนอมาถูกต้องหรือไม่ ขอให้ผู้ยื่นร่างแก้รัฐธรรมนูญกลับไปอ่านคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564 ให้ละเอียดหวังว่าคงจะไม่ถอนออกไปก่อน ไม่รู้ว่าในขั้นตอนหลังบรรจุวาระต่อที่ประชุมแล้ว จะมีผู้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ คงไม่ดำเนินการ แต่เมื่อบรรจุวาระให้พิจารณาแล้ว ยินดีเข้าร่วมประชุมแต่จะไม่เห็นชอบ เมื่อถามว่าจะมีการยื่นเอาผิดสมาชิกรัฐสภา ประเด็นผิดจริยธรรม เพราะทำสิ่งที่ขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564 หรือไม่ นายพิสิษฐ์ตอบว่า ไม่ทราบ แต่นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน.เข้าพบประธานตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแล้วจึงมั่นใจสิ่งที่ทำไปไตร่ตรองรอบคอบแล้ว จะผิดหรือไม่ ไม่ทราบ ไม่รู้ว่าจะมีผู้ยื่นร้องหรือไม่

“นายกฯอิ๊งค์” เช็กโต๊ะ–เก้าอี้รับวันเด็กฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ช่วงเช้าได้ประชุมคณะที่ปรึกษานโยบายของนายกฯที่บ้านพิษณุโลก เขตดุสิต กรุงเทพฯ ที่ปกติจะประชุมวันพฤหัสบดี แต่สัปดาห์นี้นายกฯติดภารกิจ และจะเข้าร่วมประชุมด้วยจึงเลื่อนมาประชุมวันที่ 10 ม.ค. หลังประชุมเสร็จนายกฯเข้าปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบฯ จากนั้นเวลา 12.30 น. น.ส.แพทองธารตรวจความพร้อมโต๊ะและเก้าอี้ทำงานนายกฯ เพื่อรอต้อนรับเด็กๆและเยาวชนที่จะมานั่งในวันที่ 11 ม.ค.วันเด็กแห่งชาติ พร้อมเยี่ยมชมซุ้มกิจกรรมวันเด็กฯภายในตึกไทยคู่ฟ้า กำชับทุกหน่วยงานที่จัดงานวันเด็กภายในทำเนียบฯคำนึงถึงความปลอดภัยของเด็กที่มาร่วมกิจกรรมเป็นสำคัญ และรับทราบข้อความการ์ดอวยพรจากเด็กเยาวชนทั่วประเทศที่เขียนถึงนายกฯ เนื่องในวันขึ้นปีใหม่และวันเด็กแห่งชาติ สำนักเลขาธิการนายกฯ นำมาจัดนิทรรศการไว้ที่ทำเนียบฯแล้ว นายกฯชื่นชมกล่าวตอบว่า “ขอบคุณกำลังใจจากน้องๆทุกคน และขอส่งกำลังใจกลับให้น้องๆทุกคนพัฒนาศักยภาพตัวเอง เพราะทุกโอกาส คือการเรียนรู้ เพื่อปรับตัวสู่อนาคตที่เลือกเองต่อไปค่ะ” ทั้งนี้ ด้านหลังโต๊ะทำงาน น.ส.แพทองธารมีการประดับภาพ น.ส.แพทองธารในวันรับสนองพระบรมราชโองการเป็นนายกฯ ภาพถ่ายร่วมกับครอบครัวชินวัตร และภาพถ่ายกับ ครม.หน้าตึกไทยคู่ฟ้า

สั่งดีอีมอนิเตอร์โต้ข่าวลือไทยอันตราย

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ น.ส.แพทองธารกล่าวถึงกรณีมีกระแสในหมู่คนจีนกังวลเรื่องความปลอดภัยและยกเลิกทัวร์มาเมืองไทยว่า ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้มีกระแสปั่นในกลุ่มคนจีน ว่าการมาเที่ยวเมืองไทยอันตรายอย่างนั้นอย่างนี้ เป็นเรื่องที่ไม่จริง ได้กำชับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมไปแล้วว่า ถ้ามีเนื้อหาแบบนี้ที่ไม่ใช่ความจริง ต้องคอยมอนิเตอร์ เพราะทำให้ประเทศไทยเสื่อมเสีย ล่าสุดกรณีดาราจีนที่ถูกหลอก เขาออกมาพูดและขอบคุณรัฐบาลที่เราช่วยเต็มที่ เราทำเต็มที่ ส่วนใหญ่เป็นข่าวลือไม่ใช่เรื่องจริง แล้วถูกปล่อยเรื่องนี้มาสักพัก เพื่อทำลายภาพลักษณ์ประเทศไทย เพราะฉะนั้นขอพี่น้องประชาชนร่วมมือช่วยกัน เรามีคอนเน็กชันกับประเทศจีนอย่างไรหรือมีเพื่อนเป็นคนจีน ต้องช่วยกันสื่อสารด้วย รัฐบาลดูเรื่องนี้อยู่ไม่ได้นิ่งนอนใจ

จับตา ครม.ถกเอนเตอร์เทนเมนต์ฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่าในการประชุม ครม. วันที่ 13 ม.ค. ที่เลื่อนจากวันที่ 14 ม.ค. ที่รัฐบาลจัดงานราชพิธีสมมงคล คาดว่าสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) จะเสนอร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่ สคล.ทำหนังสือเวียนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบ เพื่อรับทราบความเห็นที่เกี่ยวข้องหรือส่วนอื่นๆที่เห็นสมควร เพื่อประกอบพิจารณาของ ครม. โดยสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นที่น่าสนใจ ตั้งข้อสังเกตไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายฉบับนี้ อาทิ กฎหมายไม่สอดคล้องกับนโยบายเร่งด่วนที่ 7 ที่แถลงต่อรัฐสภา ต้องการเร่งส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยว เพิ่มแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น มุ่งหมายพัฒนาพื้นที่เป้าหมายให้เกิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้นเป็นหลัก แต่ร่างกฎหมายฉบับนี้มุ่งเฉพาะสถานบันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโน หากมุ่งหมายจำกัดเฉพาะ “สถานบันเทิงครบวงจร” ควรกำหนดให้ชัดว่าเป็นอะไร ไม่ว่าโรงแรม ร้านอาหารหรืออื่นๆอีกมากมาย เพราะแต่ละกิจกรรมมีกฎหมายเฉพาะควบคุมอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีกฎหมายขึ้นมาใหม่ อาจซ้ำซ้อนกับกฎหมายที่มีอยู่ได้

กฤษฎีกาสอนมวย ก.คลังเขียน ก.ม.ไม่ชัด

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในข้อสังเกตของคณะกรรมการกฤษฎีกายังระบุอีกว่า จากรายงานผลการศึกษาเปิดสถานบันเทิงของคณะ กมธ.วิสามัญฯ สภาฯ มุ่งแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมาย แต่ร่างกฎหมายฉบับนี้ที่มีหลักการเดียวกับผลศึกษาดังกล่าว ยังมองไม่เห็นว่าแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายได้อย่างไร หากรัฐบาลประสงค์แก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมาย หรือมีนโยบายจัดให้เล่นการพนันที่ชอบด้วยกฎหมายในสถานบริการหรือสถานที่อื่นใด ดำเนินการได้ตาม พ.ร.บ.การพนันหรือแก้ไข พ.ร.บ.การพนันให้ทันยุคสมัย กระทรวงการคลังต้องชี้แจงให้ชัดเจนว่าร่างกฎหมายฉบับนี้ที่เสนอต่อ ครม. เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ผลักดันนโยบายแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้นเป็นหลักหรือเป็นไปตามข้อเสนอของ กมธ.ที่มุ่งแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมาย เพราะมีความแตกต่างในการออกแบบกฎหมาย และสมควรฟังความคิดเห็นจากประชาชน รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย เพื่อปรับปรุงให้ตรงวัตถุประสงค์ก่อนเสนอ ครม.

“ทักษิณ–พิธา” ร่วมงานแต่งคู่รัก 2 ขั้ว

เมื่อเวลา 18.00 น. ที่โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น หลักสี่ กทม. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ พร้อมนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) เดินทางมาร่วมพิธีฉลองมงคลสมรสของนายธนาธร โล่ห์สุนทร สส.ลำปาง เขต 2 พรรค พท.บุตรชายนายไพโรจน์ โล่ห์สุนทร อดีต สส.ลำปาง พรรค พท. กับ น.ส.รภัสสรณ์ นิยะโมสถ สส.ลำปาง เขต 4 พรรค ปชน. มีบรรดารัฐมนตรี สส.พรรค พท. และพรรค ปชน. ร่วมงานคึกคัก ทันทีที่นายทักษิณมาถึงมีรัฐมนตรี สส. อดีต สส. พรรค พท.มารอต้อนรับ โดยนายทักษิณเขียนคำอวยพรให้คู่บ่าวสาวว่า “ขอแสดงความยินดีกับคุณธนาธรและคุณ รภัสสรณ์ที่ได้ร่วมชีวิตกัน ขออวยพรให้มีแต่ความสุข ความสมหวังและความสำเร็จในชีวิตคู่ตลอดไป ด้วยรักและปรารถนา” ส่วนนายพิธาเขียนอวยพรให้คู่บ่าวสาวว่า “สุข สมหวัง นิจนิรันดร์”

นายทักษิณให้สัมภาษณ์ถึงการมาออกงานคู่กับนายพิธาว่า ดีๆเดี๋ยวก็ได้เจอกันบ้าง ไม่ได้เจอกันเลย เมื่อถามย้ำว่า ก่อนหน้านี้ไปเป็นผู้ช่วยหาเสียงหลายจังหวัดช่วงเวลาใกล้เคียงกัน แต่ไม่ได้เจอกันเลย นายทักษิณกล่าวว่า ไม่ได้เจอกันเลย เดี๋ยวจะนั่งคุยกัน แต่คงไม่ได้คุยกันเรื่องการเมือง แต่คุยเรื่องบ้านเมือง

“พิธา” บอกไม่มีนัยการเมือง

ต่อมานายพิธาเดินทางมาถึงโดยให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าร่วมงานว่า มางานแต่งงานเท่านั้น ไม่ได้มีนัยทางการเมือง ความรักของคนสองคน ไม่ได้เกี่ยวข้องกับขั้วการเมือง เมื่อถามวันนี้ตื่นเต้นที่จะได้เจอนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯหรือไม่ นายพิธาระบุว่า ตื่นเต้นกับคู่บ่าวสาว เมื่อถามถึงกรณีที่นายทักษิณให้สัมภาษณ์ ระบุ เป็นเรื่องที่ดีจะได้เจอนายพิธาจะได้คุยเรื่องบ้านเมือง นายพิธากล่าวว่า คงคุยในเรื่องบรรยากาศทางการเมืองโลกทั่วไป แต่หากจะพูดถึงการเมืองจริงจัง สภาฯคงเหมาะสมกว่า เพราะตนถูกตัดสิทธิ์แล้ว เมื่อถามว่าในอนาคตพรรคการเมืองจะมีโอกาสดองกันบ้างหรือไม่ นายพิธากล่าวว่าคนละเรื่องกัน

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่