“ทักษิณ ชินวัตร” การันตีล้านเปอร์เซ็นต์เกาะกูดเป็นของไทย โต้ข่าวเฟคนิวส์กุข่าวไม่ใช่ของไทย ใช้เอไอปล่อยข่าวมั่ว ลั่นไม่มีใครบ้ายกให้ เตรียมติว สส.เพื่อไทยวันนี้ แจ้งประชาชนให้เข้าใจที่มาที่ไป MOU เกิดสมัยตน พร้อมยอมรับเสียงค้านดัง แต่ต้องฟังเสียงส่วนใหญ่

วันที่ 13 ธ.ค. 2567 ที่สถานีรถไฟบางบำหรุ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยื่นข้อเรียกร้อง 6 ข้อต่อรัฐบาลให้ยกเลิกเอ็มโอยู 44 ว่า ในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ จะเล่าให้กับ สส.พรรคเพื่อไทย ในฐานะที่เอ็มโอยู 44 เกิดขึ้นสมัยตน มันเกิดขึ้นยังไง เป็นเพราะอะไรเพื่อให้ สส.เข้าใจ และจะเล่าให้ฟังว่า เกาะกูดล้านเปอร์เซ็นต์ ไม่มีใครเถียงว่าเกาะกูดไม่ใช่ของไทย

เมื่อถามว่าเวลานี้สื่อหลายสำนักในกัมพูชา ออกมารายงานว่า ผู้นำกัมพูชายืนยันเกาะกูดยังไม่ใช่ของไทย นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่มีหรอก มั่ว วันนี้จะบอกให้คนไทยได้รู้ว่า ต่อไปนี้ แม้กระทั่งสิ่งที่เราพูดวันนี้ เขาสามารถไปเฟคให้ไปพูดอีกอย่างได้โดยใช้เอไอ แต่สิ่งที่จะพิสูจน์ได้ว่าเป็นของจริงหรือเอไอ คือสายตา ฉะนั้นทุกคนต้องมีการยืนยันตัวตน (Biometric) เพื่อจะได้พิสูจน์ให้เห็นว่า เรากำลังถูกเฟคหรือไม่ วันนี้เทคโนโลยีมันน่ากลัว บางทีก็เป็นเรื่องจริง บางทีก็เป็นเรื่องที่ฝ่ายไม่หวังดีสร้างเรื่อง บางทีฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด ก็สรุปเสียเลยว่าเป็นอย่างนี้ อย่างนั้นมองทุกอย่างในแง่ร้าย ทั้งที่ต้องดูเหตุและผล และต้องดูเนื้อหาให้ดี ทั้งนี้ ที่จริงแล้วเอ็มโอยู ที่แปลว่าข้อตกลง มันเป็นข้อตกลงที่จะคุยกันในเรื่องที่ยังไม่ตกลงกัน ไม่ใช่ข้อตกลงว่าจบแล้ว เกาะกูดยกให้เขมรไปแล้ว อันนี้คือบ้าและไม่มีใครบ้า

...

เมื่อถามต่อว่า แสดงว่าเอ็มโอยูก็ไม่จำเป็นต้องทำตามนั้น นายทักษิณ กล่าวว่า เอ็มโอยูเป็นการวางกรอบว่าเราจะคุยกันเรื่องอะไรบ้าง แต่คุยแล้วก็ไม่จำเป็นต้องจบ คือ ต้องมีกรอบที่จะคุยกัน ไม่เช่นนั้นก็ไม่รู้จะคุยกันเรื่องอะไร

เมื่อถามอีกว่าที่ผ่านมาดูเหมือนว่ารัฐบาลอาจไม่ค่อยชี้แจงจนทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่ามีการตกลงกันไป ตรงนี้จะให้คำแนะนำรัฐบาลอย่างไร นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่มี เดี๋ยวจะอธิบาย และขอให้สื่อช่วยเอาคำอธิบายไปลงด้วย

เมื่อถามถึงกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ออกมาเรียกร้องให้เปิดเวทีสาธารณะ รับฟังความคิดเห็นตรงนี้ นายทักษิณ กล่าวว่า อันนี้เป็นข้อแนะนำข้อหนึ่ง ซึ่งตนปรึกษาว่านายกฯ คิดอย่างไร แต่แน่นอนเราต้องเปิดรับฟังความเห็นทุกฝ่าย เราไม่ใช่บอกว่าเราไม่ฟังแล้ว เราจะทำแบบนี้ มันไม่ใช่ วันนี้เราต้องเข้าใจก่อนว่าหลังจากเปลี่ยนรัฐบาล มาเป็นรัฐบาลเพื่อไทย ทุกคนมองว่านี่คือประชาธิปไตยแล้ว ทุกคนมีสิทธิ์ส่งเสียง ออกเสียง เรียกร้องอะไรก็ได้ ตอนสมัยก่อนไม่ค่อยกล้าออกมา ตอนนี้มาออกเสียงเรียกร้องเต็มที่ เราก็ยินดีรับฟัง แต่รับฟังแล้วก็ต้องรับฟังเสียงส่วนใหญ่ด้วย ไม่ใช่ฟังคนเสียงดัง คนเสียงไม่ดังก็ได้ยิน แต่ว่าถ้าส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยก็ต้องเอาส่วนใหญ่เป็นหลัก

จวกพวกไร้สาระฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด

ต่อมาเวลา 15.40 น. ในเวทีสัมมนาพรรคเพื่อไทย ที่หัวหิน นายทักษิณ ชี้แจงประเด็นเอ็มโอยู 44 ให้ ส.ส.และสมาชิกพรรคเพื่อไทยฟังว่า เกิดขึ้นในสมัยที่ตนเองเป็นนายกฯ ซึ่งเป็นบันทึกข้อตกลงว่าเราจะขอตกลงจะคุยกันในเรื่องที่เราไม่ตกลงกัน เลยเป็นเอ็มโอยู 44 คือการลากเส้นเขตแดนทางทะเลของแต่ละประเทศนั้นไม่ตรงกันต้องอ้างกฎหมายระหว่างประเทศและต้องอ้างสนธิสัญญา “ที่บอกว่าเอาเกาะไปให้เขมร คนพูดไม่ได้ดูเนื้อหาสาระฟังไม่ได้ศัพท์จับกระเดียด จริงๆ แล้วไม่มีเพราะเกาะกูดเป็นของไทยมาตั้งนานแล้ว แล้วก็อยู่ในสนธิสัญญาระหว่างสยามกับฝรั่งเศสที่ยึดครองกัมพูชาในสมัยนั้นว่าเกาะกูดเป็นของไทยและเกาะกงเป็นของเขมรก็ชัดเจนไป”

นายทักษิณ กล่าวต่อว่า แต่วิธีลากเส้นของเขมรไม่ถูกสามารถเถียงได้ตามหลักกฎหมายสากล คือไปลากผ่านยอดของเกาะกูดหมุดเขตแดนที่ 73 แต่เรามั่นใจว่าวิธีของเราถูกกว่าจึงได้เขียนทะแยงออกมาหมด สุดท้ายก็คือบอกไปว่าไม่เป็นไรเรามาคุยกันเรื่องที่ไม่ตกลงว่ามันเป็นอะไรกันแน่แต่ก็ไม่ได้คุยกันเพียงแต่วางกรอบไว้แต่ก็โวยวายกันใหญ่

ส่วนแก๊สและน้ำมันในทะเลอีก 20 ปีก็ใช้ไม่ได้แล้วเพราะทุกคนกำลังเรียกหาพลังงานพลังงานสีเขียวอีก 20 ปีเราก็จะทิ้งทรัพย์สินตรงนี้ และหากใช้ไม่ได้ก็จะหายไปและหากตกลงกันได้ซึ่งมีสองส่วนคือผลประโยชน์ในทะเลและเส้นเขตแดน เส้นเขตแดนบนบกก็ไม่ได้มีปัญหาแต่ในทะเลที่ตกลงไม่ได้เพราะการลากคนละแนว เลยทำให้ยังไม่จบจึงต้อง ในขณะที่เรื่องเส้นเขตแดนเกาะกูดไม่จบ ก็มีเรื่องว้าแดงมาอีก

“ทักษิณ” ย้ำ เกาะกูดเป็นของไทย มีแต่ควายเท่านั้นที่จะยกให้เขมร

“วันนี้เรื่องเอ็มโอยู 44 ก็เป็นเรื่องที่ขออย่าไปเอะอะโวยวายไม่มีใครจะไปขายชาติ ถ้าขายชาติขายให้คนเฮงซวยพอจะขายได้ แต่คงไม่มีใครเอาอีกเพราะกลัวเป็นภาระ ส่วนเรื่องการทับซ้อนทางทะเลก็ไม่มีการตกลงใดๆ ทั้งสิ้น เพราะทุกอย่างชัดไปหมดแล้วเรื่องบนบกจบไปนานแล้วเหลือเส้นแบ่งผลประโยชน์ใต้ทะเลเท่านั้น ส่วนที่มีคนไปอ้างว่าเป็นเพราะตนเองมีความสัมพันธ์กับฮุนเซนนั้น ต้องบอกว่าด้วยความเป็นเพื่อนกันคุยกันด้วยความเข้าใจเพราะการเป็นเพื่อนที่ดีดีกว่าเป็นศัตรู ไม่ใช่เป็นเพื่อนกันแล้วจะยกประเทศให้เขาแบบนั้นเป็นควายแล้ว” นายทักษิณกล่าว