กมธ.มั่นคงแห่งรัฐถกปมเรือประมงไทยถูกพม่ายิง ขอท่าทีรัฐไทยต้องชัดเจน ย้ำไทยมีอำนาจอธิปไตย พ่วงพิจารณา “ว้าแดง” ล้ำเขตไทย ด้าน “โรม” ระบุผิดหวังไร้คำตอบ 4 ลูกเรือไทย ชี้ท่าทีรัฐบาลไทยอ่อนเกินไป

วันที่ 13 ธันวาคม 2567 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ เปิดเผยก่อนการประชุมว่า จะมีการพิจารณากรณีเรือประมงไทยถูกเรือทหารเมียนมายิง โดยเชิญตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจง อาทิ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด, ตัวแทนจากทหารเรือ, ผู้ว่าราชการจังหวัดที่เกี่ยวข้อง และเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เพื่อหารือแนวทางในการแก้ปัญหา โดยเฉพาะกรณีเรือประมงที่จะต้องมีการเยียวยาผู้ที่ถูกควบคุมตัวทั้ง 4 คน ว่าจะได้อิสรภาพเมื่อใด คาดหวังว่าตัวประกันทั้ง 4 คนจะได้กลับประเทศไทย กลับบ้านโดยเร็วที่สุด

“จริง ๆ แล้วไม่ได้มีแค่มิติเรื่องของ 4 คน แต่มีเรื่องความเสียหายเพราะต้องยอมรับว่า เครื่องมือที่ใช้ในการประมงมีราคาสูง เมื่อมีเหตุเช่นนี้ ก็ต้องมาคุยกันว่าจะมีวิธีการอย่างไรที่จะได้รับการเยียวยาให้ชาวประมง ถ้าเขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลย อยู่ ๆ ถูกยิงขึ้นมา ก็ต้องมีอะไรบางอย่าง ทำไมเขาถึงถูกกระทำแบบนี้ และถ้าถูกกระทำไปแล้ว จะมีอะไรที่เยียวยาเขาบ้าง กรรมาธิการอยากได้ความชัดเจนในหลายส่วนว่า สรุปแล้วเราจะทำอย่างไร เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ประมงไทยทั้ง 4 คนที่ถูกจับไป แต่รวมไปถึงบทบาทของประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ประเทศไทยต้องแสดงออกว่าเราเป็นประเทศที่มีอำนาจอธิปไตยเป็นของตัวเอง เราเป็นประเทศที่มีอำนาจขนาดกลาง อยู่ ๆ จะมายิงกัน โดยมีการกระทำที่เกินกว่าเหตุซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถยอมรับได้ จึงต้องพูดคุยกันว่าสุดท้ายแล้วประเทศไทยจะมีท่าทีต่อสิ่งเหล่านี้อย่างไร” นายรังสิมันต์ กล่าว

...

นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ที่ประชุมกรรมาธิการจะมีการพิจารณากรณีกลุ่มว้าแดงที่ตั้งฐานทัพล้ำเข้ามาในประเทศไทย โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นหน่วยงานลักษณะเดียวกับประเด็นเรือประมงถูกยิงแต่จะมีกองทัพภาคที่ 3 มาร่วมชี้แจงด้วย ส่วนที่มีข่าวลือว่าวันที่ 18 ธันวาคมนี้เป็นเส้นตาย วันนี้คงจะได้ฟังแนวทางที่ชัดเจนว่าหน่วยงานของรัฐและกองทัพจะมีแนวทางดำเนินการอย่างไร เพราะตนคิดว่าเป็นเรื่องที่คาราคาซังมานานแล้ว เพราะมีการล้ำเข้ามาในประเทศไทยเป็นเวลานาน เป็นเรื่องที่เราไม่น่าจะยอมรับได้ จริง ๆ แล้วไม่ใช่แค่การล้ำดินแดน แต่เป็นเรื่องผลประโยชน์ของชาติในการปกป้องประเทศไทยและประชาชนชาวไทยในการที่ถูกภัยคุกคามจากยาเสพติดด้วย

ต่อมาเวลา 13.30 น. วันที่ 13 ธ.ค. 2567 นายรังสิมันต์ โรม กล่าวหลังการประชุมว่า ยอมรับยังไม่มีความชัดเจนถึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นหรือป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ แต่สิ่งที่ต้องย้ำเตือนคือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับประมงไทยเป็นเหตุการณ์เกินกว่าเหตุมาก กมธ.ทราบว่า ได้มีการใช้กลไกคณะกรรมการชายแดนท้องถิ่นไทย – เมียนมา (TBC) ในการคัดค้าน กระทรวงการต่างประเทศพยายามติดตามช่วยเหลือ 4 คนไทย แต่ก็ไม่สามารถตอบได้ว่า เมื่อใดที่คนไทยทั้ง 4 คนจะกลับสู่มาตุภูมิ จึงต้องติดตามต่อไป ทั้งนี้ทราบพิกัดจุดเกิดเหตุแล้ว แต่สาระสำคัญคือ ความรุนแรงที่กองทัพเรือของเมียนมาทำเกินกว่าเหตุและไทยไม่สามารถยอมรับได้ เราต้องประท้วงให้เข้มแข็งมากกว่านี้ 4 คนไทยจะถูกปล่อยตัว ไม่มีหน่วยงานใดตอบคำถามนี้ได้ว่า ลูกเรือประมงคนไทยจะกลับสู่มาตุภูมิเมื่อใด และใครจะเป็นคนจ่ายชดใช้ค่าเสียหาย

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า สิ่งหนึ่งที่ยืนยันได้คือ เหตุการณ์นี้ ไม่มีการเตือนหรือแจ้งล่วงหน้า เขายิงเข้ากลางลำเรือ ลูกเรือไทยผู้ที่ถูกยิงเฉียดศีรษะและอยู่ในเหตุการณ์วิดีโอคอลมาเล่าให้กรรมาธิการฟังว่า พยายามหนีเพราะไม่ทราบว่าใครเป็นคนยิง แม้จะขับเรือออกห่างจากเรือที่ยิง ก็ยังมีการไล่ยิงต่อเป็นระยะเวลานาน ชี้ให้เห็นว่ากองทัพเรือเมียนมาใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุ เพราะเรือเราติดธงชาติไทย เขาทำขัดต่อหลักกฎหมายระหว่างประเทศ แม้ว่าพื้นที่จุดนั้นอาจจะยังไม่มีความชัดเจน แต่เขาใช้ความรุนแรงและทำลายความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประเทศด้วย เดิมได้รับข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศว่าวันที่ 5 ธันวาคมลูกเรือทั้ง 4 ควรจะได้กลับบ้าน แต่ไม่ทราบสาเหตุว่าสุดท้ายเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงไม่สามารถกลับได้ และไม่มีคำอธิบายชี้แจงใด ๆ เบื้องต้นกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่มีการเพิ่มแรงกดดันให้มากกว่านี้ ท่าทีรัฐบาลไทยอ่อนเกินไป สิ่งสำคัญที่สุดคือรัฐบาลไทยควรต้องหลักประกันให้คนไทยว่า ต้องแสดงท่าทีเข้มแข็ง ความเป็นเอกภาพของทุกฝ่ายในการปกป้องคนไทย หรือถ้าล้ำแดนจริงก็ไม่ควรยิง ใช้มาตรการเบาไปหาหนักได้