“ภูมิธรรม” ขอรอตำรวจสอบสวน “จ่าเอ็ม” ก่อน ขออย่าโยงไปไกล คาดวันนี้ถึง กทม. บอก ยังไม่ได้รับรายงานคนไทยตกคอนโด 18 ชั้นที่กัมพูชา หนีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เผย 30 ม.ค.นี้ ประชุมกับนายกฯ หารือมาตรการตรวจเข้มชายแดน

วันที่ 9 มกราคม 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงคดี นายเอกลักษณ์ แพน้อย หรือ จ่าเอ็ม อดีตทหารเรือ ลอบยิงอดีต สส.ฝ่ายค้านของกัมพูชา ซึ่งล่าสุด ตำรวจได้ติดตามและจับกุมได้ที่ชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ว่า ต้องขอดูรายละเอียดก่อนว่าเกิดขึ้นจากอะไร วันนี้เราเริ่มต้นด้วยเรื่องความขัดแย้งส่วนตัวแต่ก็ไม่ตัดประเด็นอื่น ซึ่งตำรวจได้ติดตามจับกุมและประสานงานเพื่อจะนำตัวกลับประเทศไทย คาดว่าวันนี้จะถึงกรุงเทพฯ จึงขอสอบสวนก่อน และดูว่าสาเหตุที่เกิดขึ้นเกิดจากอะไร ตอนนี้มีหลายสาเหตุ

ส่วนที่มีคนเอาไปเชื่อมโยงว่าสาเหตุที่ถูกลอบสังหารเกี่ยวกับประเด็นเกาะกูดนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า เชื่อมโยงไปไกลเกิน และอย่าไปเชื่อมโยงให้ไกลกว่านั้น เพราะแต่ละเรื่องก็มีเรื่องราวของมัน มีประเด็นและปัญหาของมันอยู่ ขอให้เอาความจริงมาพูดดีกว่า อย่าคาดการณ์ เพราะคิดไปแล้วก็ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงบ้าง ทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ทั้งนี้ นายเอ็ม ออกจากราชการทหารเรือไปนานแล้วหรือไม่ตนเองก็ไม่แน่ใจ กำลังให้สอบสวนอยู่ รวมถึงประสานงานระหว่างกองทัพและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อสอบสวนเรียบร้อยแล้วจะชี้แจงให้เป็นเรื่องเป็นราว

ทางด้านคำถามว่าจะต้องดูแลและเข้มมาตรการในการรักษาความปลอดภัยสำหรับนักการเมืองหรือบุคคลสำคัญจากต่างประเทศที่เดินทางมาในประเทศไทยอย่างไร นายภูมิธรรม ตอบว่า ต้องดูว่ากรณีนี้เกิดขึ้นจากอะไร เพราะเราก็ยังไม่ทราบว่ากระบวนการทั้งหมดเป็นอะไร ต้องขอดูข้อเท็จจริงก่อน ปกติก็มีบรรทัดฐานในการดำเนินการอยู่แล้ว ถ้าเป็นบุคคลสำคัญของแต่ละประเทศเข้ามาก็แจ้งให้กับทางการไทยทราบ ก็จะมีการตรวจสอบอย่างเต็มที่ แต่ถ้าบางทีมาแล้วไม่ได้บอกก็ยากที่จะดูแล

...

สำหรับมาตรการในการดูแลตามแนวชายแดนที่ตอนนี้อาชญากรหรือมิจฉาชีพใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านในการลักพาตัวไปเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้น นายภูมิธรรม เผยว่า วันที่ 30 มกราคม 2568 จะประชุมเรื่องนี้ ซึ่งตนได้สั่งการไปแล้วว่าจะป้องกันชายแดนไทยทั้งหมด 14 จังหวัด 51 อำเภอ 76 สถานีตำรวจ เพราะที่ผ่านมาเราใช้ทหารกิจการชายแดนดูแลตามแนวชายแดนแต่ไม่เพียงพอ เพราะชายแดนไทยมีอาณาเขตยาวมาก การที่จะให้ฝ่ายกิจการชายแดนมาดำเนินการอย่างเดียวจึงยังไม่เพียงพอ แนวคิดตอนนี้คือจะซีลทุกอำเภอรอบชายแดน ซึ่งจะช่วยสร้างกำแพงสองชั้น จะดีและแก้ปัญหาได้ทั้งเรื่องยาเสพติดและแก๊งอิทธิพลคอลเซ็นเตอร์ทุกเรื่อง

นายภูมิธรรม ระบุต่อไปว่า ได้วางเป้าหมายไว้ 6 เดือน ทำให้เกิดผลในการเปลี่ยนแปลง และถ้ามีปัญหาไม่สามารถทำได้ ก็ต้องเป็นความรับผิดชอบของผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการจังหวัด และทางกฎหมายผู้บังคับการ กองทัพภาคทุกภาคมีหน้าที่ดูแลชายแดนอยู่แล้ว ซึ่งตอนนี้ปัญหายาเสพติดและการค้ามนุษย์เป็นเรื่องที่บั่นทอนความมั่นคงของประเทศและภาพลักษณ์ของไทยหลายเรื่อง จึงคิดว่าอยากให้ใช้เวลา 6 เดือน ดูว่าผลออกมาจะเป็นอย่างไร หากเริ่มวันที่ 30 มกราคมนี้ เดี๋ยวเดือนมิถุนายน 2568 ก็จะเห็นผลว่าเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ถ้าไม่เห็นผลหรือไม่ทำหน้าที่ให้สมัครใจย้าย ขอให้รอวันที่ 30 มกราคมนี้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานการประชุมร่วมกับผู้บัญชาการเหล่าทัพและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รวมถึงเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อบูรณาการกันแก้ปัญหา

นอกจากนี้ พื้นที่ที่เป็นศูนย์บัญชาการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามประเทศไทย แม้ไทยจะรู้แล้วว่าเป็นศูนย์บัญชาการใหญ่ และล่าสุดมีคนไทยพลัดตกจากคอนโดมิเนียม 18 ชั้น ที่ปอยเปต ลงมาเสียชีวิต เพราะจะหนีจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้น นายภูมิธรรม บอกยังไม่ทราบเรื่องนี้ แต่ศูนย์บัญชาการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่ในอธิปไตยของประเทศเขา เราจะไปลุกลามไม่ได้ จึงแค่ประสานงานและแจ้งไป โดยขอให้ชัดเจนก่อนว่าเป็นอย่างไร เพราะความจริงในทางปฏิบัติเราก็ประสานงานอยู่แล้วว่าอย่าให้เรื่องราวเกิดขึ้น เพราะหลายเรื่องก็เกิดซ้ำซาก แต่เรื่องระหว่างประเทศก็ต้องคำนึงถึงอธิปไตยของแต่ละประเทศ เราไม่อาจเข้าไปรุกล้ำหรือทำอะไรได้ อย่างมากที่สุดที่เราจะทำได้คือการทำให้ประเทศของเรามีความเข้มงวดให้มากขึ้นและดูแลให้เต็มที่

ในประเด็นที่ตอนนี้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านในการแอบเอาประชาชนเข้าไปในที่ตั้งนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า ประเทศประชาธิปไตยมันก็เป็นอย่างนี้ทุกประเทศ เพียงแต่เราต้องดูว่าเรื่องไปถึงไหนและเข้มข้นในมาตรการรักษาความปลอดภัยและความเรียบร้อยให้ดี.