นายกฯเอาฤกษ์เอาชัยช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 เข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราช ได้รับประทานพรให้รักษาความสงบสุข สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านพิษณุโลก กราบขอพรประธานองคมนตรี อวยพรให้สำเร็จทำเพื่อชาติ ไหว้พระแก้วมรกต ปิดท้ายสักการะศาลหลักเมือง ป.ป.ช.เปิดคลังมหาสมบัติ “อิ๊งค์” รวยมโหฬารกว่า 1.39 หมื่น ล. ทุบสถิติเป็นนายกฯไทยรวยที่สุด ทรัพย์สินเพียบ ที่ดินในญี่ปุ่น สัญญาเช่าบ้าน 2 หลังที่อังกฤษ หลังละเกือบพันปี รถ 23 คัน กระเป๋า 217 ใบ ทองคำแท่ง-ตุ๊กตาแบร์บริค-กำไล-ต่างหู มีหนี้สิน 4.4 พัน ล. กู้ยืมกันในครอบครัว สามีรวยเบาะๆ 147 ล้าน รมต.คนอื่นอู้ฟู่ไม่แพ้กัน “ซาบีดา-อิทธิ” มีกว่า 2 ร้อย ล. “นฤมล-เสี่ยต่อ” สูสีร้อยกว่าล้าน พท.ไม่กังวลเย้ยฝ่ายค้านมีแค่ปืนลม

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมสามี เข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราช ในโอกาสวันปีใหม่ 2568 และเข้ากราบขอพร พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี เนื่องในเทศกาลปีใหม่ ขณะที่ ป.ป.ช.เปิดบัญชีทรัพย์สินของรัฐมนตรีในรัฐบาล น.ส.แพทองธาร กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 6 ธ.ค.2567

นายกฯเฝ้าสมเด็จพระสังฆราช

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 3 ม.ค.ที่พระตำหนักอรุณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร เขตพระนคร กทม. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมนายปิฎก สุขสวัสดิ์ คู่สมรส เข้าเฝ้าถวายเครื่องสักการะแด่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เนื่องในโอกาสวันปีใหม่ 2568 พร้อมวางพวงมาลัยถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว บริเวณข้างอุโบสถ ทั้งนี้ นายกฯยังเข้ากราบสักการะสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช กรรมการมหาเถรสมาคม ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธฯ และถวายพวงมาลัยสักการะพระพุทธอังคีรส พระประธานภายในพระอุโบสถ

...

ขอรักษาประเทศมีความสงบสุข

น.ส.แพทองธารกล่าวว่า สมเด็จพระสังฆราชฯ ประทานพรให้มีสุขภาพแข็งแรง และขอให้ทำงานรักษาความสงบสุข ไม่อยากให้มีขึ้นๆลงๆ อยากให้มีความสงบสุข แน่นอนเป็นความตั้งใจอยู่แล้วว่าอยากให้ประเทศชาติสงบสุข ได้รับน้ำมนต์รู้สึกสบายใจ จริงๆอยากให้สื่อมวลชนไปรับน้ำมนต์ด้วย เพราะปีนี้ทำงานหนักด้วยกัน จากนั้นเดินทางมายังบ้านพิษณุโลกเข้าสักการะศาลท่านท้าวหิรัญพนาสูร สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำบ้านพิษณุโลก ไหว้พระพรหมและพระพุทธรูปภายในบ้านพิษณุโลก และสักการะรูปปั้นพระนารายณ์บรรทมสินธุ์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์พระราชทาน เป็นเครื่องหมายประจำตระกูล ประดิษฐานอยู่บนแผ่นศิลาในอ่างน้ำ

“สุรยุทธ์” อวยพรทำงานเพื่อชาติ

ต่อมาเวลา 15.00 น. ที่ทำเนียบองคมนตรี น.ส.แพทองธารเดินทางเข้าพบ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี เพื่อกราบขอพรเนื่องในเทศกาลปีใหม่ โดย พล.อ.สุรยุทธ์ได้อวยพรให้ประสบความสำเร็จในการทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง จากนั้นนายกฯ ได้ไปไหว้พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่บ้านของไทย ภายในอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม จากนั้นไหว้ศาล หลักเมืองเพื่อความสิริมงคลในการทำงาน มีประชาชนมาขอถ่ายภาพเป็นจำนวนมาก

“อิ๊งค์” รวยมโหฬาร 1.39 หมื่นล้าน

ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีการเปิดบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของรัฐมนตรีในรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 6 ธ.ค.2567 จำนวน 6 คน มีที่น่าสนใจคือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายก รัฐมนตรี มีทรัพย์สินรวมทั้งสิ้น 13,993,826,903 บาท แบ่งเป็นทรัพย์สินของ น.ส.แพทองธาร 13,846,208,451 บาท ทรัพย์สินของนายปิฎก สุขสวัสดิ์ คู่สมรสที่อยู่กินกันฉันสามีภริยา 147,118,452 บาท โดย น.ส.แพทองธารมีทรัพย์สินประกอบด้วยเงินสด 7,272,743 บาท เงินฝากในบัญชีธนาคาร 29 บัญชี มูลค่า 1,081,187,216 บาท เงินลงทุน 11,007,772,574 บาท เงินให้กู้ยืม 15,238,714 บาท โดยให้นายพานทองแท้ ชินวัตร พี่ชายกู้ยืมเมื่อวันที่ 8 ก.ย.2559 ที่ดิน 12 แปลง มูลค่า 724,922,982 บาท ส่วนใหญ่เป็นที่ดินเขตคันนายาว กทม., อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี, อ.เมืองนนทบุรี รวมถึงมีที่ดินย่าน AZA-TOKIWA AKAIGA WAMURA ประเทศญี่ปุ่น มูลค่า 15 ล้านบาท ที่ซื้อเมื่อวันที่ 15 ธ.ค.2562

สัญญาเช่าบ้านอังกฤษร่วมพันปี

มีโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 9 หลัง มูลค่า 168,615,386 บาท อาทิ ห้องชุด 2 แห่ง ที่เขตปทุมวัน มูลค่า 63.9 ล้านบาท และ 64.9 ล้านบาท ห้องชุดที่เขตคลองเตย มูลค่า 26.8 ล้านบาท บ้าน 2 ชั้น ที่ อ.เมืองนนทบุรี มูลค่า 2.2 ล้านบาท ยานพาหนะ 23 คัน มูลค่า 66,770,000 บาท อาทิ รถ BENTLEY แบบ FLYINGSPUR HYBRID มูลค่า 10.6 ล้านบาท รถ MERCEDES BENZ แบบ Maybach S 580e มูลค่า 9 ล้านบาท รถยนต์ ROLLS-ROYCE มูลค่า 6.7 ล้านบาท สิทธิและสัมปทาน 358,789,334 บาท ในจำนวนนี้มีการเช่าบ้านที่ Flat 11 Knaresborongh house, 7 Knaresborongh Place, London มูลค่า 111,612,250 บาท มีสัญญาเช่า ตั้งแต่ 20 ก.พ.2550 ถึง 24 ธ.ค.3537 รวมระยะเวลาเช่า 987 ปี และที่ Flat 6 14 Montpelier street, London มูลค่า 208,342,867 บาท มีสัญญาเช่าตั้งแต่ 26 ก.ค.2560 ถึง 21 ม.ค.3552 รวมระยะเวลาเช่า 992 ปี

มีหนี้กู้เงินญาติพี่น้อง 4.4 พันล้าน

สำหรับทรัพย์สินอื่นๆ 415,639,500 บาท ได้แก่ ทองคำแท่ง น้ำหนัก 75 บาท มูลค่า 3 ล้านบาท นาฬิกา 75 เรือน มูลค่า 162 ล้านบาท ของสะสมตุ๊กตาแบร์บริค 9 ตัว มูลค่า 1.9 ล้านบาท กระเป๋า 217 ใบ มูลค่า 76.6 ล้านบาท แหวน 108 วง 31.7 ล้านบาท กำไลข้อมือ 69 เส้น มูลค่า 28.5 ล้านบาท ต่างหู 205 คู่ มูลค่า 49.3 ล้านบาท เครื่องแต่งกาย 167 ชุด มูลค่า 26.7 ล้านบาท ทั้งนี้ น.ส.แพทองธารยังแจ้งว่ามีหนี้สิน 4,439,980,600 บาท เป็นเงินเบิกเกินบัญชี 5,458,262 บาท เป็นหนี้สินอื่น 4,434,522,338 บาท ที่เป็นสัญญากู้เงินจาก น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ พี่สาว เมื่อวันที่ 8 ก.ย.2559 จำนวน 4 รายการ รวม 2,388,724,094 บาท กู้เงินจากนายพานทองแท้ ชินวัตร เมื่อวันที่ 8 ก.ย.2559 จำนวน 335,420,541 บาท กู้เงินจากคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ มารดา เมื่อวันที่ 8 ก.ย.2559 จำนวน 136,517,701 บาท และกู้เงินจากนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ 2 รายการ เมื่อปี 2566 จำนวน 1,315,460,000 บาท กู้เงินจากนางบุษบา ดามาพงศ์ ปี 2566 จำนวน 258.4ล้านบาท

สามีรวยเบาะๆร้อยกว่าล้าน

นอกจากนี้ น.ส.แพทองธารแจ้งว่ามีรายได้รวมต่อปี 265,567,322 บาท ในจำนวนนี้เป็นเงินปันผลถึงปีละ 259,267,639 บาท ดอกเบี้ย 2 ล้านบาท เงินเดือน ค่าจ้าง โบนัส 3.4 ล้านบาท และมีรายจ่ายต่อปี 57.7 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว 45 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายในครัวเรือน 7 ล้านบาท ค่าเล่าเรียนบุตร 1 ล้านบาท เงินบริจาค 6 แสนบาท ค่าท่องเที่ยว 2 ล้านบาท ขณะที่ทรัพย์สินของนายปิฎก สุขสวัสดิ์ ประกอบด้วยเงินสด 4,436,236 บาท เงินฝากในบัญชีธนาคาร 10 บัญชี มูลค่า 4,899,580 บาท เงินลงทุน 14,096,874 บาท เงินให้กู้ยืม 12,770,000 บาท ที่ดิน 4 แปลง 32,198,216 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง มูลค่า 8,273,784 บาท สิทธิและสัมปทาน 1,143,760 บาท ทรัพย์สินอื่น 69,300,000 บาท อาทิ นาฬิกา 39 เรือน มูลค่า 69 ล้านบาท มีหนี้สิน 1,179,110 บาท

“ซาบีดา–อิทธิ” อู้ฟู่กว่า 2 ร้อยล้าน

สำหรับรัฐมนตรีคนอื่น น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย แจ้งมีทรัพย์สินรวม 234,805,675 บาท มีหนี้สิน 2,948,814 บาท ทรัพย์สินส่วนใหญ่ เป็นเงินฝากในบัญชีธนาคาร 30,687,948 บาท เงินให้กู้ยืม 7.1 ล้านบาท ที่ดิน 110,279,800 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 6 หลัง 20.7 ล้านบาท ยานพาหนะ 7 ล้านบาท ทรัพย์สินอื่น 31.1 ล้านบาท อาทิ งาช้าง 2 กิ่ง มูลค่า 5,320,000 บาท สร้อยคอทองคำ สร้อย เพชร 6.7 ล้านบาท เข็มกลัดเพชร ต่างหู แหวน 2.1 ล้านบาท นาฬิกา PATEK PHILIPPE 1 เรือน 1.4 ล้านบาท นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรและสหกรณ์ มีทรัพย์สิน 225,894,914 บาท ส่วนใหญ่เป็นที่ดิน 102 แปลง มูลค่า 165,155,510 ล้านบาทย่าน อ.บางละมุง จ.ชลบุรี อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา มีอสังหาริมทรัพย์ อาทิ โรงแรม โรงภาพยนตร์ บ้านพักคนงาน อาคารพาณิชย์ 2 ชั้นครึ่ง

“นฤมล–เสี่ยต่อ” สูสีร้อยกว่าล้าน

นายอัครา พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ มีทรัพย์สิน 34,346,057 บาท เป็นที่ดิน 11 แปลง จ.พะเยา มูลค่า 23,810,675 บาท ยานพาหนะ 6.5 ล้านบาท นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ มีทรัพย์สินรวม 110,802,758 บาท เป็นทรัพย์สินของนางนฤมล 43,945,643 บาท ทรัพย์สินนายจุมพล ภิญโญสินวัฒน์ คู่สมรส 66,857,115 บาท ทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นเงินฝากในบัญชีธนาคาร เงินลงทุน ที่ดิน โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีทรัพย์สิน 101,769,629 บาท

ยิ้มแฉ่งหลังเปิดบัญชีทรัพย์สิน

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ให้สัมภาษณ์หลัง ป.ป.ช.เปิดบัญชีทรัพย์สิน โดยนายกฯย้อนถามว่ามีการประกาศแล้วหรือ เพิ่งทราบข่าว ผู้สื่อข่าวจึงแจ้งว่าบัญชีทรัพย์สินมูลค่ารวมกว่า 13,993 ล้านบาท และแหวนจำนวนมากถึง 110 วง นายกฯหันมายิ้มพร้อมกล่าวว่า ไม่เคยแจ้งบัญชีทรัพย์สินแบบนี้มาก่อน เมื่อถามต่อว่าถือว่าเป็นนายกฯที่รวยที่สุด น.ส.แพทองธารไม่ได้ตอบคำถาม แต่ยิ้มให้ผู้สื่อข่าว

ทุบสถิติเป็นนายกฯไทยรวยที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.แพทองธารถือเป็นนายกฯที่รวยที่สุดที่มีการยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้เมื่อปี 2548 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ยื่นบัญชีทรัพย์สินกรณีเข้ารับตำแหน่งนายกฯในรัฐบาล “ทักษิณ 2” เมื่อวันที่ 14 มี.ค.2548 มีทรัพย์สินรวม 12,571,720,820 บาท แยกเป็นทรัพย์สินของนายทักษิณ 506,493,972 บาท ทรัพย์สินคุณหญิงพจมาน ชินวัตร คู่สมรสขณะนั้น 8,802,343,860 บาท และทรัพย์สิน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะในขณะนั้น 3,262,882,988 บาท และเมื่อย้อนกลับไปเมื่อปี 2544 ที่นายทักษิณยื่นบัญชีในช่วงรัฐบาลทักษิณ 1 พบว่ามีทรัพย์สินรวม 9,848,497,869 บาท เมื่อเทียบกับอดีตนายกฯคนอื่น อาทิ นายเศรษฐา ทวีสิน ยื่นไว้กว่า 1 พันล้านบาท พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มี 128.6 ล้านบาท น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มี 547 ล้านบาทและนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มี 37 ล้านบาท

พท.ไม่กังวลฝ่ายค้านถล่มนายกฯ

วันเดียวกัน นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์กรณีนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร รองหัวหน้าพรรคประชาชน ระบุว่าหลังวันที่ 14 ก.พ. จะเป็นช่วงเวลาแห่งความจริงอันโหดร้ายของรัฐบาล ที่ฝ่ายค้านเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ไม่กลัวว่าฝ่ายค้านจะโจมตีนายกฯในสภาฯ เขาโจมตีแน่นอนอยู่แล้ว ทุกอย่างอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง คนเราไม่ได้เก่งทุกอย่าง ขึ้นอยู่กับว่าใช้คนให้ถูกกับงานเท่านั้น ฝ่ายค้านก็ทำหน้าที่ของเขาไป ส่วนรัฐบาลก็ทำหน้าที่ของเรา เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจ อาจส่งผลทำให้เกิดอุบัติเหตุทาง การเมือง นายสรวงศ์ตอบว่า ไม่กังวล อย่างที่นายกฯพูดไว้ทุกอย่างอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง และบนพื้นฐานความบริสุทธิ์ใจในการทำหน้าที่ มั่นใจในการทำงานของรัฐบาล และเชื่อมั่นในความสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาล เพราะการทำงานยังคงดีอยู่

“อนุสรณ์” เย้ยฝ่ายค้านมีแค่ปืนลม

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ต้องดูว่าประเด็นที่ฝ่ายค้านนำมาอภิปรายมีน้ำหนักมากพอหรือไม่ ถ้าเป็นการตัดแปะข้อมูลเก่าตามหน้าสื่อ ตามโซเชียล เช่น ประเด็นเอ็มโอยู 44 รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยชี้แจงครบถ้วนหมดแล้ว ถ้านำกลับมารีรันฉายซ้ำ ประชาชนจะเบื่อหน่าย ส่วนประเด็นชั้น 14 ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ออกมาตั้งนานแล้ว เหลือแต่ฝ่ายค้านที่ขังตัวเองไว้ที่ชั้น 14 จนหาทางออกมาไม่ได้ ประชาชนรู้ทางพรรคฝ่ายค้านหมด แทบทุกครั้งที่อภิปรายไม่ตรงปก ที่อวดอ้างว่าเป็นอาวุธหนัก เอาเข้าจริงอาจเป็นแค่ปืนลม เป็นลมที่เบามาก รัฐบาลมั่นใจพร้อมชี้แจงทุกประเด็น และมั่นใจว่าสถานการณ์การเมืองตั้งแต่ปี 2568-2570 ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง รัฐบาลอยู่ครบเทอมแน่นอน

“วันนอร์” บี้ผู้นำเข้าสภาแจงกระทู้

ขณะที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีสมาชิกรัฐสภาเรียกร้องให้นายกฯมาตอบกระทู้ถาม หลังปีที่ผ่านมาไม่เคยมาตอบเลยว่า ได้รับปากกันแล้ว วิปรัฐบาลจะนำเสียงตำหนิเรื่องนี้ไปแจ้งต่อนายกฯ เรื่องนี้ต่างคนต่างทำหน้าที่ ฝ่ายค้านมีหน้าที่ตั้งกระทู้และญัตติ ให้รัฐบาลชี้แจง รัฐบาลมีหน้าที่ต้องมาตอบกระทู้ญัตติของสมาชิก ไม่ใช่ให้สภาฯทำอย่างเดียว ต่างคนต่างมาจากการเลือกตั้ง ต้องทำงานเพื่อประชาชน หากรัฐบาลไม่มาชี้แจงจะเป็นความเสียหาย เป็นรัฐบาลของประชาชนควรมาสภา โดยเฉพาะวันที่มีกระทู้ถาม ส่วนกระทู้สดแม้ไม่ได้แจ้งล่วงหน้า แต่ควรเป็นความพร้อมของรัฐบาล รัฐมนตรีไม่ต้องกลัวการตอบกระทู้หรือญัตติ ตอบไปตามความสามารถที่จะชี้แจงได้ หวังว่าปี 2568 นายกฯจะเข้ามาตอบกระทู้ แต่เคยแจ้งสมาชิกว่า อย่าถามกระทู้นายกรัฐมนตรีคนเดียว บางเรื่องไม่เกี่ยวกับนายกรัฐมนตรี ควรถามโดยตรงกระทรวงที่เกี่ยวข้อง การตั้งกระทู้ถามควรถามเจ้ากระทรวงโดยตรง ยกเว้นเรื่องของนายกรัฐมนตรีก็ถามได้ ไม่ใช่ถามนายกรัฐมนตรีทุกเรื่อง ไม่เช่นนั้นจะไม่ได้คำตอบ ซัดทอดไปเรื่อยๆ เรื่องนี้น่าจะแก้ไขให้ดีขึ้นได้

“หนู” แจงยิบปมไลน์สกัด “ส้ม” หลุด

อีกเรื่องที่กระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีนายชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ออกมาแฉพบไลน์หลุดปลัดอำเภอป่าซาง จ.ลำพูน สั่งการ ให้ติดตามการหาเสียงของพรรคประชาชนเพียงพรรคเดียวว่า จะไปมีส่วนได้อย่างไร เป็นคนออกหนังสือและให้นโยบายเองว่าช่วงเลือกตั้งท้องถิ่นให้ข้าราชการกระทรวงมหาดไทยวางตัวเป็นกลาง ที่มีการเขียนชื่อพรรคนั้น นี่คือเหตุผลที่ปลัดกระทรวงมหาดไทย และอธิบดีกรมการปกครองสั่งให้ตั้งกรรมการสอบสวน และสั่งการให้ปลัดอำเภอคนนั้นเข้ามาประจำที่สำนักงานจังหวัด ระหว่างที่มีการสอบสวนใช้เวลาประมาณ 7 วัน แต่ในรายงานเบื้องต้นผู้ว่าราชการจังหวัดทำหนังสือรายงานมาอย่างเป็นทางการแล้วว่า เป็นการปฏิบัติทั่วไป ไม่ว่าใครไป พรรคไหนไป หรือบุคคลสำคัญคนไหนไป มีวิธีการแบบนี้หมด ให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย

ส่งใจช่วยคนใกล้ชิดชิงนายก อบจ.

นายอนุทินยังกล่าวถึงศึกเลือกตั้งนายก อบจ.ในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ จ.ศรีสะเกษและนครพนม ที่คนใกล้ชิดพรรคภูมิใจไทยแข่งกับผู้สมัครพรรคเพื่อไทยว่า ภท.ไม่ได้ส่งคนลงสมัครในนามพรรค แต่เป็นคนในพื้นที่ที่มีความผูกพันกับพรรค ในเมื่อเป็นนายกอยู่แล้วทั้ง จ.นครพนมและศรีสะเกษ จำเป็นต้องสู้ป้องกันแชมป์ ก็ส่งกำลังใจไปช่วย ทำได้แค่นั้น เมื่อถามว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เตรียมลงพื้นที่ปราศรัยใหญ่ที่ จ.นครพนมและศรีสะเกษ นายอนุทินตอบว่า ทุกคนทำตามสิทธิที่มีอยู่ ในฐานะ รมว.มหาดไทยสั่งให้ทุกคนวางตัวเป็นกลางใจอยากไปช่วยแต่มันไปไม่ได้ ก็ส่งแรงใจส่งแรงเชียร์ ไม่ต้องถามว่าเชียร์ใคร แต่ไปช่วยไม่ได้

“แพทองธาร” ลุยสนามนครพนม

นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เรื่องการสู้กันของการเลือกตั้งท้องถิ่นเป็นเรื่องปกติ เมื่อส่งผู้สมัครลงชิงตำแหน่งก็ต้องสู้กันอย่างเต็มที่ ไม่มีการยอมกันอยู่แล้ว แต่เรื่องการทำงานของรัฐบาลยังไปในแนวทางเดียวกัน เมื่อถามว่าในวันที่ 12 ม.ค. น.ส.แพทองธารในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยจะลงพื้นที่ไปช่วยนายอนุชิต หงษาดี ผู้สมัครนายก อบจ.นครพนม หาเสียง นายสรวงศ์ตอบว่า “ใช่ครับ ขณะนี้กำลังทำโปรแกรมอยู่” เมื่อถามย้ำว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะขึ้นช่วยหาเสียงครั้งนี้ด้วยหรือไม่ นายสรวงศ์ตอบว่า ไม่ นายทักษิณจะไปสัปดาห์ถัดไป คือวันที่ 18 ม.ค.

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่