“ภูมิธรรม” ชี้ วงดินเนอร์ไม่ใช่เวทีเคาะ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม หลังพรรคร่วมรัฐบาลเสียงแตก แต่มีเวทีเฉพาะพูดคุยอยู่แล้ว มองกฎหมายเปิดช่องให้คนร้องยุบพรรคปม “ทักษิณ” ครอบงำ กระทบเชื่อมั่น ทำเศรษฐกิจประเทศพัง พร้อมแก้ต่างหาก กกต. เรียกแจง
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 21 ตุลาคม 2567 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ที่โรงแรมแกรนด์ ไฮแอทเอราวัณ กรุงเทพฯ ถึงวงร่วมรับประทานอาหารมื้อค่ำของพรรคร่วมรัฐบาลเย็นนี้ว่า วงดินเนอร์เย็นนี้ถือเป็นครั้งแรก ตั้งแต่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเข้ามารับตำแหน่ง เพิ่งจะถือโอกาสพูดคุยกันเพื่อสร้างความสัมพันธ์เป็นเรื่องหลัก นอกจากนั้นคงอยากจะฟังความเห็นจากหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลว่าเมื่อมาบริหารร่วมกันแล้วมีอะไรที่เป็นข้อคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงแก้ไข
ส่วนคำถามว่าวงรับประทานอาหารจะมีการหารือถึงแนวทางร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรมหรือไม่ เนื่องจากพรรคร่วมรัฐบาลยังมีความเห็นต่างจากพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรมตอบว่า ก็แล้วแต่พรรคร่วมว่าจะคุยกันในเรื่องนี้หรือไม่ เพราะปกติเรื่องเหล่านี้ไม่ได้หารือกันในเวทีนี้ เพราะต้องใช้เวลานั่งพูดคุยกัน และวงเหล่านั้นก็มีอยู่แล้ว
สำหรับกรณีที่ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการศึกษาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ออกมาให้ความเห็นว่าควรจะนำร่างดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อรับทราบ ทางพรรคร่วมรัฐบาลเห็นต่างกันนั้น นายภูมิธรรมระบุว่า เดี๋ยวต้องคุยกัน พร้อมย้ำว่าบรรยากาศนั้นไม่ใช่บรรยากาศในวงดินเนอร์ หากต้องคุยหลายเรื่องและแต่ละเรื่องต้องใช้เวลา ไม่ใช่แค่ผิวเผิน ต้องดูถึงเหตุผลแต่ละส่วนว่าเป็นอย่างไร แต่เป็นธรรมดาที่พรรคร่วมรัฐบาลมาจากต่างพรรคคงไม่เห็นไปในทิศทางเดียวกันหมด เรื่องที่เห็นส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องหลักๆ ที่เป็นไปตามนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา นอกเหนือจากนั้นจะต้องปรับปรุงกัน เมื่อถึงเวลาหากพูดคุยกันแล้วเรื่องไหนเป็นเรื่องของจุดยืน เขายืนยันมาชัดเจนก็ต้องคุยกันว่าจุดร่วมกันอยู่ตรงไหน เพราะฉะนั้นเรื่องเหล่านี้จะมีเวทีให้พูดคุยกันอยู่แล้ว
...
เมื่อถามต่อถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับคำร้องยุบพรรคเพื่อไทยและ 6 พรรคร่วมรัฐบาล กรณีปล่อยให้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ครอบงำและชี้นำพรรค นายภูมิธรรม กล่าวว่า ให้ กกต. ทำหน้าที่ไป ตนเพียงแต่ไม่สบายใจเวลาใครคนใดคนหนึ่งหยิบเรื่องใดเรื่องหนึ่งขึ้นมาก็กลายเป็นประเด็นไปทั้งหมด รัฐบาลและนายกรัฐมนตรีเข้ามาบริหารประเทศเพียง 1 เดือน ยังไม่ทันทำอะไรก็มีมาฟ้องนายกรัฐมนตรีเรื่องนั้นเรื่องนี้ ตนไม่อยากทำให้เรื่องนี้มาทำให้เสถียรภาพและความเชื่อมั่นของรัฐบาลเสียหาย เพราะเศรษฐกิจกำลังจะพลิกฟื้น พอมาเจอเรื่องแบบนี้ก็ชะงัก ถ้าหากเป็นเช่นนี้คิดว่าเศรษฐกิจประเทศพังแน่ จึงอยากให้คำนึงถึงเรื่องเหล่านี้ด้วย หากทำอะไรผิดก็ว่ากันไปตามผิด และพรรคเพื่อไทยรวมถึงพรรคร่วมรัฐบาลก็ไม่ได้กังวลใจ ก็ว่ากันไปตามกระบวนการ
ขณะที่คำถามว่าหลังจากนี้ท่าทีของพรรคเพื่อไทยจะเป็นเช่นไร นายภูมิธรรมเผยว่า ก็ให้ กกต. ทำหน้าที่ไป ถ้าหากมีเรื่องให้ชี้แจงเราก็ชี้แจง ถ้าไม่เรียกก็ต้องดูว่า กกต. จะพิจารณาอย่างไร เรามีหน้าที่แก้ต่าง เมื่อระบบของเราเปิดให้ใครก็ได้ฟ้องหรือเปิดประเด็น เราก็มีหน้าที่ชี้แจงไป เพียงแต่ขอให้กระบวนการทุกอย่างเป็นไปอย่างกว้างขวางและเปิดเผยตรงไปตรงมา