“ชัยธวัช ตุลาธน” ลั่น ก้าวไกลเข้มแข็งพร้อมฟังคำวินิจฉัยคดียุบพรรค เชื่อมีโอกาสชนะสูง พร้อมเปิดพรรครับกองเชียร์ลุ้นผล 7 ส.ค. นี้ เตรียมสถานที่ไว้รองรับแล้ว แย้มอาจมีปราศรัย ยอมรับ “น้องชาย สส.กุ้ง ทัศนีย์” ร่วมทีมเลือกนายก อบจ.เชียงใหม่ด้วย ย้ำไม่ตัดสินใครที่นามสกุล เน้นวิธีทำงานตรงกัน


วันที่ 20 ก.ค. 2567 นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกลในวันที่ 7 ส.ค. นี้ว่า ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร จะไม่กระทบกับทุกทางและเป้าหมาย ความมุ่งมั่นและความเข้มแข็งในการทำงานของพวกเรา จนถึงวันนี้เรามั่นใจว่าเราแข็งแรงขึ้นเยอะ มีความพร้อมในการทำงานมากขึ้นตามลำดับ เดินหน้าสู่การเตรียมพร้อมเป็นรัฐบาลที่ดีที่สุดให้ได้ในการเลือกตั้งครั้งหน้า เป็นสิ่งที่เราพยายามสื่อสารไปยังพี่น้องประชาชน 

ถ้าผลออกมาแย่ เรายังมีเวลาพูดคุยกันในพรรค ซึ่งได้ชี้แจงกับ สส.ไว้แล้ว หากผลออกมาไม่ดีเราจะมีกระบวนการหลังจากนั้น จึงยังไม่จำเป็นที่จะต้องพูดคุยกันวันนี้ เชื่อมั่นว่าเรามีโอกาสชนะสูง ทั้งข้อต่อสู้ทางด้านกฎหมายที่มีน้ำหนัก แต่เรื่องข้อเท็จจริงศาลไม่มีการไต่สวนแล้ว ยิ่งทำคำแถลงปิดคดี พรรคยิ่งมีความมั่นใจมากขึ้น เพราะยิ่งทำ ยิ่งเห็นพยานหลักฐานของฝ่ายผู้ร้องยิ่งชัดเจนขึ้น 

โดยในวันที่ 7 ส.ค. ที่ศาลจะมีคำวินิจฉัยในเวลา 15.00 น. เนื่องจากเป็นวันพุธ สส.พรรคก้าวไกลจะติดตามฟังการแถลงสดที่สภาผู้แทนราษฎร หลังจากเสร็จงานที่สภาฯ แล้วจะไปรวมกัน ณ ที่ทำการพรรค พี่น้องประชาชนที่อยากให้กำลังใจไปยังที่ทำการพรรคน่าจะสะดวกกว่า เราจะเตรียมสถานที่บริเวณลานจอดรถตรงข้ามพรรคไว้รองรับ ซึ่งจะมีที่กันฝนและจอมอนิเตอร์ให้รับฟังร่วมกัน และอาจมีการพูดจาปราศรัยกัน สำหรับใครที่จะไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้ไปที่พรรคดีกว่า เพราะที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้มงวด อาจจะไม่มีที่ให้นั่งฟังคำวินิจฉัย

...

นายชัยธวัช ยังกล่าวถึงการเลือกตั้งท้องถิ่นที่จังหวัดเชียงใหม่ ที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ประกาศว่าอยากได้พื้นที่นี้กลับคืนมาทำให้มีความกังวลหรือไม่ ว่า ไม่มีความกังวล ตนคิดว่าทุกพื้นที่ในประเทศนี้ไม่ใช่ของใครเป็นการส่วนตัว ฉะนั้นอนาคตจะเป็นอย่างไรไม่ใช่บอกว่าใครจะเอาคืน แต่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจว่าเจ้าของตัวจริงคือพี่น้องประชาชนในแต่ละพื้นที่ ว่าอยากเห็นอนาคตแบบไหน

ในฐานะเป็นพรรคการเมืองที่ขับเคลื่อนเรื่องกระจายอำนาจ ให้ความสำคัญเรื่องบทบาทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พรรคก้าวไกลจึงเสนอตัวขึ้นมาว่าเราอยากทดลองทำงานให้พี่น้องประชาชนเห็น ไม่ใช่เฉพาะคนเชียงใหม่ แต่ให้คนทั้งประเทศได้เห็นว่าถ้าพรรคก้าวไกลมีโอกาสได้บริหาร โดยอาจจะเริ่มต้นจากจังหวัดหนึ่งจังหวัด หรือเทศบาลหนึ่งเทศบาล ว่าเรามีการทำงานที่แตกต่างจากพรรคการเมืองอื่นๆ อย่างไร

ส่วนที่ น.ส.ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ อดีต สส.พรรคเพื่อไทยมาเป็นแนวหนุนพรรคก้าวไกล ไม่ลงแข่งด้วยแล้ว จะทำให้เป็นการแข่งขันระหว่างพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า รับในพื้นที่เชียงใหม่คู่แข่งขันหลักและจะแข่งขันกันอย่างเข้มข้นก็คือพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล ส่วน น.ส.ทัศนีย์ ไม่ใช่แค่เป็นแนวร่วมหรือกองหนุนแต่มีสถานะเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกลที่ทำงานด้วยกัน ไม่ว่าจะในระดับท้องถิ่นและระดับชาติในอนาคต

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีรายงานว่าพรรคก้าวไกลได้น้องชายของ น.ส.ทัศนีย์ มาเป็น ผอ.การเลือกตั้งด้วย นายชัยธวัช กล่าวว่า ใช่ แต่ที่มาที่ไป ไม่ใช่เพราะ น.ส.ทัศนีย์ ส่งมา แต่นายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.เชียงใหม่ รู้จักเป็นการส่วนตัวกับอดีตนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ นายทัศนัย บูรณุปกรณ์ หรือนายกไก่ ซึ่งว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.ของเราไม่มีประสบการณ์การทำงานด้านการเมืองมาก่อน แต่ว่าเป็นคนที่ทำงานด้านนวัตกรรม มีแนวความคิด จึงต้องการกำลังเสริมเพื่อมาช่วยบริหารเตรียมการเลือกตั้งจึงไปชักชวนมาร่วม ด้วยความสัมพันธ์ส่วนบุคคล

เมื่อถามว่ามีแนวโน้มว่า นายก อบจ.เชียงใหม่ จะลาออกเพื่อชิงความได้เปรียบหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ประเมินยากแต่เราทำได้แค่เตรียมพร้อมให้ดีที่สุดตลอดเวลา ซึ่งในหลายพื้นที่เราได้เร่งดำเนินการเพราะมีความเป็นไปได้ที่จะมีนายกหรือผู้บริหารท้องถิ่นที่จะลาออกก่อนกำหนดเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ต้องการให้พรรคคู่แข่งมีความพร้อมในการแข่งขัน ดังนั้นทุกที่ที่เราวางเป้าหมายว่าเราจะส่งผู้สมัครหรือเป็นพื้นที่ที่เราคิดว่าเราควรจะส่งด้วยปัจจัยอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นความพร้อมของผู้สมัครและทีมงาน เราก็เร่งแล้วเพื่อให้พร้อมรับทุกสถานการณ์ ซึ่งในวันจันทร์นี้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ ก็จะไปเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.ที่ จ.ราชบุรี

ผู้สื่อข่าวถามว่า การดึงตระกูลบูรณุปกรณ์จะทำให้พรรคก้าวไกลสลัดบ้านใหญ่ไม่ออกหรือไม่ นายชัยธวัช คิดว่าประเด็นอยู่ที่แนวทางและวิธีการทำงานที่แตกต่างกันไปมากกว่า ตนเคยพูดในหลายพื้นที่ว่าพรรคก้าวไกลหรือพรรคอนาคตใหม่เราไม่ได้ปฏิเสธหรือตัดสินคนที่นามสกุล หรือเป็นตระกูลการเมือง เราไม่ตัดสินคนไปเลยตั้งแต่ต้น แต่เราร่วมทำงานได้ถ้าหากว่าเห็นด้วยกับแนวทางใหม่ๆ ของพรรคก้าวไกลเป็นเรื่องสำคัญมากกว่า รวมถึงวิธีการทำงานที่ไม่ได้แตกต่างจากอดีต