ภาพการณ์ของรัฐบาลในปัจจุบันที่มีปัญหารายล้อมค่อนข้างมาก ดังนั้นการคิดอ่านทำการใดๆก็ตามต้องรอบคอบและระมัดระวังเป็นพิเศษ
มิฉะนั้นดูไม่จืดแน่
ไม่ต่างกับเสียงเตือนที่บอกว่า “อย่าเล่นกับไฟ” เพราะมันร้อนและอาจไหม้มือเอาได้
วันนี้มีเรื่องที่กำลังเป็นเรื่องคือการตั้งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ที่คณะกรรมการสรรหาซึ่งมี “สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์” เป็นประธาน
ปรากฏว่ามี 3 รายชื่อที่ต้องพิจารณา
1.นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีคลัง สังกัดพรรคเพื่อไทย โดยกระทรวงการคลังเสนอชื่อ
2.นายกุลิศ สมบัติศิริ อดีตปลัดกระทรวงพลังงาน
3.นายสุรพล นิติไกรพจน์ อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
การประชุมพิจารณาเรื่องนี้ผ่านไปแล้ว 1 ครั้ง ปรากฏว่าไม่สามารถตัดสินชี้ขาดได้ เนื่องจากมีปัญหา เนื่องจากมีเสียงคัดค้านว่าไม่ควรให้นักการเมืองเข้ามายุ่งเกี่ยวกับแบงก์ชาติ
เพราะแบงก์ชาติต้องคงความเป็นอิสระ เพราะเป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญของประเทศที่เกี่ยวข้องกับระบบการเงินทั้งระบบ
เกรงว่าถ้านักการเมืองเข้ามาเป็นประธานบอร์ด หรือเป็นผู้ว่าการแบงก์ชาติจะทำให้เกิดปัญหาจนสร้างความเสียหาย
ไม่ว่าประเทศไหนในโลกนี้ก็ทำกันอย่างนี้!
แบงก์ชาติไทยก็ไม่เคยมีนักการเมืองคนไหนได้เข้าไปเป็นเจ้าหน้าที่ในตำแหน่งสำคัญๆ ซึ่งเป็นที่รับรู้กัน
อีกทั้งพรรคการเมืองหรือนักการเมืองก็ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวเหมือนมีเส้นแบ่งในการทำหน้าที่ของแต่ละฝ่าย
อีกทั้งแบงก์ชาติซึ่งเป็นหน่วยงานสำคัญก็มีระบบ “ภูมิคุ้มกัน” เพื่อไม่ให้การเมืองเข้าล้วงลูกหรือแทรกแซงได้
คนที่มีความรู้ ความสามารถ มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ยอมรับของสังคม ไม่ว่าคนไหนสามารถเข้าไปทำหน้าที่ได้
...
ยกเว้น “นักการเมือง” เท่านั้น...
นี่เป็นภาพลักษณ์ที่แบงก์ชาติได้รักษามาตลอด...
ถ้าจะถามว่า “กิตติรัตน์” เหมาะสมหรือไม่ก็ต้องบอกว่าเหมาะสม เพราะมีความรู้ความสามารถ มีการศึกษาที่ดี
แต่ติดตรงที่เขาเป็น “นักการเมือง” เท่านั้น
อีกทั้งมีภาพลักษณ์ที่ไม่ค่อยดีนักกับแบงก์ชาติ เนื่องจากเคยวิพากษ์วิจารณ์เมื่อไม่ยอมทำตามข้อเรียกร้อง
ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าบรรดานักเศรษฐศาสตร์ อดีตผู้ว่าการแบงก์ชาติ พนักงาน ธปท. ต่างเคลื่อนไหวคัดค้านและไม่ยอมรับ
บรรดามีเหล่านี้ล้วนได้รับการยอมรับจากสังคมค่อนข้างสูง
ไม่ใช่กลุ่มคนกระจอกๆธรรมดา
นี่จึงเป็นเสียงเตือนให้ผู้ที่มีส่วนร่วมในการพิจารณาแต่งตั้งจะต้องคิดและไตร่ตรองให้ดี มิฉะนั้นจะเกิดปัญหาความขัดแย้ง
ส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาลอย่างแน่นอน
รัฐบาล คณะกรรมการสรรหาจึงต้องคิดและตัดสินใจให้ดีว่าจะเลือกใคร อย่าง “กุลิศ” อดีตปลัดกระทรวงพลังงาน ซึ่งเคยอยู่กระทรวงการคลังมาก่อน จึงมีความรู้ความสามารถที่จะทำหน้าที่นี้ได้
เป็นคนรุ่นใหม่ไม่มีประวัติเสียหาย
วันนี้ลูกอยู่ในมือคณะกรรมการสรรหาจะเลือกใครก็อย่าทำให้องค์กรเกิดปัญหา ที่สำคัญคืออย่าทำให้แบงก์ชาติต้องด่างพร้อยไปด้วย
เพราะนักการเมืองนั้นไม่สามารถอยู่ได้ตลอดไป!
"สายล่อฟ้า"
คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม