“พรรคไทยสร้างไทย” จี้รัฐบาล เร่งแก้เศรษฐกิจลดรายจ่าย สร้างรายได้ แนะเตรียมรับมือ 3 ศึก เศรษฐกิจโลกปี 2568 พร้อมเตรียมชงกฎหมายช่วย SME ไทย ไม่เสียเปรียบปีหน้า
วันที่ 20 ธ.ค. 2567 ที่รัฐสภา คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) กล่าวถึงการจัดสัมมนาหัวข้อเรื่อง “SME ไทย จะรับมืออย่างไรกับ Megatrend” ว่า เป็นการพูดถึงแนวทางช่วย SME ที่เผชิญกับสินค้าจีนทะลักเข้ามาไทยผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยจะมีการนำเสนอกฎหมายช่วยทำให้ SME ไทย ไม่เสียเปรียบ แต่จะทำให้เกิดความเสมอภาค และทำให้ภาครัฐจัดเก็บภาษีได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย จากแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยพรรค ทสท. จะยื่นร่างกฎหมายในช่วงต้นปี 2568 เพื่อทำให้สินค้าไทยของ SME อยู่รอดได้ และจะต้องเอาจริงเอาจังกับภาครัฐเรื่องของปัญหาการทุจริต ที่ทำให้สินค้าต่างชาติล้นทะลักตีตลาดไทย โดยจะเป็นภารกิจของไทยสร้างไทยที่จะช่วยคนตัวเล็ก ในฐานะพรรคการเมืองฝ่ายค้านขอฝากรัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในปี 2568 โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ หนี้ภาคครัวเรือนที่สูงและยังไม่ได้รับการแก้ไข แม้รัฐบาลมีมาตรการแก้หนี้เสีย แต่เป็นเพียงส่วนหนึ่ง เพราะหนี้ครัวเรือนสูง ร้อยละ 92 จึงควรแก้หนี้ภาคครัวเรือน ซึ่งเป็นเรื่องรัฐบาลพูดเสมอ แต่ยังไม่ได้ทำ คือการเร่งสร้างรายได้และการลดค่าใช้จ่าย การเร่งสร้างรายได้ ยังไม่เป็นรูปธรรม ไม่ใช่เร่งการแจกเงิน เพราะการแจกเงินไม่ได้สร้างรายได้ แต่ต้องสร้างรายได้และการให้ทุนช่วยสนับสนุน กฎหมายของพรรค ทสท. เรื่องกองทุนเครดิตประชาชนจะให้ทุนประชาชน ดอกเบี้ยต่ำ ร้อยละ 1 ต่อเดือน ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน จะได้ตั้งตัวได้ 10,000-100,000 บาท และการหาตลาดที่จะต้องช่วยสร้างรายได้
“นอกจากนี้ ในเรื่องการลดรายจ่ายแต่ขณะนี้ของแพงทั้งแผ่นดิน จากต้นทุนพลังงานที่สูง ทั้งค่าน้ำมันและค่าไฟฟ้า ในรัฐบาลต้องกล้าหาญที่จะปรับโครงสร้าง พรรค ทสท. สนับสนุนนโยบายการสลายทุนผูกขาด เป็นโอกาสที่จะทำให้กับประชาชน จะทำให้ค่าน้ำมันลดทันที 5 บาทและค่าไฟลดทันที 1 บาท แม้จะไม่ใช่ของขวัญปีใหม่ให้ประชาชนก็รู้สึกดีใจ จึงขอเสนอแนะให้รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เตรียมรับมือเพราะเศรษฐกิจไทยจะเจอศึก 3 ด้าน ในการส่งออก คือ ศึกทรัมป์ 2.0 ภาษีขึ้นสูง ศึกสินค้าจีนทะลักไทย และศึกยุโรปด้านพลังงาน แม้วันนี้ยังไม่เห็นความชัดเจนในเรื่องนโยบายพลังงานทดแทนหรือพลังงานสีเขียวที่สำคัญมาก ถ้าเราผลิตโดยใช้พลังงานจากฟอสซิล นอกจากราคาสูงแล้วจะยังมีการกำแพงภาษี ยุโรปไม่ได้อีก สหรัฐอาจจะเบาลงเพราะทำให้ไม่สนใจในเรื่องนี้ แต่ไปเจอกำแพงภาษีอีกด้านหนึ่งมาฝั่งยุโรปก็เจอกำแพงภาษีอีกด้านหนึ่ง จีนก็ของล้นทะลักกำลังผลิตเขาเหลือ เข้าไปขายจีน แต่เขามาขายเราต่างหาก ถามว่านายกรัฐมนตรีเตรียมรับมือเรื่องเหล่านี้เพื่อสร้างความมั่นใจให้ SME มั่นใจได้อย่างไรว่า ปีหน้าจะเดินต่อได้ ไม่เช่นนั้นเศรษฐกิจจะหนักกว่าเดิม และพรรคฝ่ายค้านจะหารือเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจอีกครั้งในช่วงเดือน ม.ค. 2568” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว
...