การเมืองวนลูปกลับมาเหมือน 20 ปีในอดีต

“ทักษิณ ชินวัตร” เป็นผู้มีอำนาจทางการเมือง

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) สะท้อนให้เห็นบริบทการเมืองพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีกำลังฟอร์มจัดตั้ง ครม.อิ๊งค์ ได้ตัดขาดสัมพันธ์พรรค พปชร. ไม่เอาตระกูล “วงษ์สุวรรณ” ที่มี “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรค พปชร.และ “ลุงป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ประธานที่ปรึกษาพรรค พปชร.เข้าร่วมรัฐบาล

แต่เอากลุ่มผู้กอง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค พปชร.โดยให้โควตารัฐมนตรีผ่านพรรคอื่นแทนและดึงพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ขึ้นขบวนรถไฟสายสีแดงด้วย เพื่อให้รัฐบาลมีเสถียรภาพ

โดยเสียงในสภามีจำนวน สส. 494 คน ในวันนี้แบ่งเป็นฝ่ายรัฐบาล 324 คน ฝ่ายค้าน 170 คน ซึ่งเสียงของฝ่ายค้านนับรวมพรรค พปชร. 20 เสียง ของกลุ่ม “ลุงป้อม” และพรรค ปชป. 4 เสียง ที่ไม่เห็นด้วยกับการร่วมรัฐบาล

...

จำนวนเสียงของรัฐบาลดังกล่าว พรรคเพื่อไทยวางยุทธวิธีแก้เกมพรรคภูมิใจไทยที่มี 70 เสียง เสี่ยงถูกขี่คอทางการเมือง จำเป็นต้องรวมเสียงให้ได้มากที่สุด แม้พรรคภูมิใจไทยถอนตัว ก็ยังทำให้มีเสียง 254 เสียงปริ่มน้ำ พอประคับประคองรัฐบาลให้อยู่ต่อไปได้ โดยไม่ได้หวั่นไหวที่สายสีน้ำเงินมี สว.ในมือ 140 เสียง

นายชัยวุฒิ ยังบอกให้เห็นภาพ ที่เคยเป็น สส.พรรค ปชป. เมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา มีขั้วการเมืองสู้กันระหว่างพรรค ปชป.กับฝ่ายนายทักษิณ ชินวัตร นายกฯ ในขณะนั้น จนกลายเป็น “ระบอบทักษิณ”

วันนี้พรรค ปชป.ร่วมรัฐบาล แล้วจะกลับมาแข็งแกร่งได้เหมือนเดิมหรือไม่ ต้องติดตามดูต่อไป แต่คงไม่ไปสู้กับนายทักษิณอีกต่อไปแล้ว และที่แน่ๆ ขอตั้งข้อสังเกตว่านายทักษิณใช้อำนาจผ่าน น.ส.แพทองธาร สุดท้ายต้องมีขั้วการเมืองที่ชัดเจนเป็น 2 ขั้วหรือ 3 ขั้ว เพื่อต่อสู้ทางความคิด สร้างศรัทธาดึงมวลชน เพื่อเตรียมเข้าสู่สนามเลือกตั้ง

“ฟอร์ม ครม.ครั้งนี้ ดึงหลายพรรคการเมือง กลุ่มการเมืองเข้าไปร่วมรัฐบาล ทำให้ขั้วการเมืองไม่ชัดเจน แม้พรรคก้าวไกลที่เปลี่ยนเป็นพรรคประชาชน มีกระแสนิยมสูง

แต่ยังถูกตั้งคำถามว่าเป็นพวกที่ต่อสู้กับพรรคเพื่อไทย สู้กับนายทักษิณหรือไม่ ยังเป็นคำถามที่ยังไม่สามารถฟันธงได้

เพราะเท่าที่ติดตามดูปฏิกิริยาของพรรคประชาชน และแกนนำของพรรค ไม่โจมตีนายทักษิณ โจมตีการทำงานพรรคเพื่อไทยอย่างรุนแรง

ต่างกับพลังประชารัฐที่เป็นพรรคอนุรักษ์นิยมทันสมัย รากเหง้า สิ่งที่ดีของสังคมไทยต้องอนุรักษ์ ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้ทันสมัย ทำให้ประเทศทันสมัย ทันโลก

เป็นแนวคิดที่กำลังพยายามขับเคลื่อน ทำนโยบายพรรค เพื่อเดินหน้าต่อสู้ทางการเมืองต่อไป”

ขณะนี้หัวหน้าพรรค พปชร.ยังมุ่งทำงานการเมือง พูดคุยเตรียมพร้อมเลือกตั้ง มีอะไรดูแลเต็มที่

พรรค พปชร.เข้าสู่โหมดเป็นฝ่ายค้าน ไม่จับมือพรรคประชาชน (ปชน.) ที่ “ไม่เอาลุง วันนี้มีลุง” มาอยู่ด้วย ทำหน้าที่ฝ่ายค้านให้ราบรื่นอย่างไร นายชัยวุฒิ บอกว่า ในสมัยที่ร่วมรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน คนของพรรค พปชร.ได้วิพากษ์รัฐบาลหลายรอบ

จนบางทีนายกฯ หรือทีมงานพรรคเพื่อไทยยังส่งสัญญาณให้ “ติงเบาๆ หน่อย” โดยเฉพาะนโยบายเรือธงดิจิทัลวอลเล็ต การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ

ฉะนั้นนับจากที่รัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภา พรรคปชน.ก็เป็นหลักทำหน้าที่ฝ่ายค้าน พรรค พปชร.เป็นส่วนเข้าไปช่วยเสริม

เชื่อมั่น ปชน.–พปชร.ทำหน้าที่ร่วมกันได้

ตามยุทธวิธีต้องแสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง

ประเด็นตรวจสอบรัฐบาลสามารถทำงานร่วมกันได้ ประเด็นไหนเห็นไม่ตรงกันก็ไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน เพราะนักการเมืองที่ต่อสู้ในสมรภูมิ ก็คุยงานประสานร่วมมือกันสะสางปัญหาให้ประชาชนได้ ยืนยันไม่ได้

เป็นศัตรูกัน ดูวันนี้พรรค ปชป.ถึงจับมือกับพรรคเพื่อไทยได้

รวมถึงจับมือ 4 เสียง สส.พรรค ปชป. ส่วนตัวผมก็สนิท ผูกพันพรรคนี้มาก่อน เคารพนายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชป. เป็นคนมีอุดมการณ์ ขอให้กำลังใจท่าน

ปัญหาการทำหน้าที่ฝ่ายค้านของ พปชร. มี สส.แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่ม “ลุงป้อม” เป็นฝ่ายค้าน และกลุ่ม “ผู้กอง” สนับสนุนรัฐบาล ถึงขั้นต้องขับออกจากพรรคได้แค่ไหนอย่างไร นายชัยวุฒิ บอกว่า บังเอิญมี สส.เท่ากันเป๊ะ 20 ต่อ 20 แบ่งครึ่งพอดี ส่วนเสียงในคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ก็สูสี แต่ฝั่งที่อยู่กับพรรคเกินครึ่ง ยังประชุม และทำงานได้

โดยในวันที่ 6 ก.ย. พรรคจัดประชุมใหญ่สมัยวิสามัญ เพิ่มกก.บห. เสริมคนทำงาน ไม่ถึงขั้นเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง กก.บห.ขั้นร้อนแรง

กระชับอำนาจเพื่อขับเคลื่อนพรรคให้ราบรื่น

ส่วนประเด็นที่ถามการขับพ้นพรรค ก็ทำอะไรไม่ได้ คาเอาไว้ก่อน เพราะยังไม่มีข้อเท็จจริงที่เปิดความผิด รอดูหลังจากนี้มีอะไรที่เข้าเงื่อนไข เชื่อว่า ร.อ.ธรรมนัสหลังประกาศชัดเจนไม่เอาลุง และมี สส.กลุ่มหนึ่งไปร่วมรัฐบาล ถือเป็นความเคลื่อนไหวทางการเมือง ต้องคอยติดตามดูต่อไป

แม้มีประเด็นโหวตลงมติเรื่องต่างๆในที่ประชุมสภาก็เช่นกัน ยังไม่มีผลต่อการอยู่หรือไปของรัฐบาล เพราะมีจำนวน สส.เยอะอยู่แล้ว แต่หากฝ่ายค้านรวมพลังโหวตในบางเรื่อง ก็มีโอกาสเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างในรัฐบาลได้ แม้เป็นเรื่องที่ยากมากที่จะชนะรัฐบาล

เสียงข้างมากเยอะๆ คือเป้าหมาย “ทักษิณ” เหมือนในอดีตท่านพยายามรวมเสียง สส.ให้ได้มากที่สุด การทำงานในสภาถึงไม่เหนื่อย ทำให้ฝ่ายค้านโหวตกี่ครั้งก็ไร้ความหมาย

แต่พรรค พปชร.ขอยืนยันเดินหน้าที่เป็นฝ่ายค้านเต็มที่ โดยไม่ต้องเกรงใจรัฐบาล เชื่อมั่นทำได้ดีภายใต้ทีมงานที่มีอยู่ ทั้งฝ่ายวิชาการ ฝ่ายกฎหมาย ข้อมูลการทุจริตคงไหลเข้ามาเรื่อยๆ ข้อมูลด้านความมั่นคงไม่ต้องห่วง หัวหน้าพรรคติดตามอยู่แล้ว ป้อนข้อมูลให้ สส.อภิปรายในสภา

ตรวจสอบทุจริต–เอกซเรย์รัฐมนตรี

แถมยังมีกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยกับพรรค

เพื่อไทย และนายทักษิณ ก็เป็นแนวร่วมมาทำงานตรวจสอบรัฐบาลด้วยกัน

ขอขยายความที่เคยระบุว่าบารมีของลุงยังทำอะไรได้อีกมากมาย ให้ติดตามซีรีส์ตอนต่อไป นายชัยวุฒิ บอกว่า มีคนชอบปรามาสพรรค พปชร.ทำหน้าที่ฝ่ายค้านไม่ได้ เพราะเป็นรัฐบาลมาตลอดตั้งแต่ก่อตั้งพรรค

“เฮ้ย อย่าไปดูถูกดูแคลน พล.อ.ประวิตร ดูถูกพรรค พปชร.ที่ยังมีเขี้ยวเล็บ มีข้อมูลตรวจสอบรัฐบาล ทั้งด้านนโยบาย การทุจริตคอร์รัปชัน สิ่งผิดกฎหมายที่เป็นปัญหาของประเทศ และประชาชน

เราเตรียมข้อมูลประเด็นต่างๆเอาไว้ หลายประเด็นสังคมรู้อยู่แล้ว ก็จะขยายผลให้ชัดเจนในเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลบางเรื่องประเด็นเก่า แต่มีคนพูดถึงกัน เช่น ที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์”

หรือกรณีนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค พปชร. ส่งหนังสือถึงนายกฯ ที่เข้าข่ายทำผิดสัญญาหลังตกลงแถลงร่วมรัฐบาล โดย 39 สส.โหวตให้เป็นนายกฯ น.ส.แพทองธารเข้าข่ายทำผิดสัญญา ไม่เป็นไปตามข้อตกลง ถูกผิดไม่สามารถบอกได้ แต่เหตุการณ์แบบนี้เพิ่งเคยเกิดขึ้นรัฐบาลชุดนี้ การเมืองเพิ่งเริ่มต้นมีอีกหลายเอพพิโซด

การเมืองไม่ได้จบด้วยร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาล ยังมีอีกหลายด่านต้องรอติดตามต่อไป เพราะการเมืองไม่นิ่ง เริ่มต้นด้วยความขัดแย้ง และมีความขัดแย้งภายใน โอกาสทำงานราบรื่นยาก ที่เป็นพระเอกตอนนี้ อาจร่วงลงมาก็ได้

สถานการณ์การเมืองพลิกกลับไปกลับมา

คนที่วิ่งดูดีๆ อาจสะดุดขาตัวเองล้มลง

คนที่เคยแพ้อาจกลับมาเป็นฝ่ายชนะได้.

ทีมการเมือง

คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม