สก.“พินิจ” เสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บไฟไหม้โรงแรมถนนข้าวสาร เผยเพิ่งเชิญ ผอ.เขตพระนคร มาสอบถามเรื่องใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมย่านท่องเที่ยว ก่อนเกิดเหตุไม่ถึง 2 สัปดาห์

วันที่ 2 มกราคม 2568 นายพินิจ กาญจนชูศักดิ์ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (สก.) เขตสัมพันธวงศ์ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และประธานคณะอนุกรรมการการวัฒนธรรม การท่องเที่ยวและการกีฬา ชุดที่ 6 สภากรุงเทพมหานคร ตั้งข้อสังเกตต่อเหตุการณ์เพลิงไหม้โรงแรมย่านถนนข้าวสาร เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร เมื่อคืนวันที่ 30 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมาว่า กรุงเทพมหานครโดยเฉพาะพื้นที่ชั้นใน ทั้งเขตสัมพันธวงศ์ และเขตพระนครเป็นแหล่งที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวและพักอาศัย

ดังนั้นการดูแลสวัสดิภาพ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยว ตลอดจนพี่น้องประชาชนในเขตจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ในสมัยที่ตนเป็นประธานคณะกรรมการการวัฒนธรรม การท่องเที่ยวและการกีฬา สภากรุงเทพมหานคร ได้ทำหนังสือเวียนไปยังผู้อำนวยการเขตทั้ง 50 เขต ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2567 เพื่อขอทราบรายละเอียดการขออนุญาตใบประกอบธุรกิจโรงแรมในแต่ละเขต ว่าดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ซึ่งกฎหมายที่เกี่ยวข้องก็มีหลายฉบับ อาทิ พ.ร.บ.โรงแรม พ.ร.บ.สาธารณสุข และ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร เป็นต้น

นอกจากนี้ ตนได้ลงพื้นที่ร่วมกับคณะอนุกรรมการฯ และหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามตรวจสอบผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมในพื้นที่เขตสัมพันธวงศ์ ตั้งแต่เรื่องการมีใบอนุญาตประกอบธุรกิจ ไปจนถึงการควบคุมอาคารว่าเป็นไปตามกฎหมาย ประกาศกระทรวงหรือไม่ หากพบว่าโรงแรมใดมีปัญหาก็มีการเร่งรัดให้หน่วยงานของรัฐเข้าดำเนินการให้ถูกกฎหมาย

...

สำหรับในเขตพระนครนั้น คณะอนุกรรมการการวัฒนธรรม การท่องเที่ยวและการกีฬา ชุดที่ 6 ได้เชิญผู้อำนวยการเขต และเจ้าหน้าที่เข้าชี้แจง เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2567 ซึ่งเป็นช่วงก่อนเกิดเหตุเพลิงไหม้ ผมได้กำชับให้มีการติดตามตรวจสอบเรื่องการประกอบธุรกิจโรงแรมในพื้นที่ เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวและประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ไปแล้วด้วย ทั้งนี้ผมขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ

ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการการวัฒนธรรม การท่องเที่ยวและการกีฬาของสภากรุงเทพฯ ได้มีหนังสือถึงผู้อำนวยการเขตพระนคร เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2567 เพื่อขอทราบรายละเอียดในเรื่องนี้อีกครั้ง และจะติดตามประเด็นดังกล่าวต่อเนื่องต่อไปด้วย” นายพินิจ กล่าว

นายพินิจ กล่าวอีกว่า จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ควรจะเป็นบทเรียนให้ผู้บริหารของกรุงเทพมหานคร รวมทั้งหน่วยงานของรัฐหันมาจริงจังกับการบังคับใช้กฎหมาย ทั้งเรื่องใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมและเรื่องโครงสร้างอาคาร ไปจนถึงระบบรักษาความปลอดภัยของอาคาร เช่น ทางหนีไฟ ระบบดับเพลิงในอาคาร ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ประกอบกิจการจะต้องได้รับการสนับสนุนให้มีการฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุ ไปจนถึงการมีแนวทางป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

โดยเฉพาะตามแหล่งท่องเที่ยว แหล่งชุมชนเมืองที่มีความแออัดสูง รวมไปถึงการศึกษาและปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวข้องกับธุรกิจโรงแรมและโรงแรมขนาดเล็ก (hostel) ให้มีความสอดคล้องกับสภาพความเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจและการประกอบธุรกิจด้วย เพราะทำให้เกิดผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยว และรายได้ที่จะเข้ามาสู่พื้นที่แต่สำคัญกว่านั้นคือชีวิตผู้สูญเสีย ซึ่งไม่อาจประเมินเป็นราคาได้ จึงหวังว่าผู้เกี่ยวข้องจะได้มีการชดเชยเยียวยาให้แก่ผู้สูญเสียอย่างเป็นธรรมด้วย