“พร้อมพงศ์” อวย พรรคเพื่อไทยเชิญประชาธิปัตย์ร่วมรัฐบาล เป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ก้าวข้ามความขัดแย้งเพื่อผลประโยชน์ของชาติ ชี้ “นายกฯ อิ๊งค์” นำ ครม.ชุดใหม่ บริหารประเทศ กลิ่นความเจริญของจริงมาแล้ว
วันที่ 28 สิงหาคม 2567 นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยเชิญพรรคประชาธิปัตย์ร่วมรัฐบาล ถือเป็นมิติใหม่ทางการเมือง สร้างบรรยากาศที่ดีให้กับบ้านเมืองอย่างไม่เคยมีมาก่อนในรอบเกือบ 20 ปี เป็นที่รู้กันว่าการเมือง 2 พรรคอยู่คนละขั้ว อยู่คนละข้าง ต่อสู้กันมานาน วันนี้สามารถมาร่วมกันทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชน จะเป็นการยุติความขัดแย้ง ความคิดเห็นต่างทางการเมือง การแบ่งขั้ว แบ่งข้าง แบ่งสีเกือบ 20 ปี จะยุติลง บ้านเมืองจะดี เศรษฐกิจจะเดินหน้า จีดีพีจะโตขึ้น ประชาชนจะมีความสุขเมื่อลดความขัดแย้งทางการเมืองลงได้ การแก้ปัญหาบ้านเมืองก็จะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ปัญหาต่างๆ ที่หมักหมม ทั้งวิกฤติเศรษฐกิจ วิกฤติขัดแย้งทางสังคม จะได้รับการแก้ไขในเวลาอันรวดเร็ว
นายพร้อมพงศ์ ระบุต่อไปว่า ความขัดแย้ง แบ่งขั้ว แบ่งข้าง แบ่งประชาชนคนเห็นต่างกันมาจนทำให้เกิดวิกฤติทางการเมืองต่อเนื่องจนเกิดการรัฐประหาร 2 ครั้ง การพัฒนาประเทศ การสร้างประชาธิปไตยที่กินได้หยุดชะงัก เมื่อการเมืองไม่นิ่ง เกิดวิกฤติทางการเมือง ก็ส่งผลถึงวิกฤติเศรษฐกิจ วิกฤติทางสังคม ทำให้ประเทศชาติเสียโอกาสในการพัฒนาประเทศ และส่งผลถึงความเชื่อมั่นต่อการลงทุนและการท่องเที่ยว ทุกภาคส่วนได้รับผลกระทบเป็นลูกโซ่ ประชาชนจึงเดือดร้อนกันทั่วหน้า ลำบากยากจน และเป็นหนี้
“วันนี้ที่เพื่อไทยได้เชิญพรรคประชาธิปัตย์มาร่วมรัฐบาล เป็นความกล้าหาญ คิดนอกกรอบ ถือเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของการเมืองไทย ที่สิ่งดีๆ จะมีขึ้นในประเทศไทย จะเกิดความเชื่อมั่นต่อพี่น้องประชาชนที่ 2 พรรคใหญ่ร่วมกันทำงานการเมืองเพื่อบ้านเมืองของเรา และที่สำคัญยังสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในระดับสากลว่าการเมืองไทยสามารถก้าวข้ามความขัดแย้งและร่วมมือกันเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ”
...
พร้อมกันนี้ นายพร้อมพงศ์ ยังเตือนไปยังกลุ่มคนที่หากินอยู่กับการค้าความขัดแย้งมานาน อยากมีอำนาจให้กับตัวเองและพวกพ้อง ควรยุติบทบาท ยุติการกระทำได้แล้ว กลับตัวกลับใจไปเลี้ยงลูกหลาน เข้าวัดทำบุญ ฟังเทศน์ฟังธรรม สร้างบุญกุศลได้แล้ว เพราะหมดเวลาของพวกทำการเมืองแบบค้าความขัดแย้ง อย่าฝันกลางวันอีกเลย มันจบแล้ว “อีกไม่นาน ครม.ชุดใหม่ นายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เข้าบริหารประเทศ การเมืองใหม่จะเกิดขึ้น ยุคแห่งความรุ่งเรืองจะมาถึง กลิ่นความเจริญของจริงมาแล้วครับ”