"ประเสริฐ" แจง "แอปทางรัฐ" ไม่ร้าง เตรียมใช้บริการร่วมกับภาครัฐ หลังจบดิจิทัลวอลเล็ต ชี้ "งบเตือนภัย" ไม่ซ้ำซ้อน เหตุ แจ้งเตือนคนละเหตุการณ์ ด้าน "ปกรณ์วุฒิ" แนะ รวมเป็นโครงการเดียวได้

ต่อมาเวลา 18.15 น. วันที่ 21 มิ.ย. 2567 ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระพิจารณาพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ชี้แจงว่า งบประมาณของกรมอุตุนิยมวิทยามีผลการดำเนินการคือ อยู่ระหว่างการจัดซื้อจัดจ้าง 19 รายการ วงเงิน 1,892 ล้านบาท อยู่ระหว่างการทำทีโออาร์ 45 ล้านบาท ซึ่งทางกระทรวงได้กำชับการประกวดราคาให้เป็นไปตามระเบียบ ให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม และมาตรฐานเครื่องมือให้เป็นมาตรฐานของกรมอุตุนิยมวิทยาโลก

นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีการจัดตั้งศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางไซเบอร์หรือ AOC 1441 ซึ่งมีการแนะนำในเรื่องของ 191 เพราะมีงบประมาณหลายพันล้านบาท รวมถึงเกี่ยวกับคณะกรรมการกิจการการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ตนจะรับไปดูในรายละเอียดและปรึกษา หากเห็นแล้วว่ามีประโยชน์จะรับไปดำเนินการต่อไป

...

นายประเสริฐ กล่าวด้วยว่า เรื่องของกรมอุตุนิยมวิทยา โครงการดังกล่าว ไม่ใช่งบฝาก หรือแฝงไว้ กรมอุตุนิยมวิทยาวางยุทธศาสตร์ในการจัดการผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดผลกระทบจากภัยธรรมชาติในเรื่องการแปลงของสภาพภูมิอากาศ ดังนั้น การตรวจซื้อเครื่องมือ ก็เป็นเรื่องที่เป็นไปตามมาตรฐาน และงบประมาณที่ซ้ำซ้อนด้านการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพ ขอชี้แจงว่า โครงการดังกล่าวไม่ได้มีความซับซ้อน กับกระทรวงสาธารณสุข และกับกระทรวงอื่นๆ ก็ยังมีความสำคัญอย่างยิ่ง

นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า ส่วนการอภิปรายของ นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ที่มีข้อห่วงใยในแอปพลิเคชั่นทางรัฐ หรือเอไอ กระทรวงดีอีฯ มีการอนุมัติเรื่องการเช่าระบบคลาวด์ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการ ถือเป็นโครงการที่มีความจำเป็นและต้องเร่งดำเนินการมีแหล่งเงินรองรับ

นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า สำหรับศูนย์ AOC ขณะนี้ มีคู่สายเพียงพอแล้วต่อการบริการพี่น้องประชาชนและทำงานตลอด 7 วัน 24 ชั่วโมง และแอปทางรัฐ ภายหลังจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจบลง ก็จะมีการใช้อย่างต่อเนื่องในการใช้บริการทางรัฐ ส่วนระบบเตือนภัยฉุกเฉินที่ให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยก็มี และในกระทรวง ก็ยังตั้งงบอีก ซึ่งจะมีในส่วนรายละเอียดที่แตกต่างกันเพราะในปัจจุบันภัยที่เกิดขึ้นไม่ใช่เฉพาะแค่ภัยแล้งหรือภัยน้ำท่วมแต่ยังมีในส่วนของเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งส่วนนี้ก็จะเป็นส่วนที่ต่างกันและจะเฉพาะเจาะจงเข้าไปอีก

หลังจากนั้น นายปกรณ์วุฒิ ขอใช้สิทธิ์พาดพิง ว่า เรื่องระบบเตือนภัย เราน่าจะมีทางออกที่ทำให้ไม่ต้องสิ้นเปลืองงบประมาณของประเทศ คือสามารถแก้ไขปัญหาได้ การแก้กฎระเบียบ หรือกฎหมาย เพื่อให้โครงการที่เราจะเตือนภัย เป็นโครงการเดียว สามารถแจ้งได้ในทุกรูปแบบ โดยไม่ต้องสิ้นเปลืองงบประมาณ และไม่ซ้ำซ้อน ซึ่งหากทางรัฐมนตรีเห็นด้วย ก็สามารถแจ้งให้ทางให้หน่วยงาน แจ้งกับคณะกรรมธิการให้ปรับงบส่วนนี้ออก

ทำให้ นายประเสริฐ ลุกขึ้นชี้แจงอีกครั้งว่า จะรับข้อสังเกตของนายปกรณ์วุฒิไว้ และคงขึ้นอยู่กับคณะกรรมการอีกครั้ง