เข้าทาง “เรืองไกร” จ้องจับผิดนายกฯ ยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินตามกรอบเวลาที่กำหนด หรือไม่ ข้องใจรวยกว่าพ่อ-แม่ ที่เคยยื่นไว้เมื่อ 17 ปีก่อน ขู่ฟ่อเตรียมตอบคำถาม ป.ป.ช.ให้ดี เพื่อไทยขอเลิกเพ่งเล็งนายกฯหมื่นล้าน ยกรวยขนาดนี้ยังมัธยัสถ์ช็อป TikTok กางเกงฝีมือคนไทยตัวละ 200 ใส่ทำงาน รวมไทยสร้างชาติแนะฝ่ายค้านเปิดซักฟอกข้อมูลต้องแน่น “นันทนา” ปลงโอกาสริบหรี่แก้ รธน. แฉ ภูมิใจไทยผนึก สว.น้ำเงินขวางเต็มลำ เตือนสติ สส.-สว.ยึดกติกาสากล “จักรภพ” เชิญ “นายใหญ่” ร่วมเป็นสักขีพยานรัก
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จ้องเขม็งหลังกรรมการ ป.ป.ช.เปิดข้อมูลบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมตั้งข้อสังเกตุทำไมรวยกว่าพ่อ-แม่ ที่เคยยื่นเอาไว้เมื่อ 17 ปีก่อน
“เรืองไกร” จับผิด “อิ๊งค์” แสดงบัญชี
เมื่อวันที่ 4 ม.ค. นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์กรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พบว่ามีทรัพย์สินกว่า 1.39 หมื่นล้านบาทว่า ก่อนที่ ป.ป.ช.จะเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ น.ส.แพทองธาร เคยร้องไปยัง กกต. เรื่องคุณสมบัติการเป็นนายกฯเกี่ยวกับการถือครองหุ้นบริษัทของ น.ส.แพทองธารจำนวน 21 บริษัทไปแล้ว ในจำนวนนี้ น.ส.แพทองธาร เป็นกรรมการถึง 20 บริษัท และตามข่าว น.ส.แพทองธารระบุว่ายื่นหนังสือลาออกจากการเป็นกรรมการทั้ง 20 บริษัทด้วยตนเอง ในวันที่ 15 ส.ค. ก่อนการโหวตเลือกนายกฯ 1 วัน แต่ทั้ง 20 บริษัทมีที่ตั้งกระจายอยู่ 4 จังหวัด เป็นไปได้หรือไม่ที่คนคนหนึ่งจะเดินทางไปทั้ง 4 จังหวัดในวันเดียวกัน แล้วเหตุใดไม่มีการแจ้งกรรมการกรณีกรรมการลาออกในวันที่ 16 ส.ค. ที่เป็นวันศุกร์ แต่กลับไปแจ้งวันที่ 19 ส.ค. เป็นเหตุผลที่ขอให้ กกต.ตรวจสอบว่าเป็นการยื่นย้อนหลัง เพราะเป็นบริษัทภายในครอบครัวหรือไม่
...
สงสัยยื่นตามกรอบเวลาหรือไม่
นายเรืองไกรกล่าวว่า อีกประเด็นคือ น.ส.แพทองธารถือหุ้นอยู่หลายบริษัท เกินร้อยละ 5 เช่น บริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ จํากัด ถืออยู่ร้อยละ 30 หลังเป็นนายกฯโอนให้มารดาทั้งหมด และบริษัท ประไหมสุหรี พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ถือไว้กว่าร้อยละ 40 โอนให้พี่สาว และแจ้งไว้ต่อกรมธุรกิจการค้า หลังวันที่ดำรงตำแหน่งนายกฯ ที่เหลือมีการฝากไว้ที่บริษัทบริหารหลักทรัพย์ที่มีอำนาจบริหารทรัพย์สินตามกฎหมาย จึงสงสัยว่าเหตุใดไม่ฝากไว้ทั้งหมด แต่กลับเอาไปโอนให้มารดาและพี่สาว 2 บริษัท และการยื่นบัญชีทรัพย์สิน กฎหมาย ป.ป.ช.กำหนดให้นับกรอบเวลาการยื่น 60 วัน ขยายได้อีก 30 วัน ตั้งแต่วันที่ได้รับการโหวตเป็นนายกฯ คือวันที่ 16 ส.ค. แต่เลขาฯ ป.ป.ช.บอกว่าให้นับตั้งแต่วันเข้าปฏิบัติหน้าที่ คือวันที่ 6 ก.ย. ตรงนี้ต้องตรวจสอบว่า น.ส.แพทองธารยื่นแจ้ง ป.ป.ช.ตามกรอบเวลาที่กฎหมายกำหนดหรือไม่
ขู่ฟ่อเตรียมตอบคำถาม ป.ป.ช.ให้ดี
นายเรืองไกรกล่าวอีกว่า ทรัพย์สินและหนี้สินที่ ป.ป.ช.เปิดออกมาของ น.ส.แพทองธารถือว่ามีรายละเอียดจำนวนมาก จะไล่ตรวจสอบโดยจะย้อนไปถึงบัญชีทรัพย์สินที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ยื่นต่อ ป.ป.ช.ครั้งสุดท้ายหลังพ้นจากตำแหน่งนายกฯ 1 ปี เมื่อวันที่ 19 ก.ย.2550 ที่นายทักษิณและภรรยาแสดงว่ามีทรัพย์ประมาณ 8,484 ล้านบาท วันนี้นายกฯที่เป็นหนึ่งในลูกจำนวน 3 คนมีทรัพย์สินมากกว่าพ่อกับแม่ที่เคยยื่นไว้เมื่อ 17 ปีที่แล้วจำนวนมาก ต้องตรวจสอบแน่ ขอให้ น.ส.แพทองธารเตรียมคำตอบต่อ ป.ป.ช.ให้ดีแล้วกัน
พท.ขอเลิกเพ่งเล็งนายกฯหมื่น ล.
ด้านนายพายุ เนื่องจำนงค์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) ทวีตข้อความผ่าน x ระบุว่า “Quick Take : เมื่อได้เห็นบัญชีทรัพย์สินของนายกฯอิ๊งค์ กันแล้ว... ก็ควรเลิกปรามาสการใช้ชีวิตและวางตัวของท่าน เมื่อเทียบกับพฤติกรรมของคนบางกลุ่ม ที่มีทรัพย์สินไม่ถึง 0.5% ของท่านนายกฯ แต่กลับนิยมใช้ของแบรนด์เนม/ใช้ชีวิต “ติดแกลม” กันใหญ่... สังคมควรย้อนกลับไปตั้งคำถามกับบุคคลเหล่านั้นมากกว่าว่าพวกเขา “live within your means” (ดำรงชีวิตตามฐานะ) หรือไม่? ไม่ใช่มัวมาเพ่งเล็งที่นายกฯที่มีทรัพย์สินหลักหมื่นล้านแต่ก็ยังสั่งซื้อกางเกงฝีมือคนไทยตัวละ 200 บาทใน TikTok มาใส่ทำงาน #นายกแพทองธาร”
ชมทุกหน่วยดูแลช่วงเคาต์ดาวน์
เมื่อเวลา 08.00 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการเสียงจากใจไทยคู่ฟ้าว่า ประเทศไทยผ่านการเคาต์ดาวน์เข้าสู่ ศักราชใหม่ปี 2568 ด้วยความเรียบร้อย นายกฯขอบคุณหน่วยงานที่ดูแลความปลอดภัยอย่างทุ่มเทช่วงเทศกาลปีใหม่ ทำให้คืนวันเคาต์ดาวน์ต่อเนื่องจนถึงวันที่ 1 ม.ค.2568 ทุกจุดในประเทศไทยไม่มีเหตุการณ์รุนแรง นอกจากนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานว่า ในปี 2567 มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยกว่า 35 ล้านคน นายกฯมีดำริในที่ประชุมคณะทำงานว่าทำอย่างไรที่ประเทศไทยจะไม่มีคำว่าโลว์ซีซัน แต่ให้ท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี
เน้นงานเชิงรุกแก้ปัญหาประชาชน
วันเดียวกัน นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯได้รับรายงานจากพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ได้นำระบบดิจิทัลและเทคโนโลยีทันสมัยมาใช้เสริมสร้างความมั่นคงและความปลอดภัยแก่ประชาชน เพื่อป้องกันปราบปราม และรับมืออาชญากรรมที่เปลี่ยนรูปแบบ ตามนโยบายเร่งด่วนรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาเว็บหรือแอปพลิเคชันรวมทั้งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงประชาชน โดยตำรวจท่องเที่ยวจัดทำแอปพลิเคชัน “Thailand Tourist Police” ทั้งในระบบ iOS, Android และ Huawei App Gallery มีจุดเด่นด้วยระบบปุ่ม SOS และ GPS ที่สามารถแชร์โลเคชันผู้แจ้ง เพื่อส่งพิกัดขอรับการช่วยเหลือจากตำรวจท่องเที่ยวที่รับผิดชอบพื้นที่ได้อย่างทันท่วงที ในกรณีเหตุฉุกเฉินยังสามารถใช้เบอร์โทร.สายด่วนหมายเลข 1155 ที่ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง มีล่ามช่วยแปลได้ถึง 8 ภาษา คืออังกฤษ จีน เกาหลี ญี่ปุ่น รัสเซีย ภาษาฮินดี เยอรมัน และฝรั่งเศส นอกจากนี้ ยังมีแอปฯ Cyber Check ช่วยให้ประชาชนคัดกรองมิจฉาชีพจากเบอร์โทรศัพท์ปริศนา นายกฯกำหนดเป้าหมายสำคัญด้านความมั่นคงในปี 2568 คือการป้องกันอาชญากรรมอย่างรอบด้าน และปราบปรามเชิงรุก บูรณาการร่วมงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สร้างความปลอดภัยและเสริมสร้างความเชื่อมั่นของประชาชนผ่านนโยบายและมาตรการต่างๆ
ฝ่ายค้านซักฟอกข้อมูลต้องแน่น
นายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกรณีพรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ว่า หากมองไทม์ไลน์ช่วงกลางเดือน ก.พ. หรือหลังวันวาเลนไทน์ไปแล้วถือว่าเหมาะสม เนื่องจากเป็นการทำงานต่อเนื่องของ 2 รัฐบาลตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน และรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นับรวมแล้วถือว่าก้าวเข้าสู่ปีที่ 2 ของรัฐบาล และเป็นโอกาสดีที่นายกฯและรัฐมนตรีทุกกระทรวงจะได้ชี้แจงผลการดำเนินงานให้ประชาชนทราบด้วย เชื่อว่าทุกกระทรวงจะสามารถชี้แจงฝ่ายค้านได้ทุกประเด็น โดยที่ฝ่ายค้านต้องมีข้อมูลที่แน่นหนามากเพียงพอ ไม่ใช่แค่การกล่าวหาโจมตีสร้างวาทกรรมแค่พิธีกรรม ไม่แค่สร้างกระแสโซเชียลหวังตีกินทางการเมือง
แบ่งงานราษฎร์-งานหลวงหาเสียง
นายดนุพร ปุณณกันต์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการลงพื้นที่ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไปช่วยนายอนุชิต หงษาดี ผู้สมัครนายก อบจ.นครพนม หาเสียงวันที่ 12 ม.ค.ว่า ขณะนี้มีแจ้งมา จ.นครพนม จังหวัดเดียว นายกฯขอทำงานก่อน เมื่อถามว่าจะดูฟีดแบ็กก่อนใช่หรือไม่ ถึงจะลงพื้นที่อื่นเพิ่ม นายดนุพรตอบว่า ไม่เกี่ยวกับฟีดแบ็ก หากนายกฯลงพื้นที่ช่วยหาเสียงมากเกินไปจนทำให้การทำงานของรัฐบาลมีปัญหา ท่านจะโดนตำหนิ ต้องบาลานซ์กัน หากเหตุการณ์ทั่วไปเป็นปกติไม่มีเรื่องอะไร มั่นใจว่าเสาร์-อาทิตย์ หรือวันหยุด นายกฯพร้อมลงไปช่วย เมื่อถามว่าจะใช้โมเดลนครพนมเป็นที่แรกก่อนใช่หรือไม่ นายดนุพรตอบว่าใช่ ขอวางเป็นโมเดลเดียวก่อน ต้องดูงานนายกฯด้วยว่ามีอะไรหรือไม่ ต้องบาลานซ์งานราษฎร์และงานหลวง ท่านจะช่วยหาเสียงได้ก็หลังเลิกงานในวันธรรมดา หรือเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น
“นันทนา” รับโอกาสริบหรี่แก้ รธน.
อีกเรื่อง น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. กลุ่มพันธุ์ใหม่ กล่าวถึงจุดยืนกลุ่ม สว.พันธุ์ใหม่ ต่อร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ของนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภากลางเดือน ม.ค.ว่า พร้อมสนับสนุนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าว เพราะการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มาจากการเลือกตั้งของประชาชนทั้งหมด เป็นจุดยืนและหลักการของกลุ่ม สว.พันธุ์ใหม่มาตั้งแต่ต้น ส่วนแนวโน้มจะผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาหรือไม่ เพราะต้องมีเสียง สว. 1 ใน 3 ร่วมรับรองนั้น หากดูจากทิศทางการลงมติ พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ ที่เชื่อมโยงกับ สส.พรรคภูมิใจไทย จะเห็นว่ากลุ่ม สว.เสียงข้างมาก ไม่สนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เล่นเกมยืดเยื้อในกระบวนการ คาดว่าอาจไม่ได้เสียงสนับสนุนถึง 1 ใน 3 และหากดูจากสถิติการลงมติที่ผ่านมา คงไม่สามารถไปเจรจา หรือโน้มน้าว สว.กลุ่มนี้ได้ เชื่อว่าทุกการลงมติหลังจากนี้จะเป็นปึกแผ่น 150 เสียงขึ้นไป ต่อให้พรรคเพื่อไทยเสนอร่างประกบเข้ามาก็มองว่าผ่านค่อนข้างยาก เพราะการลงมติของพรรคภูมิใจไทย ประสานกับ สว.เสียงข้างมาก เหมือนไม่พยายามให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเลย
เตือนสติ สส.–สว.ยึดกติกาสากล
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะกลายเป็นความขัดแย้งระหว่าง 2 สภาหรือไม่ เพราะร่างของพรรคประชาชนตัดอำนาจ สว.หลายอย่าง น.ส.นันทนาตอบว่าไม่ใช่ เรื่องความขัดแย้ง แต่เป็นเรื่องหลักการทำรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยแบบสากล และมีอารยะ จะมองว่าลดอำนาจแล้วไม่โหวตให้ไม่ได้ อยากเตือนสติสมาชิกรัฐสภาว่า การร่างรัฐธรรมนูญไม่ใช่ทําเพื่อใคร หรือกลุ่มใด แต่เป็นกติกาที่ใช้กับคนทั้งประเทศ ควรเป็นกติกาที่สากลยอมรับได้ เป็นประชาธิปไตยแบบไม่ซ่อนเร้น ขอให้นึกถึงประชาชนทั้งประเทศ
ก๊วนสีน้ำเงินตั้งแง่ขวางเต็มลำ
นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว.สีน้ำเงิน กล่าวถึงจุดยืนต่อร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ของพรรคประชาชนว่า หากการแก้ไขมาตรา 256 ไปแตะ (8) ที่เกี่ยวกับหมวด 1 และหมวด 2 รวมถึงอำนาจขององค์กรอิสระ คงไม่เห็นด้วย และมองว่าต้องทําประชามติก่อน เชื่อว่าจะขัดต่อรัฐธรรมนูญด้วยซ้ำ ผู้สื่อข่าวถามว่าหากพรรคเพื่อไทยเสนอร่างประกบ และไม่แตะ (8) จะเห็นด้วยหรือไม่ นายพิสิษฐ์ตอบว่า ต้องดูก่อนว่าถ้าแก้แล้วประชาชนได้อะไร หากเป็นแก้เพื่อให้นักการเมืองได้ประโยชน์ ก็ไม่เห็นด้วย เมื่อถามว่ามีข้อกังวลจากคําวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญว่าหากจะแก้รัฐธรรมนูญต้องทําประชามติก่อน นายพิสิษฐ์ตอบว่า ส่วนตัวคิดว่าเป็นปัญหา เพราะคําวินิจฉัยที่ 4/2564 ยังไม่เกิดความชัดเจนว่าต้องทําประชามติกี่ครั้ง ส่วนต้องยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความก่อนพิจารณากฎหมายหรือไม่ มองว่าไม่จําเป็น รอให้ยื่นมาก่อนค่อยดูกัน
เชิญ “นายใหญ่” เป็นสักขีพยานรัก
นายจักรภพ เพ็ญแข อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และอดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา ตนพร้อมนายสุไพรพล ช่วยชู หรือป๊อบ คู่ชีวิต เข้าพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เพื่อเรียนเชิญเป็นสักขีพยานในการจดทะเบียนสมรส รับกฎหมาย พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ที่ประเทศไทยจะประกาศใช้ในวันที่ 22 ม.ค.นี้ ขอคำปรึกษาการจดทะเบียนสมรสและการฉลองแต่งงานของเรา ในฐานะที่ท่านเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ มีบทบาทสำคัญผลักดัน พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ในนามพรรคเพื่อไทย ที่ผลักดันต่อสู้จนประสบความสำเร็จ นายทักษิณเมตตาให้คำปรึกษาอย่างผู้ใหญ่ในครอบครัว ทั้งในเรื่องวัน เวลา รูปแบบ แม้แต่ฤกษ์ผานาที และย้ำว่าต้องยึดหลักโบราณเพื่อหาวันที่เหมาะสม
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่