“ภูมิธรรม” ยิ้มรับฉายา “สหายใหญ่ใส่บู๊ต” อัดพวกปั่นข่าว ว้า-ไทยรบกัน เชื่อ 4 ลูกเรือประมงไทยยังปลอดภัยดี ไม่หวั่น “สนธิ” บุกทำเนียบฯ จ่อปิดชายแดนไทย จ.ตาก 1 เดือน สกัดอหิวาตกโรค
วันที่ 23 ธันวาคม 2567 นายภูมิธรรม เวชชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวที่กระทรวงกลาโหม ถึงการแก้ไขปัญหาพื้นที่พิพาทชายแดนไทยเมียนมา โดยขอให้ความมั่นใจได้ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเขตแดนไทย-เมียนมา 4 ลูกเรือประมงไทย หรือ MOU 2544 เป็นเรื่องที่ต้องเจรจาและหาประโยชน์ให้กับประเทศสูงสุด ตามข้อเท็จจริงก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเมียนมา แต่ที่ปั่นกระแสกันขึ้นมาบางทีไม่รู้แล้วพูดจนเกินเลยไป
เมื่อถามว่าปัญหากลุ่มว้า ต้องคุยกับหลายฝ่ายใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า คุยกับทุกระดับ ซึ่งเป็นไปในแนวทางที่ดี ที่บอกว่ารบกันแล้ว ฆ่ากันแล้ว ไม่จริงทั้งนั้น ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ต้องถามประชาชนในพื้นที่ก็จะรู้ว่าเขาไม่อยากมีสงคราม แต่กองทัพต้องยืนยันรักษาพื้นที่

...
จากนั้น นายภูมิธรรม กล่าวถึงความคืบหน้าการช่วยลูกเรือประมงไทยทั้ง 4 คน ที่ถูกดำเนินคดีและตัดสินโทษจำคุกในข้อหารุกล้ำน่านน้ำเมียนมา ว่า สิ่งที่เราพยายามคือทำให้ 4 คนไทยได้รับการปล่อยตัว ซึ่งคิดว่าตอนนี้ทั้ง 4 คนปลอดภัย อยู่ในกระบวนการที่เป็นไปได้ที่เขาจะปล่อยตัวให้ในเร็ววันนี้ กำหนดการที่ได้ฟังมาชั้นต้นก็คือวันที่ 4 มกราคม 2568 แต่ก็ยังไม่อยากพูดอะไรมาก เพราะการตัดสินใจขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรมของเมียนมา ซึ่งการเจรจาในชั้นต้นก็เป็นไปได้ที่จะสามารถจบเรื่องนี้ ส่วนเรื่องเขตแดนก็ไปว่ากันอีกทีว่าแค่ไหนอย่างไร
เมื่อถามถึงกรณีที่ในวันพรุ่งนี้ (24 ธันวาคม 2567) นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะเดินทางไปที่หน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อทวงถามคำตอบกับรัฐบาลในการยกเลิก MOU 2544 นายภูมิธรรม ระบุว่า ถือเป็นสิทธิ์ของนายสนธิ สิ่งที่ทำทั้งหมดมีความพร้อมอยู่แล้ว ไม่จำเป็นจะต้องไปลงรายละเอียดในเรื่องเหล่านี้ ส่วนการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมทางเทคนิค (JTC) ฝ่ายไทย ถือเป็นดำริของนายกรัฐมนตรี ที่อยากให้ตนเป็นประธาน แต่ยังไม่มีการประชุมและนำเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยมองว่าหากยังไม่พร้อมและยังต้องพูดคุยกันก็ให้เลื่อนการแต่งตั้งออกไปก่อน ซึ่งความเป็นจริงก็ควรที่จะตั้งได้แล้ว เพราะไม่มีอะไร เพียงแต่เป็นสิ่งเดิมที่เคยปฏิบัติมา เอามาเปลี่ยนใหม่และปรับปรุง ตนยืนยันว่าไม่ห่วงหากนายสนธิ จะยกระดับการชุมนุม

ส่วนกรณีที่ปรากฏข่าวว่ามีการระบาดของโรคอหิวาตกโรค ในประเทศเมียนมา บริเวณใกล้กับชายแดนจังหวัดตาก ของไทย มีการให้หน่วยทหารในพื้นที่ลงไปดูแลประชาชน รวมถึงตั้งจุดกักกันโรคหรือไม่ อย่างไร นายภูมิธรรม ระบุว่า ขณะนี้กระทรวงกลาโหม กองทัพ และกระทรวงสาธารณสุข ร่วมมือกันดูแลสถานการณ์ในพื้นที่ ด้วยการปิดกั้นบริเวณชายแดนอย่างเข้มข้นยิ่งขึ้น รวมทั้งมีการประชาสัมพันธ์ให้ทุกฝ่ายรับทราบถึงความอันตรายของอหิวาตกโรค มีการแจกถุงมือและหน้ากากอนามัย เพื่อรักษาความสะอาดและรักษาสุขอนามัยในการดำเนินการต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใน 1 เดือนนี้ได้ประกาศขอความร่วมมือว่าอาจต้องปิดชายแดนชั่วคราว เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการระบาดของโรค
นอกจากนี้ นายภูมิธรรม ยังได้กล่าวถึงกรณีสื่อมวลชนทำเนียบรัฐบาลให้ฉายา ว่า “สหายใหญ่ใส่บู๊ต” ว่า ยังไม่เคยได้ยินเลย มีคนตั้งให้แล้วหรือ วันนี้เพิ่งวันที่เท่าไหร่เอง “ผมพร้อมรับการให้ฉายาของสื่อมวลชน เพราะสิ่งที่สำคัญของการทำงานไม่ได้อยู่ที่ฉายา แต่อยู่ที่ความตั้งใจในการทำหน้าที่ให้กระทรวงกลาโหมเดินไปในทางที่ดีที่สุด และในฐานะรองนายกฯ ก็ต้องทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด เมื่อมีการวิพากษ์วิจารณ์มา อย่างน้อยได้นำไปขบคิดว่ามีเรื่องใดที่เป็นไปตามกระแสวิจารณ์หรือไม่ แล้วนำไปปรับปรุงแก้ไข”

อย่างไรก็ตาม เมื่อถามว่าต้องเปลี่ยนเป็นรองเท้าบู๊ตหรือไม่ นายภูมิธรรม ตอบว่า ปีนี้น้ำท่วมก็ใส่บู๊ตตลอดอยู่แล้ว แต่ไม่ได้ใส่เครื่องแบบ ส่วนฉายารัฐบาล(พ่อ)เลี้ยง นายภูมิธรรม มองว่า ฉายาเป็นเรื่องว่ากันไป ยิ้มหยอกกันไม่เป็นไร.