“ชูศักดิ์ ศิรินิล” สักการะพระพุทธสิหิงค์ เพื่อความสิริมงคล ยันพ่อลูกตระกูลชินวัตรร่วมสัมมนา พท.พร้อมกันได้ไม่มีปัญหา ชี้ยังไม่เห็นความจำเป็นต้องใช้ ม.152 ถกเรื่องเอ็มโอยู 44 ย้ำให้ สสร. แก้ รธน.ดีกว่าไปทำรายมาตรา ยัน ฟ้องกลับนักร้องแน่
วันที่ 30 พ.ย. 2567 ที่วัดพระสิงห์ วรมหาวิหาร (พระอารามหลวงชั้นเอก) ต.พระสิงห์ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สักการะพระพุทธสิหิงค์ และพระศรีสรรเพชญ โดยได้กล่าวกับประชาชนที่มาร่วมต้อนรับว่า รัฐบาลได้มีโอกาสมาประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ที่ จ.เชียงใหม่ ถือเป็นครั้งแรกของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตนได้ถือโอกาสเยี่ยมชมวัดในพระพุทธศาสนาของเรา ทั้งวัดป่าดาราภิรมย์ พระอารามหลวง วัดลัฏฐิวัน (พระนอนขอนตาล) วัดป่าพร้าวนอก และวัดพระสิงห์ ดีใจที่ได้เห็นวัดเป็นที่พึ่งของประชาชน เป็นแหล่งประวัติศาสตร์ที่มียาวนาน ขอชื่นชมวัดรักษาสภาพแวดล้อมให้ดีงาม
ต่อมา นายชูศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า วัดใน จ.เชียงใหม่ถือเป็นวัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ซึ่งวัดพระสิงห์ ที่เรามาเยี่ยมชมก็มีความศักดิ์สิทธิ์ มีอายุที่ยืนยาว อย่างเช่นพระอุโบสถมีอายุกว่า 500 กว่าปี มีการอนุรักษ์รักษาสภาพแวดล้อมไว้เป็นอย่างดี และสังเกตได้ว่ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมาก ถือเป็นแบบอย่างของเราชาวพุทธที่จะต้องอนุรักษ์วัฒนธรรม ประเพณี ความเป็นวัดที่ถือว่าเป็นแหล่งรวมจิตใจของชาวพุทธเอาไว้ให้ได้
...
ยันพ่อลูกตระกูลชินวัตรร่วมสัมมนา พท.พร้อมกันได้ไม่มีปัญหา
จากนั้น นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการสัมมนาพรรค พท. วันที่ 13-14 ธ.ค.ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ว่า เป็นการสัมมนาประจำปีของพรรค พท.โดยจะมีการหารือกันถึงการดำเนินงานของพรรคในช่วงปีที่ผ่านมา และพูดคุย กำหนดยุทธศาสตร์พรรค ในสถานการณ์การเมืองที่เป็นอยู่ปัจจุบัน
เมื่อถามว่า การที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปเข้าร่วมการสัมมนาพรรคในครั้งนี้ได้หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ไปได้ เพราะไปในฐานะนักวิชาการเป็นการไปให้ข้อมูล ซึ่งจะทำตามหรือไม่ทำตามก็เป็นสิทธิ์ของพรรค ยืนยันว่าการเดินทางไปร่วมสัมมนาของนายทักษิณครั้งนี้ ไม่ใช่เป็นการครอบงำพรรค เพราะหากเป็นการครอบงำจะต้องเป็นการสั่ง ชี้ให้ทำอย่างนั้น ทำอย่างนี้ แต่นี่ไม่ใช่ เป็นเพียงไปให้คำแนะนำ
เมื่อถามว่า การสัมมนาพรรค พท.ในครั้งนี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค พท.และนายทักษิณสามารถเข้าร่วมกิจกรรมพร้อมกันจะไม่มีปัญหาอะไรใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า สามารถทำได้ไม่เป็นไร ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร
ชี้ยังไม่เห็นความจำเป็นต้องใช้ ม.152 ถกเรื่องเอ็มโอยู 44
นอกจากนี้ นายชูศักดิ์ ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เสนอให้ใช้กลไกของรัฐธรรมนูญมาตรา 152 เพื่อเปิดอภิปรายทั่วไปให้ สส.และ สว.ได้อภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เรื่องเอ็มโอยู 2544 ดีกว่าให้นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยลงถนน ว่า โดยส่วนตัวคิดว่าไม่มีอะไร จะพูดอะไรกันในเมื่อพูดกันมามากมายแล้ว นั่นเป็นความเห็นส่วนตัวของนายนพดล แต่ตนรู้สึกว่ามันไม่ได้อะไร ส่วนใหญ่ของการใช้มาตรานี้คือการมาคุยกัน มาพูดกันว่าปัญหามันอยู่ตรงไหน ซึ่งเราพูดกันหมดแล้ว และที่จริงแล้วแก่นของมันไม่มีอะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายนพดลระบุว่าการที่มาพูดกันในสภาดีกว่าให้นายสนธิไปลงถนน นายชูศักดิ์ กล่าวว่า นายสนธิก็ไม่ได้มาคุยด้วย เมื่อถามว่า รัฐบาลจะได้มีโอกาสชี้แจงด้วย นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ต้องตอบว่าสาระมันคืออะไร และเราคุยกันมาไม่รู้เท่าไหร่แล้ว ว่าเป็นมาอย่างไรอย่างนั้นอย่างนี้ คณะกรรมการร่วมทางเทคนิค หรือ เจทีซี ไทย-กัมพูชา ก็ยังไม่ได้ตั้ง เจรจาก็ยังไม่ได้เจรจา อะไรก็ยังไม่ได้ทำ มันก็คุยได้แค่นั้น ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อถามย้ำว่า โดยส่วนตัวคิดว่าถึงขั้นต้องเปิดประชุมสภาใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าไม่มีความจำเป็นต้องถึงขั้นนั้น
ย้ำให้ สสร. แก้ รธน.ดีกว่าไปทำรายมาตรา ยัน ฟ้องกลับนักร้องแน่
เมื่อถามถึงกรณี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ระบุจะนำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญจำนวน 14 ฉบับ เข้าสภาฯ เพื่อพิจารณาในเดือน ธ.ค.นี้ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ก็สุดแล้วแต่ประธานสภาฯ ซึ่งตอนนี้ยังไม่รู้ว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแต่ละฉบับเป็นอย่างไร เพราะมันมีหลายร่างเหลือเกิน แต่ความเห็นส่วนตัวคิดว่า ขณะนี้เราตัดสินใจว่าจะมีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ก็ให้เขาไปว่ากันไม่ดีกว่าหรือ เพราะหากคุณไปว่าเป็นรายมาตราก็ไม่รู้ว่ามีกี่ฉบับ ถ้าคิดจะมี ส.ส.ร. ก็ให้ ส.ส.ร.ไปว่ากันดีกว่า ซึ่งก็มุ่งไปที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 เลย
เมื่อถามถึงความคืบหน้ากรณีทีมกฎหมายของพรรคเพื่อไทยจะฟ้องกลับนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร และนักร้องเรียน นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทยกำลังทำอยู่ ใกล้จะเสร็จแล้ว แต่จะให้มาบอกว่าเสร็จเมื่อไหร่มันก็คงลำบาก เพราะต้องไปดูและทบทวน เอาแค่ว่าจะใช้มาตราอะไรก็เถียงกันอยู่พอสมควรแล้ว แต่ตนยืนยันว่าดำเนินคดีแน่นอน