เลขา กกต. เผย เพื่อไทย แชมป์คำร้องยุบพรรคมากสุดถึง 53 คำร้อง แต่ “กกต.” สั่งยุติเหลือ 6 รอสอบพยานหลักฐาน กำชับเร่งมือ-ให้ความเป็นธรรม มอง เลือกตั้ง อบจ.อุบลฯ เข้มข้นเหมือน อบจ.อุดรฯ เผย ส่งสำนวนคำร้อง “สว.” หมอเกศแล้ว
วันที่ 10 ธันวาคม 2567 จังหวัดสมุทรปราการ นายแสวง บุญมี เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีผู้ยื่นคำร้องยุบพรรคการเมือง ว่าที่ผ่านมามีทั้งหมด 160 คำร้อง พรรคเพื่อไทยมีคำร้องมากที่สุด จำนวน 53 คำร้อง พรรคประชาชน 3 คำร้อง โดยพรรคเพื่อไทยขณะนี้ตนได้พิจารณา จนเหลือ 6 คำร้อง ในส่วนที่เหลือ 47 คำร้อง สั่งให้ยุติการสอบสวน เพราะบางรายมีอะไรก็ยื่นร้อง บางคนก็ยื่นมาถาม อีกทั้งเรื่องของการล้มล้างการปกครอง ที่ก่อนหน้านี้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งไม่รับคำร้องนั้น ทำให้ไม่มีผลผูกพันถึง กกต.
ส่วนคำร้องครอบงำพรรคการเมือง ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน โดยเปิดโอกาสให้ผู้ร้องและผู้ถูกร้องได้แสดงพยานหลักฐาน อย่างไรก็ตามคณะกรรมการสอบสวนคำร้องยุบพรรค ได้ขอขยายเวลาออกไป เนื่องด้วยมีคำร้องที่เกี่ยวโยงถึง 6 พรรคการเมือง นายแสวง กล่าวต่อว่าตนไม่ได้เข้าไปแทรกแซงในเรื่องระยะเวลาการหาพยานหลักฐาน แต่ก็กำชับให้เร่งมือบางครั้งหากช้าเกินไปก็ไม่ดี โดยมั่นใจว่าในสำนวน คณะสอบสวนจะทราบขอบเขตและโอกาสที่จะให้กับฝ่ายไหน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย
ส่งสำนวนคำร้อง สว.หมอเกศ แล้ว รอ กกต. จัดวาระ
นายแสวง ยังให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในการสอบสวนคำร้องคุณสมบัติของพญ.หญิงเกศกมล เปลี่ยนสมัย สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กรณีวุฒิการศึกษา โดยระบุว่า สำนักงาน กกต. จัดทำสำนวนครบแล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนบรรจุในระเบียบวาระการประชุมของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ในเร็วๆ นี้
...
นายแสวง ย้ำว่า การรวบรวมพยานหลักฐานนั้น มีเจตนาให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย มีทั้งหลักฐานจากผู้ร้องที่ส่งมา และสำนักงานรวบรวมหลักฐานด้วยตัวเอง ส่วนผลจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน ที่อยู่ในสำนวน
ส่วนกรณีอื่นๆ อย่างคำร้องการฮั้วการเลือก นั้นต้องมีการตรวจสอบความเชื่อมโยงของคน รวมถึงเส้นเงิน ซึ่งต้องใช้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการการเลือกตั้งก็ได้สั่งการเร่งให้ดำเนินการโดยเร็ว
มอง เลือกตั้ง อบจ.อุบลฯ เข้มข้นเหมือน อบจ.อุดรฯ เชื่อผู้ช่วยหาเสียง ระวังตัว
นอกจากนี้นายแสวง กล่าวถึงการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี ที่จะมีขึ้นในวันที่ 22 ธันวาคมนี้ ว่าจากข่าวที่ได้รับทราบการแข่งขันของสนามเลือกตั้งที่มีความเข้มข้น เหมือนที่จังหวัดอุดรธานี ถือเป็นผลดีที่ทำให้ประชาชนตื่นตัวออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง
ที่ผ่านมาทั้งตัวผู้สมัครและผู้ช่วยหาเสียง ถือว่าปฏิบัติตามกฎหมาย แม้ว่าจะมีข่าวออกมาว่าทำเกินกฎหมาย กกต.ก็มีฝ่ายป้องปรามในเรื่องนี้ ส่วนจะต้องมีการกำชับผู้ช่วยหาเสียง หรือไม่ นายแสวงมองว่า ทุกพรรคก็จะระวังตัวอยู่แล้ว ยิ่งลงพื้นที่หาเสียงแบบนี้ก็เป็นที่จับตา คนที่ลงพื้นที่ก็เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง ที่จะผิดกฎหมายคงมีน้อย
ส่วนเรื่องคุณสมบัติของผู้สมัคร ที่หลายฝ่ายเกรงว่าจะมีคดีความคล้ายกับการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี นั้น นายแสวง ระบุว่า กกต. ดูเฉพาะกฎหมายของตัวเองว่าในวันรับเลือกตั้ง มีคุณสมบัติ มีการหาเสียงที่ถูกต้องหรือไม่ ส่วนการกระทำที่อาจผิดในกฎหมายฉบับอื่น ก็ถือว่าไม่ได้อยู่ในอำนาจของ กกต.