“พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ยังมั่นใจในข้อกฎหมายสู้คดียุบพรรคก้าวไกล ซัด “กกต.” หากให้โอกาสชี้แจง คดีจะไม่ถึงศาล มองศาลรัฐธรรมนูญมีหน้าที่ปกป้องประชาธิปไตย ไม่ใช่ทำลาย

วันที่ 26 กรกฎาคม 2567 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ นัดฟังคำวินิจฉัย คดียุบพรรคก้าวไกลในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ ว่า ยังมั่นใจในข้อเท็จจริง และความสม่ำเสมอของระบบยุติธรรม โดยสิ่งที่พรรคก้าวไกลต่อสู้คือ ข้อกฎหมาย ซึ่งพรรคก้าวไกลชี้ให้เห็นว่า กรณีของพรรคก้าวไกลต่างจากการยุบพรรคในอดีต เพราะมีระเบียบของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อปี 2566 และกกต.ต้องดำเนินการตามระเบียบ แต่กกต. ไม่ได้ดำเนินการเช่นนั้น จึงทำให้พรรคก้าวไกลเสียโอกาสในการชี้แจง ตั้งแต่ต้นทางของระบบยุติธรรม 

นายพิธา เชื่อว่า ถ้าหาก กกต.ทำตามระเบียบ มีโอกาสให้รับทราบข้อเท็จจริง และต่อสู้ ตั้งแต่ชั้นของ กกต. อาจจะไม่มีคดีนี้เกิดขึ้น และวันนี้ตัวเองเสียโอกาสนี้ไปแล้ว และเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นปลายทางของกระบวนการยุติธรรม แล้ว กกต.จะรับผิดชอบอย่างไร

ส่วนคดีที่ 40 สว. ยื่นถอดถอนนายกรัฐมนตรี ที่จะมีการชี้ชะตาในเดือนสิงหาคม มองสถานการณ์การเมืองอย่างไร นายพิธา ระบุว่า หากมองในมุมระบบประชาธิปไตยที่แท้จริง สิ่งที่ทำลายสมาธิ ทั้งพรรคก้าวไกล และนายกรัฐมนตรีเอง ไม่ควรที่จะเกิดขึ้น ซึ่งตอนนี้ใช้เวลาไปกับการเสียสมาธิ กับการแย่งชิงอำนาจและการเข้าสู่อำนาจ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ปัญหาของประชาชน หมักหมม คาราคาซังมานาน

นายพิธา กล่าวต่อว่า หากพรรคการเมืองจะเกิดการยุบสลายไป ก็ต้องเกิดเพราะไม่มีคนเลือก ประชาชนสร้างขึ้นมา ก็ต้องเป็นผู้พิพากษาพรรคการเมือง เช่นเดียวกับนายกรัฐมนตรีที่มาจากนโยบาย ก็ต้องรับผิดชอบด้วยมาตรฐานทางการเมือง หากรู้ว่าผิดก็ควรจะลาออกแล้วเปิดทางให้คนอื่น แต่ไม่ควรที่จะให้องค์กรอิสระที่มีหน้าที่ปกป้องประชาธิปไตย ไม่ใช่มีหน้าที่ทำลายประชาธิปไตย ควรจะให้เป็นไปตามระบบครรลองคลองธรรมของประชาธิปไตยที่ถูกต้อง พร้อมย้ำชัดว่า ไม่เห็นด้วยที่นายกรัฐมนตรีจะต้องหลุด เพราะกระบวนการที่เกิดขึ้น

...

ทั้งนี้ที่ในระหว่างที่ลงพื้นที่รับฟังปัญหาของชาวบ้าน แล้วพูดว่า เสียดายที่ไม่ได้เข้าทำเนียบรัฐบาลระหว่างรับฟังปัญหาของชาวบ้าน นายพิธา ตอบว่า เพราะกระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง และกระทรวงความมั่นคง เป็นกระทรวงที่พรรคก้าวไกลอยากจะเข้าไปบริหารเมื่อครั้งมีการจัดตั้งรัฐบาล เพื่อผลักดันแก้ปัญหาในหลายเรื่อง