“อนุทิน” ย้ำจุดยืนพรรคภูมิใจไทย ไม่เหนุนกฎหมายสกัดปฏิวัติ ชี้แค่อย่าทำอะไรที่เข้าเงื่อนไข มองเสนอ พ.ร.บ. ก็แค่สัญลักษณ์ และการเมืองไม่ควรก้าวก่ายแทรกแซงกองทัพ
วันที่ 9 ธันวาคม 2567 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยเสนอร่างแก้ไขพระราชบัญญัติจัดระเบียบกระทรวงกลาโหม โดยมีข้อสังเกตเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายผู้บัญชาการเหล่าทัพ และการสกัดการทำปฏิวัติ ว่า เรื่องอื่นตนยังไม่ได้ดู แต่ถ้าเป็นเรื่องการสกัดการปฏิวัติตนไม่เห็นด้วย เพราะถ้าจะสกัดการปฏิวัติไม่เกี่ยวข้องกับนักการเมือง เพราะนักการเมืองก็คือนักการเมือง ต้องทำหน้าที่ให้ดี ทำด้วยความซื่อสัตย์สุจริต รักษาความสงบ และอย่าให้แตกความสามัคคี
“เงื่อนไขการปฏิวัติมีอยู่แค่ไม่กี่เงื่อนไข ส่วนใหญ่ก็มาจากนักการเมืองทั้งนั้น เราก็อย่าไปเข้าเงื่อนไขเหล่านั้น มันก็จะปฏิวัติไม่ได้ ต่อให้ออกกฎหมายอะไรมา ถ้ามีการปฏิวัติสิ่งแรกที่ทำก็คือการฉีกรัฐธรรมนูญ ดังนั้นตรงนี้ที่จะทำก็อาจเป็นแค่สัญลักษณ์ บังคับใช้อะไรไม่ได้ ดีที่สุดก็ต้องทำตัวให้ดี ต้องซื่อสัตย์สุจริต อย่าขี้โกง อย่าไปยุแยงให้ใครแตกความสามัคคี อย่าไปลงถนนจนทำให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย ทุกอย่างก็มีอยู่แค่นี้”
ส่วนคำถามว่าถ้าพรรคเพื่อไทยจับมือกับพรรคประชาชนผ่านร่างกฎหมายนี้ในสภาผู้แทนราษฎร นายอนุทิน กล่าวว่า ถ้าในประเด็นนี้ พรรคภูมิใจไทยไม่เอาด้วยอยู่แล้ว ส่วนจะผ่านหรือไม่ก็เป็นไปตามกระบวนการ ตามระบอบประชาธิปไตย ตามเสียงส่วนมาก เมื่อถามต่อไปว่าร่างจะไปตกในชั้นวุฒิสภาหรือไม่ นายอนุทิน ตอบว่า เรื่องนี้ไม่รู้ แต่ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยประเด็นตรงนี้ไม่เห็นด้วย เพราะมองว่าไม่มีความจำเป็น ซึ่งตนอยู่กับการเมืองมานาน เห็นตั้งแต่สมัยปฏิวัติ 23 กุมภาพันธ์ 2534 สมัยพลเอกชาติชาย ชุณหะวัน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเงื่อนไขการปฏิวัติก็สามารถหลีกเลี่ยงได้ทั้งนั้น ถ้าไม่เข้าใกล้เงื่อนไขนั้นก็ปฏิวัติไม่ได้
...

ต่อมาเวลา 15.00 น. นายอนุทิน ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์อีกครั้งกรณี นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และคณะ เตรียมเสนอร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่) พ.ศ. .... ที่กำลังเปิดรับฟังความเห็นอยู่ในขณะนี้ ว่า เป็นสิทธิของ สส. ที่จะเสนอร่างกฎหมายได้ หากเห็นว่าเป็นเรื่องที่จำเป็นต่อการบริหารราชการแผ่นดิน และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนส่วนรวม ซึ่งพรรคภูมิใจไทยยังไม่ได้รับการประสานงานจากพรรคเพื่อไทย อีกทั้งยังไม่มีรายละเอียด ยังไม่ทราบหลักการและเหตุผลของการเสนอร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้
ทั้งนี้ ในมุมมองของพรรคภูมิใจไทย ขณะนี้ปัญหาใหญ่ของประเทศ คือ ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาใหญ่ของประชาชน คือ ปัญหารายได้และความยากจน ปัญหาโครงสร้างพื้นฐาน ยังเป็นปัญหาเร่งด่วนที่รัฐต้องเร่งดำเนินการ พรรคภูมิใจไทยให้ความสำคัญกับปัญหาเหล่านี้มากกว่า การจัดระเบียบหรือการจัดโครงสร้างการบริหารราชการกลาโหม และพรรคภูมิใจไทยไม่มีความชำนาญ ไม่มีข้อมูลมากพอที่จะให้ความเห็นได้ เราจึงขอสงวนความเห็นส่วนนี้ไว้ก่อนจนกว่าจะได้รับฟังคำชี้แจงจากผู้เสนอร่าง พ.ร.บ.

นายอนุทิน กล่าวต่อไปว่า แต่หลักการสำคัญที่ควรต้องมีคือ การเมืองไม่ควรไปก้าวก่ายแทรกแซงกองทัพ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีลักษณะพิเศษ และเป็นสถาบันสำคัญของชาติ ที่ต้องมีกฎหมายพิเศษหรือกฎหมายเฉพาะมากำกับดูแลการบริหาร เพื่อความมั่นคงของชาติ การช่วยเหลือประชาชนเมื่อมีสถานการณ์วิกฤติ ทั้งจากภัยความมั่นคงและภัยธรรมชาติ รวมถึงการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นภารกิจหลักของกองทัพ
“เรื่องการออกกฎหมายเพื่อต่อต้านการรัฐประหาร ต้องดูความเป็นจริง และในทางปฏิบัติสามารถต่อต้านสกัดกั้นได้หรือไม่ จำเป็นต้องออกกฎหมายมาอีกหรือไม่ ในเมื่อรัฐธรรมนูญมีบทบัญญัติห้ามผู้ใดกระทำการปฏิวัติรัฐประหาร ล้มล้างรัฐธรรมนูญ และรัฐบาล ด้วยวิธีการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายอยู่แล้ว ขนาดรัฐธรรมนูญยังห้ามไม่ได้ ออกกฎหมายใหม่มาจะบังคับใช้ได้จริงหรือไม่”