"ธรรมนัส" ยัน งบฯ 68 กระทรวงเกษตรฯ กว่า 1.01 แสนล้าน ต้องบริหารภายใต้งบฯมีจำกัด มั่นใจ เดินหน้าแก้ปัญหาแบบเกษตรแบบใหม่ "ต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำ" บอกปุ๋ยคนละครึ่ง เข้า ครม.อาทิตย์หน้า 

เมื่อเวลา 12.47 น.วันที่ 21 มิ.ย. ที่รัฐสภา ในการการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติรายจ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึง ปัญหางบประมาณปี 68 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่า ขอขอบคุณ สิ่งที่พี่น้อง สส.ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ที่สะท้อนให้เห็นปัญหาการจัดงบประมาณปี 2568 โดย งบฯ ปี 2567 ก็เป็นการถอดบทเรียนการตั้งคำของบฯไม่ว่าเป็นของกระทรวงใดก็ตาม ผมถือว่าข้อมูล เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ไม่ว่าเป็นพี่น้องฝ่ายรัฐบาล หรือ พี่น้องฝ่ายค้าน รัฐบาลชุดนี้ บริหารมา 10 เดือนแล้ว ที่ผ่านมาผมร่วมลงพื้นที่ รับฟังปัญหาความเดือดร้อนพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ โดยเฉพาะพี่น้องชาวเกษตร แล้วนำมาถอดบทเรียน ในการจัดสรรงบฯ 68 ของกระทรวงเกษตรฯ กว่า 1.01 แสนล้านบาท คิดเป็นจำนวนต่อหัวต่อปี 3,386 บาท ตกเดือนละ 282 บาท ซึ่งถือว่าเป็นเงินจำนวนที่น้อยมาก ฉะนั้น ภายใต้ข้อจำกัดงบประมาณแผ่นดิน งบประมาณกว่าจะได้จัดสรรต้องผ่านขั้นตอนอะไรมากมาย

...

ธรรมนัส กล่าวต่อว่า ที่บอกว่า เวลานี้การบริหารจัดการน้ำ การบริหารจัดการเรื่องที่ดิน มีปัญหามากมาย ผมไม่ปฏิเสธครับว่ามันเป็นปัญหา พี่น้องชาวเกษตรกรอาจสงสัยเกิดอะไรขึ้นทำไม ล่าช้า นั่นเพราะต้องมีการต้องแก้ไขกฎหมาย เพราะไม่ว่าจะจัดสรรงบประมาณยังไง หากไม่แก้กฎหมาย ก็เหนื่อยครับ

รมว.เกษตร กล่าวอีกว่า กระทรวงเกษตรฯ เราต้องทำการเกษตรกรยุคใหม่ แยกเป็นกลุ่มๆ นโยบายรัฐจะเหมารวม แบบ "ตัดเสื้อโหล" อีกไม่ได้เด็ดขาด กลุ่มพี่น้องเกษตรกรที่เข้มแข็ง ต้องผลิตสินค้าการเกษตร โดยรัฐไม่ต้องไปช่วยเหลือมากนัก 

ขณะเกษตรกรกลุ่มที่สอง เราต้องช่วยเหลือ ภายใต้ นโยบาย "ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้"  เกษตรกรกลุ่มนี้ เราต้องเอางานวิจัยต่างๆให้พี่น้องได้นำไปพัฒนาใช้ประโยชน์

ส่วนกลุ่มที่ 3 เกษตรกรกลุ่มเปราะบาง กลุ่มนี้ เราจำเป็นต้องจำแนกออก แล้วเข้าไปฟื้นฟูเพื่อให้เขามีกำลังช่วยตัวเองให้ได้ ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำ ให้ความสำคัญอยู่แล้ว

ส่วน ปัญหาภาคการปศุสัตว์ รอ.ธรรมนัส ระบุว่า ภาคการเกษตรมีปัญหามากมาย และมีปัญหามายาวนานแล้ว รัฐบาลที่ผ่านมา พยายามแก้ไข แต่ก็ยังแก้ไม่ได้ รัฐบาลนี้ใช้เวลาไม่กี่เดือน สามารถยกระดับราคาสินค้าเกษตรได้ ปฏิเสธ ยางพารา ข้าว เราแก้ปัญหาทำให้ราคาได้ดีขึ้น

เรื่องแรก ต้อง "ตลาดนำ" เป็นเรื่องสำคัญ ตลาดใหญ่ส่ง แพะ แกะ ของไทยไป ประเทศจีน ปัญหาสำคัญ คือ การแพร่ระบาดโรคหลายตัว อย่าง "โรคลัมปีสกิน" ซึ่งทำให้ประเทศจีน ต้องยกเลิกการนำเข้าจากไทย เพราะมีโรคเหล่านี้ ซึ่งเราต้องแก้ไข ไม่ว่าเป็น โค กระบือ แพะ แกะ ต้องทำให้จีนรู้ว่า เราสามารถป้องกันอย่างได้ผล โรคปากเปื่อยเท้าเปื่อย โรคลัมปีสกิน และผมได้ตอบคำถามประเทศจีนแล้ว และเรากำลังเจรจาอยู่ ตอนนี้เกิน 70% ที่จะส่ง แพะ แกะไปอีกครั้ง และในราคาที่ไม่ใช่ท่านอภิปรายด้วย เพราะพี่น้องเกษตรกรต้องได้กำไร

ส่วนตลาดตะวันออกกลาง ประเทศซาอุดีอาระเบีย เรากำลังจะเซ็นสัญญานำเข้า โค แพะ แกะ ที่มีชีวิต ถามว่าซาอุฯ ตอบรับหรือยัง ยืนยันว่า ประเทศซาอุฯ ตอบรับแล้ว ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนเจรจา จะส่งไปทางไหน มีขั้นตอนอะไรบ้าง ซึ่งผมมีกำหนดการไปลงบันทึกข้อตกลง คาดใช้เวลาไม่เกิน 3 เดือน เราจะส่งโค กระบือ ไปตะวันออกกลางได้

ทั้งนี้ ประเทศไทยส่งออกโคเนื้อไปที่ มาเลเซีย เวียดนาม ลาว กัมพูชา ด้วย ยืนยัน ทุกหน่วยงานรัฐบาล ทำมาตลอดอย่างต่อเนื่อง

ขณะเรื่องวัคซีนภาคการปศุสัตว์ ฝ่ายค้านนำเสนอถูกต้องแต่ยังไม่ครบ วัคซีนใช้ภาคปศุสัตว์ เป็นวัคซีน เชื้อเป็น-เชื้อตาย เราเสนอซื้อ วัคซีนเชื้อเป็น 5 ล้านโดส แต่ได้รับงบฯ 1.99 ล้าน เราก็น้อมรับ ขณะที่ วัคซีนของประเทศไทยที่บ้านเราผลิตเรียกวัคซีนเชื้อตาย ถามมีคุณภาพไหม มีคุณภาพครับ แต่ต้องฉีดหลายครั้งจึงมีผล แล้วถามว่า ทำไม่ไม่พัฒนาวัคซีนของเราเองจะได้ไม่ต้องนำเข้าอีก ขอยืนยันว่า "กำลังทำครับ"

เรื่องการเลี้ยงโคนมก็เช่นเดียวกัน แต่อยากกราบเรียนเพิ่มเติมว่า จำนวนเกษตรกรผู้เลี้ยงโคลดน้อยลง ก็ในเมื่อมีปัญหาโรคลัมปีสกิน จำนวนผู้เลี้ยงก็ลดลง แล้วเรื่องต้นทุนการผลิตอาหารสัคว์มันแพงก็ต้องแก้ไข โดยเราจะสร้างเรื่องนำอาหารหยาบ และการผลิตอาหารสัตว์ เพื่อช่วยเหลือกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมกลุ่มเหล่านี้

รอ.ธรรมนัส ยืนยัน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังต้องเดินหน้าทำงานต่อ ภายใต้งบประมาณที่มีจำกัด การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ก็ดี การทำข้าวนาปรังในพื้นที่มีน้ำน้อยให้ไปปลูกถั่วเหลืองแทน ถามว่า ทำไมที่ผ่านมานำเข้าถั่วเหลืองเยอะ เหตุผลเพราะพันธุ์ถั่วเหลืองเราสู้เข้าไม่ได้ ย้ำกระทรวงเกษตรฯ ต้องเดินหน้าใหม่ ทำเกษตรแบบใหม่ เพื่อพี่น้องเกษตรกร แก้ปัญหาตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ขณะที่ โครงการปุ๋ยคนละครึ่ง กำลังจะเสนอ ครม.อาทิตย์หน้า

ส่วนเรื่องคาร์บอนเครดิต เรากำลังทำโฉนดต้นไม้ ขึ้นทะเบียนเกษตรกร ยืนยัน เราจะเพิ่มรายได้เกษตรกรเป็น 3 เท่าในปี 2570 ตามที่ตั้งเป้าไว้