"เศรษฐา" ให้กำลังใจก้าวไกลทำงานตามวิถีการเมืองต่อ มองการเคลื่อนไหว แค่แสดงจุดยืน ไม่ใช่การปลุกระดม เชื่อ เคารพคำตัดสินศาล ขอเข้าใจตารางงานยาว หลัง 14 ส.ค.ไม่ได้ชี้นำ คาดหวังอะไร แต่ทำงานต้องแพลนล่วงหน้า
เมื่อเวลา 08.40 น. วันที่ 8 ส.ค. 2567 ที่ท่าอากาศยานกองบิน 2 กองบิน 6 ดอนเมือง กทม. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการเคลื่อนไหวของพรรคก้าวไกล (ก.ก.) หลังศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรค ที่เหมือนเป็นการปลุกระดมว่า ตนคิดว่าอย่าใช้คำว่าปลุกระดม และคิดว่าไม่ใช่ความตั้งใจของพรรค ก.ก.ที่จะให้เกิดความวุ่นวายหรือปลุกระดม แต่เป็นการแสดงจุดยืน และตนเข้าใจว่าเป็นการประกาศที่จะเดินหน้าการเมืองต่อไป ก็ขอให้กำลังใจในการที่จะต้องทำงานต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องของทางการเมืองไป และตนได้พูดคุยกับฝ่ายความมั่นคงแล้ว ก็ไม่ได้มีข่าวอะไร ที่ทำให้เราจะต้องระมัดระวังในการปลุกระดม หากจะใช้คำนี้ไม่มีหรอก และตนก็มั่นใจว่าทางพรรค ก.ก.เคารพการตัดสินของศาล และมีแนวทางการเดินต่ออย่างถูกต้องตามวิถีการเมืองที่ต้องเดินต่อไป
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 7 ส.ค. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.ได้มารายงานเรื่องการชุมนุมหลังศาลรัฐธรรมนูญก็เป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์ เป็นไปด้วยความสงบทุกๆ ฝ่าย
เมื่อถามว่า ล่าสุดโฆษกกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา ออกมาคัดค้านไม่เห็นด้วยต่อการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญไทย นายกฯ กล่าวว่า ตนคิดว่าเราเป็นประเทศที่มีเอกราช เรื่องการออกมาคัดค้านอะไร มันไม่มีความหมายอะไรหรอก เพราะเราเป็นประเทศที่มีเอกราช เรามีวิถีการที่จะพัฒนาเรื่องของการเมือง เรื่องของระบอบประชาธิปไตย ของเราให้เป็นไปตามขั้นตอน ที่มันถูกต้อง สิ่งที่เราไม่เห็นด้วยก็แก้กฎหมายกันไป ตามวิถีของรัฐสภาอยู่แล้ว
...
"ผมมั่นใจว่าคนไทยทุกคนเข้าใจตรงนี้ เราคงไม่มีใครยอมให้ประเทศอื่นมาก้าวก่าย เรื่องอธิปไตยของเราหรอก ทั้งนี้อย่าใช้คำว่าก้าวก่ายดีกว่า ผมว่าเขาอาจจะมาเสนอแนะ เราอยู่ด้วยกันในโลกที่มีความเปราะบาง ฉะนั้นเราก็ต้องบริหารกันไป" นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่า กระทรวงการต่างประเทศ จำเป็นจะต้องชี้แจงให้เขาเข้าใจในบริบทของประเทศไทย หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เดี๋ยววันนี้ในช่วงบ่ายกระทรวงการต่างประเทศก็จะมีการแถลงข่าว ซึ่งตนได้ดูแล้วก็เป็นถ้อยคำที่โอเค ไม่ก่อให้เกิดการระหองระแหง ขอใช้คำนี้ดีกว่า เขาก็เป็นประเทศที่ใหญ่ ก็มีความเป็นห่วง และเป็นความปรารถนาดี ส่วนเราก็มีวิธีการเดินของเรา
เมื่อถามต่อว่า ภาคเอกชนแสดงความเป็นห่วงการเมืองช่วงเดือน ส.ค. นายกฯ กล่าวว่า แน่นอน แต่ก็จบไปแล้วอันหนึ่ง แต่ก็ยังมีความไม่แน่นอน ยังมีความเป็นห่วงเป็นใยอยู่ของตนเอง วันที่ 14 ส.ค. อย่างที่ตนเรียนไปแล้วว่า ได้ส่งเรื่องไปที่ศาลเรียบร้อย ก็ไม่อยากจะมาพูดอะไร ด้วยความเคารพเชื่อว่า ทางศาลรัฐธรรมนูญก็เตรียมการพิจารณาอยู่ วันที่ 14 ส.ค.ก็คงจะทราบเรื่อง ส่วนวันนี้ตนก็ยังทำงานอยู่ตามปกติ และในวันที่ 14 ส.ค.ยังทำงานปกติ
เมื่อถามว่า ยิ่งใกล้วันที่ 14 ส.ค.ไม่ได้ทำให้การทำงานต้องลังเลใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวยอมรับว่า ตนกังกล แต่ก็ไม่ได้ลดหรือเลื่อนตารางการทำงาน ยังคงทำงานอยู่ตลอด
เมื่อถามอีกว่า ภาคเอกชน ไม่ได้เป็นห่วงคดีพรรค ก.ก. เท่ากับคดีของนายกฯ เพราะเป็นห่วงเรื่องความเชื่อมั่นที่จะมีผลต่อภาคเอกชน นายกฯ กล่าวว่า อันนี้ไม่ทราบ ไม่อยากจะไปพูดอะไรที่เป็นการชี้นำ ให้คณะทำงานต้องเป็นห่วง แต่ละองค์กร แต่ละคนมีหน้าที่ ตนขอให้ทุกคนทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในช่วงเวลาที่ยังต้องทำอยู่
เมื่อถามว่า หากดูจากตารางงานนายกฯ ยาวเลยวันที่ 14 ส.ค. นายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้เป็นการอะไรทั้งสิ้น การทำงานต้องมีการแพลนล่วงหน้า ไม่ได้เป็นการชี้นำหรือคาดหวังอะไร ตรงนี้ต้องขอให้เข้าใจด้วย
เมื่อถามต่อว่า จะฝากอะไรไปถึงประชาชนให้มั่นใจในกระบวนการยุติธรรมของไทย นายกฯ กล่าวว่า ตนคิดว่าทุกท่านมีการสื่อสารกันดีอยู่แล้ว และรู้หน้าที่ของตนเองอยู่แล้ว การตัดสินของศาลเราเคารพการตัดสินใจของศาลอยู่ ซึ่งตนพูดมาโดยตลอดตรงนี้
เมื่อถามว่า ตำแหน่งรองประธานสภาที่ว่างลง จะให้พรรคภูมิใจไทย (ภท.) หรือไม่ ได้คุยกับพรรคเพื่อไทย (พท.) หรือยัง นายกฯ กล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องตรงนี้ เป็นเรื่องของพรรคร่วมรัฐบาลที่ต้องไปคุยกัน