“ชัยธวัช” หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลง คดียุบพรรคก้าวไกล ยัน คำร้อง กกต.ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ยังหวังศาลรัฐธรรมนูญ เปิดการไต่สวนก่อนตัดสินคดี บอก เปิดแถลงข่าววันนี้ เพียงต้องการแถลงคืบหน้าคดี
วันที่ 16 ก.ค. 2567 นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงถึงการต่อสู้คดียุบพรรคก้าวไกล ที่ หลังตรวจพยานหลักฐานแล้ว ว่า วันนี้พรรคก้าวไกลได้ส่งทีมกฎหมายไปส่งเอกสารคำร้องสองฉบับต่อศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งแบ่งเป็นสองส่วนสำคัญ
1. โต้แย้งผู้ร้อง คือ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ยื่นเข้ามาในสำนวน หรือเรียกว่า “หมาย ร.” เนื่องจากเมื่อตรวจเอกสาร กกต.ที่เข้าสู่สำนวน พบว่า ตามเอกสารหลักฐานของ กกต.เอง ยิ่งชี้ชัดให้เห็นว่า กระบวนการยื่นคำร้องให้ศาลยุบพรรคก้าวไกลในคดีนี้ มิชอบด้วยกฎหมาย
2. โต้แย้งหรือโต้เถียง เอกสารศาลรัฐธรรมนูญที่นำเข้ามาสู่สำนวน คือคำวินิจฉัยที่ให้พรรคก้าวไกล และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล เลิกการกระทำตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 หรือ “หมาย ศ.” คือข้อเท็จจริงที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยใช้ก่อนหน้านี้ที่เคยวินิจฉัยไปแล้ว ในคดีก่อนหน้านี้ ปรากฏว่าศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ได้มีการไต่สวนในข้อเท็จจริงที่อ้างถึงพยานหลักฐานและเอกสารดังกล่าวเลย ทำให้พรรคก้าวไกลเราไม่มีโอกาสที่จะต่อสู้ในแง่ข้อเท็จจริงที่ถูกระบุในคดี เพราะไม่มีการไต่สวน จึงขอให้การมีการไต่สวนพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องกับข้อเท็จจริงที่มีการถูกกล่าวอ้างในเอกสารด้วย
...
เมื่อถามว่า เกิดกรณีดังกล่าวขึ้นจะฟ้องกลับ กกต.ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ยังไม่ใช่ประเด็นในตอนนี้ ตอนนี้คือเราต้องโต้แย้ง ต้องค้าน เฉพาะกรณี กกต.ที่พูดถึง เพื่อให้ศาลเปิดไต่สวนเรื่องนี้ รวมถึงเรื่องตามเอกสารของฝ่ายความมั่นคงด้วย ต้องไต่สวนข้อเท็จจริงใหม่ ไต่สวนพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องใหม่ด้วย รวมถึงเอกสารที่อ้างอิงถึงแต่ กกต.
เมื่อถามว่า ถ้าศาลรัฐธรรมนูญไม่เปิดไต่สวน จะดำเนินการอย่างไรต่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ตามกฎหมายศาลรัฐธรรมนูญ มีดุลพินิจที่จะเปิดไต่สวนหรือไม่ก็ได้ ที่จะไต่สวนอย่างไรก็ได้ เรียกพยานคนไหนก็ได้ เป็นอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญโดยเบ็ดเสร็จ เพียงแต่เราหวังว่า เพื่อให้การพิจารณาคดีในครั้งนี้ มีโทษรุนแรงถึงประหารชีวิตพรรคการเมือง ควรมีการไต่สวนข้อเท็จจริง รวมถึงโต้เถียง โต้แย้งกันในข้อกฎหมายกันอย่างเต็มที่รอบด้านสมบูรณ์อย่างถึงที่สุด เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย และให้ได้สัดส่วนกับข้อกล่าวหาที่มีโทษถึงขั้นยุบพรรคการเมือง และตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค เป็นคนละมาตรฐานกับคดีก่อนหน้านี้ เพราะคดีก่อนหน้านี้ เพียงแค่สั่งให้เลิกการกระทำแค่นั้น ทำได้แค่หวังว่า ถ้าศาลรัฐธรรมนูญไม่ดำเนินการไต่สวน เราก็ทำอะไรไม่ได้ โดยไม่ทราบว่าหลังจากวันนี้ ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาคำโต้แย้งของเราอย่างไร เพราะเดี๋ยวศาลรัฐธรรมนูญจะประชุมอีกครั้ง
เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่า ศาลจะเปิดไต่สวน นายชัยธวัช กล่าวว่า คิดว่าโดยข้อเท็จจริง ด้วยเหตุผลที่เราอธิบายไปโดยละเอียด มีรายละเอียดมากกว่าที่เราแถลงไป หวังว่าจะมีน้ำหนักพอ และเป็นประเด็นสำคัญแห่งคดีมากพอ
เมื่อถามถึงกรณีก่อนหน้านี้ที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งห้ามวิจารณ์ การออกมาแถลงวันนี้กังวลหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า วันนี้ไม่ได้วิจารณ์ศาลรัฐธรรมนูญใดๆ ทั้งสิ้น แค่แถลงความคืบหน้าว่าเราพบอะไร และทำไมวันนี้ถึงไปยื่นคำร้องโต้แย้ง หรือโต้เถียงพยานหลักฐานแค่นั้นเอง ก็คิดว่าคงไม่ได้ไปกระทำการในสิ่งที่ศาลรัฐธรรมนูญเตือนไว้
กรณีมีการถกเถียงเรื่องพรรคก้าวไกล พยายามชี้แจงเรื่องกระบวนการ แต่คีย์เวิร์ดไม่ได้ล้มล้าง พรรคก้าวไกลชี้แจงอย่างไร นายชัยธวัช กล่าวว่า จริงๆ ชี้แจงไปเยอะมาก ส่วนหนึ่งอยู่ในคำแถลงครั้งแรกของนายพิธาด้วย แต่เนื่องจากมีหลายประเด็น แต่คำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของพรรคได้เผยแพร่ต่อสาธารณะไปแล้ว ที่สำคัญคือ เราหวังว่าเมื่อข้อกล่าวหานี้ร้ายแรง โทษร้ายแรงถึงขั้นยุบพรรค หวังว่าศาลรัฐธรรมนูญจะเปิดให้ไต่สวน ทั้งผู้ร้อง ผู้ถูกร้องได้มีโอกาสชี้แจง โต้แย้ง เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญเห็นข้อเท็จจริงรอบด้าน เห็นข้อกฎหมายครบถ้วน สอดคล้องกับข้อเท็จจริงก่อนวินิจฉัยแค่นั้นเอง อย่างที่นายพิธา ย้ำว่า ถ้าเทียบเป็นโทษอาญาคือประหารชีวิต ดังนั้นควรวินิจฉัย พิจารณาอย่างถึงที่สุด พิสูจน์อย่างสิ้นสงสัยจริงๆ