“ไอซ์” รักชนก สส.ก้าวไกล โวย ถูกเปลี่ยนสไลด์รูปนายกฯ สภาฯ ตัดทิ้งเอง ล้อเลียนไม่เหมาะสม ด้าน “จุลพันธ์” รู้ทัน ตั้งใจใช้แท็กติก แซะแสบ นำนักงบประมาณ ไม่เห็นหัว นายกฯ

เวลา 18.37 น. วันที่ 21 มิ.ย. 2567 ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระพิจารณาพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ที่ประชุม เกิดการปะทะคารมกัน เมื่อ น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรค ก.ก. ลุกขึ้นโวย ว่า สไลด์ประกอบอภิปรายหน้าแรก ของตนเอง ถูกตัดส่วนใบหน้านายกฯ ออกไป โดยเซนเซอร์ให้เป็นรูปหุ่นยนต์แทน ถามว่า สไลด์ตนเสียดสี หรือผิดข้อบังคับสภาฯ อย่างไร นโยบายหลักของรัฐบาลส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ ความคิดสร้างสรรค์ แค่นี้ยังรับกันไม่ได้รัฐบาลนี้จะส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ต่อไปได้อย่างไร และต้องขอบคุณตนที่เอารูปนายกฯ มาใส่ ตนยังให้ความสำคัญกับ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ เพราะทุกวันนี้ไม่รู้ว่าพรรค พท.กับข้าราชการต่างๆ จะยังให้ความสำคัญกับนายกฯ อยู่หรือเปล่า และเป็นการย้ำเตือนว่า นายเศรษฐา ยังเป็นนายกฯ ของประเทศนี้อยู่ ทุกวันนี้ประชาชนสับสน ว่า ประเทศนี้มีนายกฯ กี่คน และก็นายกฯ ชื่ออะไร

...

ด้าน นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ กล่าวตักเตือนเรื่องการเสียดสี และระบุ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล เป็นกรรมการตรวจสไลด์ของสภาฯ เอง ไม่ได้เกี่ยวกับนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ของรัฐบาล และเป็นการวินิจฉัยโดยใช้กรรมการ ซึ่งมีสองหลักการ คือ ต้องไม่ผิดข้อบังคับ และต้องไม่เป็นลักษณะของการเอาภาพคนอื่นมาใช้ทำนองล้อเลียน ก็เป็นไปได้ว่า ภาพของ น.ส.รักชนก อาจจะดูว่าไม่เกี่ยวกับเนื้อหา และเป็นภาพตัดต่อที่ดูไม่เหมาะสม

ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ประท้วง ว่า ท่านกล่าวหารัฐบาล การตรวจเอกสารเป็นอำนาจประธานรัฐสภา ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล ไม่อยากให้ใช้แท็กติกแบบนี้เมื่อรูปถูกแบนแล้วก็เอามาโชว์เพื่อให้ช่างภาพถ่ายรูป ไม่สมควรอย่างยิ่ง โดยนายปดิพัทธ์ ย้ำ ถ้ามีลักษณะตัดต่อไม่เกี่ยวกับเนื้อหา ดูแล้วไม่สุภาพเจ้าหน้าที่แก้ไขได้ แต่ น.ส.รักชนก ไม่ยอม ระบุตนไม่มีเจตนาเสียดสี และจะไปโพสต์ในโซเชียลมีเดียเพื่อให้ประชาชนตัดสิน นายปดิพัทธ์ วินิจฉัยตัดบท ว่า ตนวินิจฉัยแล้ว การตัดสินของกรรมการอาจจะไม่ถูกใจท่าน แต่ถ้าเรายอมรับกติการ่วมกัน ก็อภิปรายต่อได้

ทั้งนี้ โดยระหว่างที่นายปดิพัทธ์ กล่าวชี้แจง ช่วงหนึ่งนั้น น.ส.รักชนก ได้ยืนกอดอกขึงขังแสดงสีหน้าไม่พอใจมองไปยังบัลลังก์ประธานสภาฯ อีกด้วย

จากนั้น น.ส.รักชนก อภิปรายเกี่ยวกับกระบวนการจัดทำงบประมาณว่า ปีที่ผ่านมาได้โอกาสเป็นประธานอนุกรรมาธิการศึกษาการจัดทำงบประมาณ ปี 68 ทำให้ได้เห็นการจัดทำงบประมาณตั้งแต่เริ่มต้น ว่า การจัดทำงบมีกล่องดำหลายจุด เริ่มด้วยการจัดทำยุทธศาสตร์ช่วงสิ้นปี ต้นปีนายกฯจะแถลง แล้วให้ข้าราชการไปจัดทำงบ ปีนี้นายกฯตั้งเป้าไว้ใหญ่โต แต่ส่วนที่สำคัญที่สุดคือนายกฯ ไม่ได้มีการตั้งกรอบความสำเร็จ และงบประมาณของแต่ละนโยบายไว้ เช่น การทำน้ำประปาดื่มได้ ปีนี้จะทำได้แค่ไหน ใช้งบเท่าไหร่ หากทำภูมิภาคละหนึ่งแห่ง ถือว่าทำแล้วหรือไม่ อยากให้นายกฯ กำหนดเป้าหมายและกรอบงบประมาณให้ชัดเจน

อย่างไรก็ตาม การที่นายกฯ พูดเรื่องโครงการแมดชิ่งฟันหลายเวที ถูกบรรจุเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ก็รับลูกเขียนคำของบประมาณเข้ามาประมาณ 5 พันล้านบาท แต่สำนักงบประมาณไม่จัดสรรงบให้ ถ้าปีนี้ "เอสเอ็มอี" ไม่ได้รับการสนับสนุนโครงการ และนโยบายเอสเอ็มอีของรัฐบาลไม่ไปถึงไหนใครต้องรับผิดชอบ นายกฯ สสว. หรือสำนักงบประมาณ

"ดิฉันไม่แน่ใจว่า สำนักงบประมาณยังเห็นหัวท่านนายกฯ อยู่หรือไม่ เพราะนายกฯแถลงทุกเวทีและหน่วยงานก็ของบแต่สำนักงบก็ยังตัด"น.ส.รักชนกกล่าว