วงเสวนา “ส่อง สว.ใหม่ ความหวังหรือวิกฤติครั้งใหม่” หนุน กกต. ประกาศรับรองผลก่อนแล้วสอยทีหลัง หวั่นยืดอายุ สว.ปัจจุบัน ชี้ 8 ก.ค. ไม่ควรนัดประชุมวุฒิสภา ด้าน “นันทนา”  ชี้ สว.สีน้ำเงินเพียบ- “สมชัย” แฉขั้นตอนระดับประเทศ มือมืดต่อสายล็อกโหวตแลกจ่าย 2 แสน

วันที่ 6 ก.ค. 2567 ที่อาคารบางซื่อจังชั่น (ตึกแดง) ถนนกำแพงเพชร 2 สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย จัดราชดำเนินเสวนา ครั้งที่ 2/2567 หัวข้อ “ส่อง สว.ใหม่ ความหวังหรือวิกฤติครั้งใหม่” โดยมีวิทยากรผู้บรรยาย ประกอบด้วย นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รศ.ดร.นันทนา นันทวโรภาส ว่าที่สมาชิกวุฒิสภา และนายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล ว่าที่สมาชิกวุฒิสภา

ผศ.ดร.ปริญญา กล่าวว่า วันนี้ กกต.ยังไม่มีการประกาศ สว.ชุดใหม่ออกมา ถึงแม้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 (พ.ร.ป.สว.) ไม่ได้เขียนกรอบเวลาไว้ และยิ่ง กกต.ยังไม่มีการสื่อสารกับประชาชน ก็อยู่ในท่ามกลางความคลุมเครือที่หลายคนมองมา โดยสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นผลจากระบบการเลือกที่ซับซ้อนที่สุดในโลก ซึ่งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญไม่ต้องการให้เลือกตั้งโดยตรง เพราะกลัวฝ่ายการเมืองจะไปมีบทบาทในสภาสูง แต่หากเป็น สว.แต่งตั้งก็จะกลายเป็นรัฐบาลควบคุม สว.อีก จึงมีแนวทางเลือกกันเองที่เชื่อว่าจะได้ สว.ที่มาจากตัวแทนทุกกลุ่มอาชีพ และสุดท้ายใครจัดตั้งจะได้เปรียบ ซึ่งเรื่องนี้มีแน่นอน เพราะบางจังหวัดมี สว.มากเกินไป หรือมีจำนวน 13 จังหวัดที่ไม่มี สว.แม้แต่คนเดียว ส่วน จ.บุรีรัมย์มี สว.มากที่สุด 14 คน

“การไม่ประกาศผล สว.ชุดใหม่ คือการที่ สว.ชุดปัจจุบันยังมีอำนาจต่อไป และถามว่าทำไมมีเครือข่ายบ้านใหญ่มาลงกัน เพราะ สว.สามารถเลือกองค์กรอิสระ หรือไปถึงการแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งคล้ายกับปี 2540 ที่ฝ่ายการเมืองส่งคนเข้ามาเป็น สว. ดังนั้น กกต.ควรประกาศ สว.ไม่ควรนานกว่า สส. คือ 60 วัน แต่ถ้ามีหลักฐานชัดแจ้ง แต่ถ้า กกต.อยากขอเวลาเพิ่มก็เชื่อว่า ประชาชนก็ให้ได้ แต่ไม่ควรแขวนไปเรื่อยๆ” ผศ.ดร.ปริญญา กล่าว

...

ด้าน รศ.ดร.นันทนา กล่าวว่า อาชีพแรกของตนเป็นผู้สื่อข่าวในนิตยสารอาทิตย์สยามใหม่ และสื่อก็เป็นอาชีพเงินน้อยและงานหนัก ทำให้บทบาทของ สว.ของตนจะไปผลักดันในเรื่องนี้ นอกจากนี้เห็นด้วยที่ กกต.จะประกาศไปก่อนและสอยภายหลัง แต่หากรับรองช้าอาจจะไปร้อง กกต.บ้างได้หรือไม่ ขณะเดียวกันตามที่ สว.ชุดปัจจุบันที่มาเปิดประชุมเพื่อตรวจสอบการได้มาของสว.ชุดใหม่ จะถือว่าใช่หน้าที่หรือไม่ ดังนั้น ถ้า สว.ชุดใหม่เข้าไปจะเปิดสภา เพื่อตรวจสอบการได้มาของ สว.ชุดเก่าได้หรือไม่ ดังนั้นโดยมารยาทแล้ว สว.ชุดเก่าควรยุติบทบาทและไม่ดิ้นรนต่อไป

สำหรับกติกาคัดเลือก สว. ครั้งนี้ ตนก็ไม่เห็นด้วย การเลือกกันเองในครั้งนี้อาจได้คนไม่มีคุณภาพ ตนเห็นว่าอยากให้ประชาชนตัดสินใจเลือก สว.กันเองดีกว่าหรือไม่ ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า สว.สายสีน้ำเงิน เข้ามามากที่สุดนั้น ถือเป็นเรื่องเจ็บจี๊ดและมีจริง

“ดิฉันเปิดโอกาส สว.ยุคใหม่ต้องสื่อสารกับประชาชน และเรียกร้องให้ถ่ายทอดสดการประชุม สว.และการประชุมกรรมาธิการทุกนัด เพราะหาก สว.รู้อะไร ประชาชนต้องรู้เหมือนกัน รวมถึงการเลือกองค์กรอิสระต้องแสดงวิสัยทัศน์ และถ่ายทอดสดให้ประชาชนได้ดู เพื่อความโปร่งใส เพื่อให้ประชาชนสนใจการประชุมของ สว.มากขึ้น เป็นความหวัง” รศ.ดร.นันทนา กล่าว

ขณะที่ นายสมชัย กล่าวว่า วันนี้มาพูดในฐานะอดีต กกต.และอดีตผู้สมัคร สว. ก็จะเห็นกระบวนการคัดเลือก สว.ครั้งนี้ ซึ่งเจตนารมณ์การออกแบบกติกาการคัดเลือกตั้งการ สว.เพื่อให้ได้กลุ่มอาชีพที่หลากหลาย แต่ภายใต้การออกแบบทั้งหมดตั้งแต่รัฐธรรมนูญ พ.ร.ป.สว. จนถึงระเบียบ กกต.ก็ถือว่าเราได้ในระดับหนึ่ง นอกจากนี้ เกินกว่าครึ่งว่าที่ สว.ดูเหมือนว่า ถูกแทรกแซงจากกลุ่มการเมือง ทำให้ความเป็นกลางจะไม่เกิดขึ้นตามสิ่งที่ตั้งไว้

นายสมชัย กล่าวว่า แต่ในขั้นตอนระดับประเทศมีผู้สมัครที่เป็นอิสระได้รับการติดต่อจากโทรศัพท์จากคนกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งเพื่อจะเสนอตัวเลขให้มาอยู่กลุ่มเดียวกัน มีค่าโรงแรม ค่าเครื่องบินออกให้ ให้เงิน 1-2 แสนบาทถ้าไปถึงรอบสุดสายเพื่อเลือกคนตามบัญชีในโพยที่ให้ไว้ โดยพบว่าจะมีโพยสำเร็จรูปไม่ว่าอยู่ในกลุ่มไหนใน 20 กลุ่มก็จะกำหนดว่าต้องเลือกใคร โดยโพยเหล่านี้ไม่มีการพิมพ์ แต่ให้จดด้วยลายมือ โดยลำดับที่ 1-7 จะมีคะแนนเกาะเป็นกลุ่ม เพราะบัตรที่ใช้เลือกรอบบ่ายจะมีเพียง 5 เบอร์เท่านั้น ก็เป็นกระบวนการที่เป็นปัญหาเกิดขึ้นจึงเห็นว่าคนกลุ่มนี้มีคะแนนสูงที่มาจากโพย ที่ผ่านมา กกต.บอกว่า รู้ทั้งหมดว่ามีการประชุมที่ไหน และมีสายลับทั้งหมด ทำให้ราคาคุยของ กกต.มีไม่น้อย แต่ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นอาจทำให้สังคมรู้สึกว่าจะมี กกต.ไปทำไม และคงต้องมีราคาที่ต้องจ่ายกลับไม่น้อย แต่เชื่อว่า กกต.จะประกาศรับรองแน่นอน และประกาศจนครบ แล้วไปดูหลักฐานเพื่อสอยภายหลัง

ด้าน นายไชยยงค์ กล่าวว่า แม้ตนจะมาเป็นที่หนึ่งในการเลือกรอบแรกของสายสื่อมวลชนในระดับประเทศ แต่ที่ผ่านมาตนถูกสกัดมาตั้งแต่ระดับจังหวัด ก็สามารถผ่านมาในรอบแรกได้ จนมาถึงรอบไขว้ก็ยังสามารถผ่านมาได้จนถึงระดับประเทศอันดับสอง แต่ไม่มีใครโทรศัพท์มาหา เพราะคงไม่มีใครอยากจะคุยด้วยเนื่องจากเป็นสื่อมวลชน และทราบว่ากลุ่มนักกฎหมายก็ไม่มีใครโทรศัพท์มาหาเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ต่อให้ผู้สมัครโปรไฟล์ดีแต่ไม่มีการคุยกันก็ไม่มีคนเลือก ซึ่งเป็นไปตามลักษณะสังคมไทย จึงต้องมีการพูดคุยปฏิสัมพันธ์กับคนกลุ่มอื่นๆ เพื่อหวังว่าคนเหล่านี้ถ้ามาถึงรอบสุดท้ายจะมีการแลกคะแนนกัน

นายไชยยงค์ กล่าวต่อว่า จากนี้ต้องรอว่า กกต.จะประกาศรับรองเมื่อไหร่ แต่ สว.ชุดใหม่ใน 200 รายชื่อมองว่าจะมีคนไม่ตรงปกประมาณ 20 คน อย่างไรก็ตามเชื่อว่าการมีคนทุกสาขาอาชีพจะมาสะท้อนปัญหาต่างๆ ของสังคมได้ดีกว่า ในฐานะมีประสบการณ์ที่สะท้อนจากอาชีพ ดังนั้น สว.ชุดใหม่ก็ถือว่าเป็นความหวังของประเทศ

สำหรับการจัดกิจกรรมราชดำเนินเสวนานั้น เป็นเวทีสร้างความรู้ ความเข้าใจ ระหว่างนักข่าวกับแหล่งข่าวในประเด็นต่างๆ ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม โดยเชิญสื่อมวลชนทุกแขนงเข้าร่วมฟัง มีเป้าหมายในการพัฒนา และส่งเสริมคุณภาพการทำงานข่าวในปัจจุบัน บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง