“ภคมน หนุนอนันต์” เปิดงบโครงการประชาสัมพันธ์ภาครัฐ พบซ้ำซ้อนหลายกรม หลายกระทรวง ตั้งมาขอทำโครงการยอดฮิตรณรงค์เรื่องยาเสพติด ชี้ช่อง NBT เรตติ้งก็รั้งท้าย ทำงานไม่ตอบโจทย์ประชาชน ศูนย์เฟกนิวส์เอื้อพรรคการเมือง แนะสื่อรัฐทุกชิ้น ต้องเขียนข้อความกำกับ “มาจากภาษีประชาชน” 


วันที่ 21 มิถุนายน 2567 เมื่อเวลา 14.25 น. ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระพิจารณาพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายถึงงบโฆษณาประชาสัมพันธ์จำนวน 2,945 ล้านบาท ว่า จากการดูรายละเอียดพบว่ามีโครงการที่ซ้ำซ้อนกัน กว่า 600 ล้านบาท โดยนำไป PR โครงการยอดฮิต คือ รณรงค์เรื่องยาเสพติด ในหลายกระทรวง และหลายกรม เช่น สำนักนายรัฐมนตรี กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน) กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม จึงขอตั้งคำถามว่างบประชาสัมพันธ์แบบนี้ประชาชนได้ประโยชน์จริงๆ หรือใครได้ประโยชน์ ขณะศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม หรือ เฟกนิวส์ ที่ต้องเป็นกลาง เป็นอิสระ กลับมีหน้าที่ออกมาแก้ข่าวให้พรรคการเมือง ส่วนข่าวใดที่เป็นประโยชน์กับประชาชนก็เซนเซอร์ ทำให้รู้สึกได้ว่านับวันจะแปรเปลี่ยนจากหน่วยงานรัฐไปเป็นเครื่องมือทางการเมืองแล้ว

ขณะที่งบประชาสัมพันธ์ 2,496 ล้านบาท ในรายละเอียดก็ไม่พบว่ามีโครงการทีวีซอฟต์พาวเวอร์ แต่มีการตั้งโครงการเสริมสร้างภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์เชิงรุก ในเวทีต่างประเทศ 36 ล้านบาท ทั้งนี้ยังพบว่าสถานีโทรทัศน์ NBT มีการตั้งสื่อโซเซียลออนไลน์ ถึง 729 เพจ โดยมีแอ็กเคานต์ติ๊กต่อก 313 บัญชี ยูทูบ 129 บัญชี จึงตั้งคำถามว่าจะตั้งเพจเยอะๆ ไปเพื่ออะไร และเหตุใดจึงต้องแยกช่องยูทูบของแต่ละจังหวัด เพราะมีแต่จะสิ้นเปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุ

...

น.ส.ภคมน ยังกล่าวถึงกรณีทีวีช่องหนึ่งปิดตัวลง แต่พบว่ามีการถ่ายโอนไปทำงานที่สถานีโทรทัศน์ NBT แม้อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ จะยืนยันว่าถูกระเบียบ แต่ขอตั้งคำถามว่าสุดท้ายงบประชาสัมพันธ์ชุดนี้แท้จริงนำไปใช้อะไร เพราะเมื่อดูเรตติ้งก็พบว่ารั้งท้าย แสดงว่า สถานีโทรทัศน์ NBT ทำงานไม่ตรงเป้าหมายและความต้องการของประชาชนหรือไม่

นอกจากนี้ น.ส.ภคมน ยังขอเสนอ ปิดช่องโหว่งบประมาณโฆษณาประชาสัมพันธ์ภาครัฐ เพื่อให้มีความโปร่งใส ก้าวหน้า และเพื่อประชาชน คือต้องไม่ใช้ภาษีอวยตัวเอง ไม่ใช้สื่อรัฐเลือกข้างนำเสนอพรรคการเมือง ไม่ใช้ภาษีส่งเสริมภาพลักษณ์ตนเอง อีกทั้งต้องลดความซ้ำซ้อนของงบประมาณ ให้คณะกรรมการการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ มากำกับดูแล ยกระดับกรมประชาสัมพันธ์ให้ทันสมัย และการประชาสัมพันธ์รัฐต้องโปร่งใส เพื่อป้องกันการแทรกแซงครอบงำสื่อมวลชน ให้แก้ พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ พ.ศ. 2560 โดยให้มีการกำหนดนิยามค่าใช้จ่ายและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างงานโฆษณาประชาสัมพันธ์ขึ้น เพื่อให้สาธารณะชนได้ตรวจสอบความโปร่งใส พร้อมทั้งต้องกำหนดราคากลาง แสดงที่มาของงบประมาณและโครงการ เพราะที่ผ่านมางบประชาสัมพันธ์ภาครัฐ ไม่สะท้อนความต้องการประชาชน ดังนั้นต่อไปนี้ การใช้เงินโฆษณา ต้องระบุกำกับทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า สื่อชิ้นนี้ มาจากภาษีประชาชน เหมือนป้ายโครงการของหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้งบประชาสัมพันธ์ เลิกซุก เลิกซ่อนเสียที