“อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด” ขอหยุดปั่น ขยายผลให้เกิดความสับสน ยันไม่มีนโยบายขึ้น VAT ตั้งแต่ต้น โว พรรคเพื่อไทย ได้ทีแถลงผลงานเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจ ย้ำ รัฐบาลไม่กังวล

วันที่ 7 ธ.ค. 2567 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ประกาศยืนยันชัด ไม่มีการปรับ VAT เป็น 15% ว่า การที่นายกฯออกมาประกาศยืนยันว่าจะไม่มีการปรับ VAT ไม่ใช่การถอยหรือการโยนหินถามทาง เพราะข้อเท็จจริงคือรัฐบาลไม่มีนโยบายปรับ VAT เป็น 15% มาตั้งแต่ต้น นโยบายหลักของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย คือการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส ให้กับพี่น้องประชาชน ควบคู่ไปกับการหาโอกาสจากการสร้างรายได้ใหม่ให้กับประชาชน รัฐบาลระมัดระวังอย่างมากหากจะมีสิ่งใดมาส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพ โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่ต้องใช้รายได้ส่วนใหญ่ในการบริโภค ขอยืนยันในข้อเท็จจริงว่า เรื่องการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ไม่มีในนโยบายของรัฐบาล มาตั้งแต่ต้น นายกฯ และผู้เกี่ยวข้องได้ยืนยันชัดเจนแล้ว ดังนั้นเรื่องนี้จบได้ ขอให้หยุดปั่น หรือบิดเบือนขยายผลให้เกิดความสับสน ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อประเทศชาติและประชาชน

นายอนุสรณ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านระบุว่าจะมีการอภิปรายรัฐบาลในช่วงต้นปี 68 ว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญของสส.ในฐานะฝ่ายค้าน ซึ่งเขามีสิทธิ์ที่จะยื่นอภิปรายรัฐบาลได้ ในส่วนของสส.เพื่อไทย รัฐบาลไม่กังวลใจ หรือไม่ต้องเตรียมการรับมือเป็นพิเศษ เพราะถ้าเราไปดูสิ่งที่เป็นผลงานของรัฐบาล ประชาชนพึงพอใจมีหลายเรื่อง ทั้งเรื่องโครงการเงินหมื่นฟื้นเศรษฐกิจ โครงการช่วยเหลือชาวนาไร่ละพัน หรือจ่ายเงินฟื้นฟูเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่สามารถจ่ายได้รวดเร็ว ฉะนั้น เรื่องที่จะเป็นประเด็นนำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ก็เป็นสิ่งที่ประชาชนดูอยู่ว่าจะนำเรื่องอะไรไปอภิปราย เพราะไม่มีประเด็นอะไร แต่ถึงอย่างไรเราเคารพต่อการทำหน้าที่ของพรรคฝ่ายค้าน สส.เพื่อไทยพร้อมร่วมประชุม รัฐมนตรีพร้อมอธิบาย ทางกลับกัน เราคิดว่าเป็นโอกาสที่ดีที่รัฐบาลจะได้แถลงผลงานหลังจากที่ได้แถลงนโยบายไปแล้วว่าสิ่งใดมีความคืบหน้า ทำสำเร็จแล้ว เมื่อมีการอภิปรายก็ยิ่งถือว่ารัฐบาลได้โบนัส เพราะได้ทั้งแถลงผลงานและได้ชี้แจงผ่านเวทีอภิปรายรัฐบาลด้วย

...

“วรชัย” บอกขึ้น VAT จำเป็นแต่ต้องทำตอนศก.ดีกว่านี้

ด้าน นายวรชัย เหมะ อดีต สส. สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณี นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง ออกมาเปิดเผยเตรียมขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จาก 7% เป็น 15% จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทำให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ต้องออกมาเบรกว่าไม่มีการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มว่า เรื่องนี้เป็นความคิดของนายพิชัย ที่จะใช้มาตรการทางการคลังหารายได้เพิ่มให้รัฐบาล ไม่ใช่ความคิดของรัฐบาล จึงไม่ใช่การโยนหินถามทาง เมื่อนายกฯ ทราบเรื่องแล้วเห็นว่าประชาชนยังมีปัญหาปากท้องอยู่จึงดึงเรื่องไว้ อย่างไรก็ตามการขึ้น VAT เพื่อหารายได้เข้าคลังอย่างเดียวนั้นไม่สามารถทำได้ เพราะจะกระทบประชาชนหลายภาคส่วน มาตรการเพิ่มรายได้จึงต้องทำควบคู่ไปกับหลาย ๆ มาตรการที่สร้างรายได้ให้ประชาชน ไม่ว่าเรื่องการท่องเที่ยว การส่งออก ต้องเพิ่มรายได้ให้ทุกกลุ่มอาชีพ เศรษฐกิจต้องโตมากกว่านี้อย่างน้อยจีดีพีโตขึ้นทะลุ 5% ถึงค่อยคิดขึ้น VAT เป็น 15% การทำอะไรที่มีผลกระทบกับปากท้องประชาชน ประเด็นที่ต้องดูให้ละเอียดคือความเป็นอยู่และรายได้ปัจจุบันของประชาชน นายพิชัยไม่ได้มีพื้นฐานทางการเมือง เลยอาจมองข้ามจุดนี้ อย่างไรก็ตามการขึ้น VAT เป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องเกิดขึ้นในอนาคตแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อสร้างรายได้ให้กับรัฐบาลจะได้นำรายได้ที่ว่ามาพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน แต่หัวใจสำคัญต้องไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชน