“นายกฯ เศรษฐา” เผย น้อมรับคำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญ คดีแต่งตั้ง “พิชิต” มั่นใจทำทุกอย่างด้วยความซื่อสัตย์สุจริต บอก แล้วแต่จะคิดหลังมีข่าวนายกฯ สำรอง เมินถูกลูกพรรคพลังประชารัฐแซะ ขอฟังแต่เรื่องมีสาระ ลั่นไม่จำเป็นต้องเคลียร์กับ “ธรรมนัส” รู้ใจกันดีอยู่แล้ว

เมื่อเวลา 09.20 น. วันที่ 1 สิงหาคม 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงคดีที่ 40 อดีตสมาชิกวุฒิสภา ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ จากการแต่งตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า ในส่วนของคดีนี้ได้เซ็นลงนามและส่งคำแถลงปิดคดีไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2567 แล้วว่าเป็นการปิดสำนวนเรียบร้อย 

ผู้สื่อข่าวถามต่อ วันนี้ยังมีความมั่นใจอยู่ใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ในกระบวนการยุติธรรมแล้ว ตนไม่อยากไปก้าวล่วงที่จะบอกว่ามั่นใจหรือไม่มั่นใจ แต่ส่วนตัวมั่นใจว่าทำทุกอย่างด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและบริสุทธิ์ ส่วนประเด็นกระแสข่าวเรื่องการเตรียมหานายกรัฐมนตรีสำรอง นายเศรษฐา ยิ้มพร้อมกล่าวว่า “แล้วแต่จะคิดกันไป แต่วันนี้ผมทำงานเต็มที่ และยังเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ ส่วนวันที่ 14 สิงหาคม ศาลตัดสินออกมาอย่างไรก็น้อมรับ ผมเชื่อว่ากระบวนการการเมืองก็มีขั้นตอน ก็ให้เดินหน้าตามเรื่อง แต่วันนี้ตราบใดที่ยังเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ก็ยังทำงานเต็มที่”

ขณะที่คำถามว่า พรรคร่วมรัฐบาลยังให้กำลังใจในการทำงานอย่างเต็มที่ใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ตอบว่า ก็คุยกันดี แต่ว่าไม่ได้เจอ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อยู่หลายวันแล้ว งานก็ไม่ได้เจอกันเลย ต้องเข้าใจว่าท่านป่วย ก็ขอให้ท่านหายดี แต่เมื่อคืนวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้เจอกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ก็มีการพูดคุยกันดี

...

เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่จะปรับพรรคพลังประชารัฐออกจากพรรคร่วมรัฐบาล นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ตนยังไม่เคยคุยเรื่องนี้ วันนี้เรามาโฟกัสที่ปัญหาบ้านเมืองดีกว่า อย่างวันนี้ก็จะเดินทางไปดูปัญหาน้ำท่วม ทางด้านคำถามถึงกรณีที่มีสมาชิกพรรคพลังประชารัฐออกมาแซะนายกรัฐมนตรี หวั่นไหวต่อการทำงานหรือไม่ นายเศรษฐา ตอบว่า “ไม่เลยครับ เป็นเรื่องภายในของพรรคพลังประชารัฐเขา ผมไม่เคยรู้จักท่านมาก่อน และอย่างที่บอกว่าคำว่าแซะมันก็มีนัยเยอะแยะไปหมด ส่วนตัวผมโฟกัสที่เนื้อหาสาระมากกว่า แต่ถ้าท่านเข้ามาแนะนำในเรื่องที่ดี ไม่ว่าจะเป็นพรรคเดียวกันหรือพรรคฝ่ายค้านผมยินดี และผมยินดีรับฟังและรับไปแก้ไขปฏิบัติ แต่ถ้าเป็นอะไรอย่างที่สื่อบอกว่าเป็นการแซะ หรือเป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุและผล ผมก็เข้าหูซ้ายทะลุหูขวาครับ”

ส่วนคำถามว่า ร.อ.ธรรมนัส ได้มาเคลียร์กับนายกรัฐมนตรีในประเด็นดังกล่าวหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวตอบว่า ไม่ เพราะ ร.อ.ธรรมนัส รู้จักตนดีอยู่แล้วว่าตนเป็นคนอย่างไร ตนว่าเราไม่มาเสียเวลาคุยเรื่องพวกนี้ มาคุยเรื่องปลาหมอคางดำ เรื่องน้ำท่วม เรื่องกรมชลประทาน ที่จะต้องเข้าไปดูแลดีกว่า ส่วนตัวคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมากกว่า และเชื่อว่า ร.อ.ธรรมนัส รู้ใจตนดี และตนก็รู้ใจท่านดีว่าเรื่องอะไรสำคัญ เรามายืนตรงนี้เพื่ออะไร เรามายืนเพื่อประชาชน แต่ก็อย่างที่บอกว่าเผื่อมีการแนะนำที่เป็นประโยชน์ พร้อมรับฟัง และเมื่อรับฟังแล้วเป็นเรื่องที่ดี ก็จะไปติดต่อพูดคุยกับตัวแทนพรรคต่อไป.