ก็ต้องเป็นหน้าที่ของ กกต.ที่จะต้องเก็บกวาดบ้านหลังจากละเลงกันเอาไว้เลอะเทอะไม่น้อยโดยบรรดานักการเมืองที่ผิดหวังเนื่องจากไม่ได้ดั่งใจต้องการ

ดีนะที่หลายพรรคไม่ได้ลงไปคลุกฝุ่นปล่อยให้ว่ากันไปตามเกม เพราะเห็นเป็นเรื่องของสภาสูง สภาล่างไม่ควรเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย

แต่อีกหลายพรรคกระโดดเข้าไปร่วมวงศ์ไพบูลย์เต็มตัวแล้วไม่ได้อย่างที่ต้องการเลยเกิดปัญหาโวยวายจนวุ่นวายอย่างที่เป็นกันอยู่

นอกจากนั้นบรรดาผู้ที่ผิดหวังไม่ได้รับการเลือกตั้งก็ผสมโรงเข้าไปด้วยเลยไปกันใหญ่ก็เป็นอย่างนี้แหละ...การเมือง

พรรคใหญ่บางพรรคคงรู้สึกเสียหน้าไม่น้อยที่ผู้สมัครระดับอดีตนายกรัฐมนตรีพลาดท่าเสียทีไปไม่ถึงฝั่งฝา

ก็โทษการรัฐประหารเป็นเหตุทำให้แพ้

ใช้วิธีนี้ง่ายที่สุดเพื่อกลบเกลื่อนเครดิตและชื่อเสียงของตัวเองเพราะแสดงให้เห็นว่าอำนาจบารมีของตัวเองนั้นเสื่อมลงไปแล้ว

แค่นี้ยังพลาด...

แล้วเลือกตั้งใหญ่ไม่ยิ่งไปกว่านี้หรือ?

ยิ่ง “นิด้าโพล” ได้สำรวจความเห็นของประชาชน ปรากฏว่า “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ลอยลำมาอันดับ 1 พร้อมกับ “ก้าวไกล”

“เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี มาอันดับ 2

“อุ๊งอิ๊งค์” ร่วงไปอันดับ 5 ยิ่งไปกันใหญ่

แสดงให้เห็นว่าความนิยมภายใต้สังกัด “ทักษิณ ชินวัตร” นับแต่เข้าบริหารประเทศและการเข้ามามีบทบาททางการเมืองเต็มตัวนั้น

ไม่มีอะไรที่บ่งบอกว่าดีขึ้นแม้แต่น้อย

มาว่ากันเรื่อง สว. 200 คนที่เลือกตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้วกำลังมีปัญหาทั้งด้านที่ถูกตั้งคำถามในลักษณะถูก “การเมือง” ครอบงำแล้วยังมีการร้องเรียนว่าการเลือกตั้งมีทุจริตผิดกฎหมายตั้งแต่คุณสมบัติของผู้สมัครจนถึงการทุจริต

...

อยู่ที่ กกต.จะต้องไปสอบสวนทวนความหาข้อเท็จจริงตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่อันเป็นเรื่องปกติ

อยู่ที่ กกต.จะตัดสินใจอย่างไรกับเรื่องนี้

คือ “ประกาศผลไปก่อนแล้วสอยทีหลัง” หรือสอบสวนให้เสร็จเสียก่อนแล้วค่อยประกาศ จากข้อร้องเรียนที่เกิดขึ้นนั้นฟังดูแล้วค่อนข้างจะมีจำนวนมากหลายเรื่องหลายประเด็นซึ่งต้องใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะเสร็จสิ้นได้

เพื่อให้ระบบเดินหน้าต่อไปโดยไม่หยุดชะงัก

ทางเดียวก็คือประกาศก่อนแล้วสอยทีหลังน่าจะเป็นหนทางที่เหมาะสมที่สุด

จากจำนวนรายชื่อว่าที่ 200 คน ที่ออกมานั้นค่อนข้างจะมีความหลากหลายเพราะมาจากหลายสาขาวิชาชีพ จึงยังมิอาจจะชี้ชัดว่าทำหน้าที่ได้ดีแค่ไหน

คงต้องรอดูการปฏิบัติหน้าที่เสียก่อนจึงจะเห็นว่าเป็นอย่างไร

เพราะคนที่จบแค่ ป.4 อาจจะมีสำนึกที่ดีพอในการทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองมากกว่าบรรดาด็อกเตอร์ทั้งหลายที่เกลื่อนเมืองในเวลานี้

หากไม่ดีพอก็สามารถแก้ไขกฎหมายเพื่อเปลี่ยนแปลงวิธีการได้

หรือถ้าเห็นว่าไม่จำเป็นต้องมีก็สามารถยกเลิกให้เหลือสภาเดียวก็ได้!

“สายล่อฟ้า”

คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม