“นายกฯ นิด” เผย ไม่มีแผนสำรอง รอฟังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญพรุ่งนี้ ขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรม ชี้ กรณีผลเป็นบวกก็ทำหน้าที่ต่อ แต่หากเป็นลบ รักษาการนายกฯ สามารถสานงานต่อได้ทันที

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 13 สิงหาคม 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยผู้สื่อข่าวถามว่า ในที่ประชุม ครม. ได้ให้กำลังใจกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำวินิจฉัยกรณี 40 อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ยื่นขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการแต่งตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 14 สิงหาคม 2567 หรือไม่ ว่า ไม่มีการพูดคุยเรื่องนี้ 

ผู้สื่อข่าวถามต่อ ได้มีการพูดคุยกับ นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ในเรื่องนี้อย่างไรหรือไม่ นายกรัฐมนตรี เผยว่า ตั้งแต่ที่ได้เตรียมข้อมูลและส่งข้อมูลครบแล้ว จากวันนั้นจนกระทั่งวันนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกันอีก ขณะที่คำถามว่า นายวิษณุ ระบุ หากนายกรัฐมนตรีถูกวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่ง ก็สามารถที่จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีได้อีก โดยต้องฟังจากคำวินิจฉัยว่าผิดมาตราใดนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ได้คุยเรื่องนี้เลย ตนไม่ทราบเลย ซึ่งทุกอย่างให้เป็นไปตามกฎหมาย อย่างที่ตนบอก 2 สัปดาห์ที่แล้วได้ส่งคำแถลงการณ์ปิดคดีไปแล้ว ไม่ได้มีการพูดคุยอีกเลย 

...

ทางด้านพรรคเพื่อไทย (พท.) ได้มีการเตรียมการอย่างไรหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ตอบว่า ไม่ทราบ ต้องถามพรรค เมื่อถามอีกว่า ในวันที่ 14 สิงหาคม นายกรัฐมนตรีมีภารกิจอย่างไรบ้าง นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนได้มอบให้ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ไปรับฟังแทน ซึ่งตอนบ่ายตนมีภารกิจเต็มเอี๊ยด ผู้สื่อข่าวถามต่อ มีภารกิจนอกทำเนียบรัฐบาลหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวตอบ เข้าใจว่าอยู่ในทำเนียบรัฐบาล ส่วนจะมีการตั้งวอร์รูมฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายกรัฐมนตรี เผยว่า ไม่มีวอร์รูม เพราะมันจบแล้วตั้งแต่ส่งคำแถลงการณ์ปิดคดี ถือว่าเราได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่แล้ว ทั้งหมดขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรม 

เมื่อถามว่า วันที่ 14 สิงหาคม นายกรัฐมนตรีจะพอมีเวลานั่งติดตามฟังคำวินิจฉัยได้บ้างหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนคิดอย่างนี้ ตนมีประชุมอยู่แล้ว แต่เป็นการประชุมภายในกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน ฉะนั้น ถ้ามีผลคำวินิจฉัย เชื่อว่าทีมงานคงเข้ามาบอก ซึ่งตนก็ประชุมไปเรื่อยๆ แต่คงไม่ใช่เซ็ตการประชุมอย่างเป็นทางการ เมื่อถามว่ามีแผนสำรองหรือไม่ถ้าไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวตอบว่า “อ๋อ ไม่ได้คิดอะไรในเรื่องนี้ ให้มันเกิดขึ้นก่อนและค่อยว่ากันครับ”

ขณะที่ดูเหมือนนายกรัฐมนตรีมีความมั่นใจพอสมควร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “ไม่ครับ ผมมีหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติ เรื่องต่างๆ ที่สำนักข่าวหลายๆ สำนักเอาไปวิจารณ์ หรือบางข่าวบอกว่าผมหน้าเศร้าบ้าง อะไรบ้าง คุณแม่ผมเพิ่งเสียไป ผมก็หน้าเศร้าเป็นธรรมดา หรือบางคนก็บอกแหม มั่นใจมาก ไปเซตอัปการประชุม วางตารางเพียบถึงสิ้นเดือน มันเป็นหน้าที่ของนายกฯ ที่ต้องมีการบริหารราชการแผ่นดิน มีการเตรียมงานความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ผมก็เตรียมไป แต่ถ้าผลออกมาเป็นบวกกับตัวผมเอง ผมก็เดินหน้าทำงานต่อไป แต่ถ้าผลออกมาเป็นลบ รักษาการนายกฯ ก็นำแผนงานที่ผมเซตไว้ไปพิจารณาและปรับปรุงตามความเหมาะสมของท่านเอง อันนี้เป็นเรื่องการทำงานทั่วๆ ไปมากกว่า ไม่ได้เป็นความแสดงออกมั่นใจหรือไม่มั่นใจอะไร เราทำดีที่สุด และได้ส่งคำแถลงปิดคดีไปแล้วเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรม”

ทั้งนี้ หากนายกรัฐมนตรีเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง งานที่เซตไว้ใครจะมาทำก็สามารถเดินต่อได้ใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเซตอัปงานไม่ใช่ว่าเป็นความประสงค์ของตนเอง แต่เซตอัปงานตามปัญหาของประชาชนที่เกิดขึ้น แน่นอนถ้าเกิดว่าต้องหลุดแล้วมีรักษาการรองนายกรัฐมนตรีมาดู ท่านก็คงจะพิจารณาดูตามลำดับความสำคัญที่ท่านเห็นว่าเหมาะสม อย่างน้อยหากท่านเข้ามาก็จะได้รับทราบว่าเราได้มีการแพลนอะไรไปแล้วบ้าง 

อย่างไรก็ตาม เมื่อถามว่า วันนี้อยากจะพูดอะไรถึงประชาชนผ่านสื่อหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ตอบว่า ไม่มี วันนี้ประชุม ครม. ตนได้แจ้งว่าได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง และวันนี้ช่วงบ่ายมีงานเต็ม ก็ทำงานไปเรื่อยๆ สำหรับประเด็นที่มีการมองกันว่าหากผลคำวินิจฉัยออกมาเป็นลบ จะมีผลกระทบต่อจิตวิทยาในการลงทุนของนักลงทุนที่นายกรัฐมนตรีไปเดินสายไว้ที่ต่างประเทศ โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องนี้.

(ภาพ : เอกลักษณ์ ไม่น้อย)