“ศุภมาส” ขอรอมหาวิทยาลัยสยาม ชี้แจงคอร์สอบรมอาสาตำรวจคนจีน 6 ม.ค. นี้ เหตุอธิการบดียังไม่กลับไทย ด้าน ก.มหาดไทยส่งหนังสือแจ้ง “สมาคมกำลังสำรองรักษาดินแดนไทย” ชี้แจงข้อเท็จจริง หากผิดวัตถุประสงค์ สั่งถอนชื่อสมาคมได้


วันที่ 3 มกราคม 2568 ภายหลังจาก น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สั่งการให้กระทรวง อว. เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงจากกรณีคอร์สอบรมอาสาตำรวจคนจีน ที่มีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ด้าน ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวง อว. กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า ทางกระทรวง อว. ประสานกับทางมหาวิทยาลัยอย่างใกล้ชิด โดยมีหนังสือไปถึงมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการเพื่อให้ชี้แจงข้อเท็จจริง และให้เวลามหาวิทยาลัยให้ความชัดเจนและรายงานข้อเท็จจริงกลับมาที่กระทรวง อว. ภายในวันที่ 6 มกราคมนี้

“กระทรวง อว. ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก แต่เนื่องจากเรื่องที่เกิดขึ้นมีความเกี่ยวข้องเกี่ยวโยงกับหลายฝ่าย ซึ่งมีความละเอียดอ่อน จึงต้องมีการดำเนินการอย่างรอบคอบ แต่ยืนยันว่ากระบวนการตรวจสอบจะดำเนินการอย่างเร่งด่วน โปร่งใส และยุติธรรม เพื่อไม่ให้สังคมเคลือบแคลงสงสัย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในระบบอุดมศึกษาของประเทศ”

...

ล่าสุด น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ให้สัมภาษณ์ผ่านทางโทรศัพท์กับทีมข่าวไทยรัฐทีวี ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับมหาวิทยาลัยสยาม ว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้ปลัดกระทรวง อว. เร่งตรวจสอบเหตุการณ์และข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งในขณะนี้อธิการบดีมหาวิทยาลัยไม่ได้อยู่ที่ประเทศไทย จึงทำให้การพูดคุยไม่สะดวกมากนัก ซึ่งจากการสั่งการของตน ขณะนี้มีข้อสรุปว่าในวันที่ 6 มกราคม 2568 หลังจากที่อธิการบดีมหาวิทยาลัยเดินทางกลับไทย และผู้บริหารอยู่กันครบ ทางมหาวิทยาลัยจะทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรชี้แจงอย่างเป็นทางการกับกระทรวง เพื่อให้สามารถเปิดเผยข้อเท็จจริงกับประชาชนได้ เนื่องจากตนไม่อยากให้ข้อมูลที่ยิบย่อยและไม่ถูกต้อง

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าการชี้แจงของมหาวิทยาลัยเบื้องต้นระบุว่าไม่มีการเรียกเก็บเงินจำนวน 38,000 บาท ใช่หรือไม่ น.ส.ศุภมาส ตอบว่า ขอให้การชี้แจงทั้งหมดเกิดขึ้นในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ เพราะจะได้เป็นข้อมูลที่ถูกต้องในทางเดียว อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาการจัดอบรมในมหาวิทยาลัยดังกล่าวไม่เคยมีผู้เสียหายร้องเรียนเข้ามา อีกทั้งเรื่องนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะมีหลายฝ่ายในสังคมที่เข้าไปเกี่ยวข้อง แต่เมื่อเกิดคำถามและปัญหากระทรวงก็มีหน้าที่ที่จะต้องหาคำตอบให้กับสังคม

“จริงๆ มหาวิทยาลัยได้ชี้แจงกับท่านปลัดเป็นการภายในแล้วบ้าง แต่อยากให้ทำเอกสารที่เปิดเผยกับสังคมได้เลยจะดีกว่า หลายข่าวไปสัมภาษณ์บุคลากรคนนั้นคนนี้ ซึ่งคำตอบก็แตกต่างกันไป จึงอยากให้ออกมาเป็น Official จากมหาวิทยาลัยดีกว่า”

ทางด้าน น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ตามที่ปรากฏข่าวในสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับสมาคมกำลังสำรองรักษาดินแดนไทย และมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้างเกี่ยวกับภารกิจของสมาคม ล่าสุด กระทรวงมหาดไทย โดยส่วนทะเบียนมูลนิธิและสมาคม (สมส.) สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง ได้ตรวจสอบในเบื้องต้นพบชื่อสมาคมกำลังสำรองรักษาดินแดนไทย จดทะเบียนจัดตั้ง เลขทะเบียนที่ จ.1697 เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2523 สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่เลขที่ 84/12 หมู่ 7 ซอยทองปาน 1 ถนนท่าข้าม แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ สำหรับกรณีที่ปรากฏข่าวกรณีสมาคมเข้าไปเกี่ยวข้องกับคอร์สอบรมแก่ชาวต่างชาติ หากดำเนินการจริงอาจไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของสมาคม โดยเฉพาะวัตถุประสงค์ของสมาคมข้อ 4.3 ที่กำหนดว่า สนับสนุนกองทัพในเรื่องการฝึกคนในชาติให้เป็นกำลังสำรอง

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ได้มีหนังสือให้สมาคมชี้แจงข้อเท็จจริงแล้ว หากพบว่าสมาคมดำเนินกิจการขัดต่อกฎหมายหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรืออาจเป็นภยันตรายต่อความสงบสุขของประชาชนหรือความมั่นคงของรัฐ อธิบดีกรมการปกครองในฐานะนายทะเบียนสมาคม มีอำนาจสั่งถอนชื่อสมาคมออกจากทะเบียน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 102 ต่อไปได้ นอกจากนี้ หากพบว่ากรรมการของสมาคมผู้ใดดำเนินกิจการผิดวัตถุประสงค์ของสมาคม และการดำเนินกิจการนั้นเป็นภยันตรายต่อความสงบสุขของประชาชน หรือความมั่นคงของรัฐ จะมีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 56 พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ