“ชัชวาล ไทยสร้างไทย” อัดรัฐจัดงบ ปี 68 ผิดฝาผิดตัว-ไม่ตอบโจทย์ เปิดช่องทุจริตเพียบ ปูด “กองทัพอากาศ” ตั้งงบซื้อวิทยุสื่อสารแพงเกินจริง ระบุฝีมือ “ไอ้โม่ง” คนเดิมที่คดีคาใน ป.ป.ช. ผิดหวัง “กองทัพเรือ” ประเคนปรับปรุงเรือรบให้ต่างชาติ ทั้งที่ไทยทําเองได้ จี้ “สุทิน” หนุนอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทย สงสัยไม่ตั้งงบฯ ความปลอดภัยไซเบอร์ เหมือนให้ “รมว.ดีอี” ถือกระบองสู้โจรถือปืน
วันที่ 20 มิ.ย. 2567 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระพิจารณาพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจําปีงบประมาณ 2568 นายชัชวาล แพทยาไทย สส.ร้อยเอ็ด พรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า จากการศึกษาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 68 อย่างละเอียด ทําให้เห็นว่า การจัดสรรงบประมาณเป็นไปแบบผิดฝาผิดตัว ไม่ตอบโจทย์ หลายโครงการตั้งงบประมาณไว้สูงกว่าความเป็นจริง เปิดโอกาสให้มีการทุจริตคอร์รัปชันได้ง่ายเพราะหน่วยงานสามารถซื้อของในราคาแพงเกินจริง เพื่อให้คนขายนําเงินมาทอนให้กับผู้มีอํานาจในภายหลัง โดยฮั้วกันตั้งแต่การทํา TOR “จากช่องว่างของระเบียบที่เอื้อให้กับบางหน่วยงาน โดยเฉพาะหน่วยงานด้านความมั่นคง จึงเปิดโอกาสให้ ไอ้โม่งออกมาบงการผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ไปเข้ากระเป๋าของตัวเอง และพวกพ้อง
ในการพิจารณางบประมาณปี 67 ตนมีโอกาสทําหน้าที่เป็นอนุกรรมาธิการฯ ด้านความมั่นคง พบว่า หน่วยงาน หรือเหล่าทัพ จะของบประมาณจัดซื้อจัดหายุทโธปกรณ์ในกรอบกว้างๆ ไม่มีรายละเอียดเหมือนกับกระทรวงอื่นๆ โดยอ้างว่าเป็นความลับด้านความมั่นคง ซึ่งตรงนี้เองเป็นจุดอ่อน ให้คนชั่วเข้ามาทุจริต เพราะงบประมาณในการจัดหายุทโธปกรณ์บวมออกมาเกินความเป็นจริง และเวลาที่ หน่วยมาชี้แจงงบประมาณ ผู้ชี้แจงจะรายงานความจําเป็นออกมาแบบหวานหยดย้อย แถมสัญญาด้วยว่า จะมีการจัดหาอย่างโปร่งใส พึ่งพาตัวเองให้มากที่สุด ให้งบประมาณรั่วไหลออกนอกประเทศน้อยที่สุด “พอสภาฯ อนุมัติเงินให้ไป กลับหน้ามือเป็นหลังมือ ก้นเปรี้ยวกันหมด บางกองทัพตั้งราคายุทโธปกรณ์สูงกว่า ความเป็นจริงถึง 2 เท่า ส่วนบางกองทัพ เลือกที่จะจัดหาจากต่างประเทศ 100% ทั้งๆ ที่ทําในเมืองไทยทําเองได้ไม่น้อยกว่า 30-40% กลายเป็นเอาเงินไปให้ต่างชาติทั้งหมด”
...
นายชัชวาล ยังยกตัวอย่างการตั้งงบประมาณสูงเกินจริง นําไปสู่พฤติการณ์การจัดซื้อที่เข้าข่ายทุจริตคอร์รัปชันด้วยว่า ครั้งหนึ่งสภาฯแห่งนี้เคยอนุมัติเงิน 900 ล้านบาทเศษ เพื่อให้กองทัพอากาศนําไปจัดหายุทโธปกรณ์ที่เป็นวิทยุสื่อสาร และกรรมการจัดหาในครั้งนั้นก็ตั้งราคากลางตาม TOR ไว้ที่ 900 ล้านบาทเศษ ในขณะที่ มูลค่าของโครงการไม่ถึง 500 ล้านบาท และหลังจากมีการออกมาเปิดโปง มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม สุดท้ายกองทัพอากาศก็ต้องล้มเลิกการจัดหาในครั้งนั้นไป
มาครั้งนี้ขอให้ นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม และผู้บัญชาการทหารอากาศ ตรวจสอบการตั้งงบประมาณการจัดซื้อวิทยุสื่อสาร ที่มีการตั้งราคาสูงกว่าความเป็นจริงกว่า 1 เท่าตัวอีกครั้ง ขอให้รีบตรวจสอบและแก้ไขโดยด่วน โดยเรื่องนี้เชื่อว่า ทั้ง รมว.กลาโหม ไม่รู้เรื่องและ ผบ.ทอ. ก็อาจจะไม่รู้เรื่องด้วยเช่นกัน แต่พลาดที่มอบอํานาจให้คนไม่ดีมารับผิดชอบเรื่องการจัดซื้อ ทั้งๆ ที่มีมลทิน และยังมีเรื่องทุจริตค้างอยู่ใน ป.ป.ช. แต่เรื่องนี้ความผิดยังไม่สําเร็จ เพราะกรรมการกลัวติดคุก เลยส่งข้อมูลมาให้ตน “บอกใบ้ให้นิดนึง เป็นฝีมือของคนคนเดิมที่อยู่เบื้องหลัง 3 โครงการ งบประมาณเกือบ 3 พันล้านบาทของกองทัพอากาศที่เคยถูกอภิปรายในสภาฯ จนสุดท้ายต้องยกเลิกการจัดหาในครั้งนั้นไปทั้งหมด เป็นไอ้โม่งที่ตอนนั้นเป็นนายพล 3 ดาว มาวันนี้เป็นนายพล 4 ดาว ที่มีชื่ออยู่ในสํานวนของ ป.ป.ช.ด้วย” นายชัชวาล กล่าว
นายชัชวาล กล่าวต่อถึงปัญหาการตั้งงบประมาณไม่เหมาะสมกับข้อเท็จจริงและปัญหาของประเทศว่า ในขณะที่คนไทยยังไม่มีความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ คนไทยที่ถูกทําร้ายจากอาชญากรทางคอมพิวเตอร์ ทุกวันความเสียหายปีหนึ่งหลายหมื่นล้านบาท ความเสียหายทางชีวิตและจิตใจที่ประเมินค่าไม่ได้มีทั้งคนที่ ฆ่าตัวตาย และคนที่ซึมเศร้า จากการโดนทําร้ายของมิจฉาชีพเหล่านี้ แต่เหมือนรัฐบาลจะเพิกเฉย และไม่ให้ความสนใจ เพราะดูจากการตั้งงบประมาณในปีนี้ มองไม่เห็นเลยว่า ตั้งงบประมาณเหล่านี้ไว้ตรงไหน ทั้งที่การต่อสู้กับอาชญากรรมทางไซเบอร์เป็นเรื่องเร่งด่วน และร้ายแรงซึ่งน่าเห็นใจ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่มีอํานาจตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ แต่หากรัฐบาลไม่ให้เครื่องมือไปด้วย เปรียบเสมือนตํารวจถือกระบองที่ต้องไปสู้กับโจรที่ถือปืน
พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลส่งเสริม และสนับสนุนอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทยด้วยว่า ปัจจุบันทราบกันว่า ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของเรา มีคุณภาพ และมาตรฐานในระดับสากล ซึ่งตนและเพื่อน สส.หลายคนก็ได้อภิปรายสนับสนุนเรื่องของการพึ่งพาตนเอง โดยเฉพาะด้านความมั่นคงมาโดยตลอด รัฐบาลจึงควรส่งเสริม และสนับสนุนให้กองทัพและหน่วยงานด้านความมั่นคงต่างๆ ต้องใช้ของที่ผลิตในประเทศ ให้บริษัทของคนไทยได้เข้าแข่งขันอย่างเป็นธรรม โดยหากทําไม่ได้ทั้งหมด ระบบหรือชิ้นส่วนใดที่ทําได้ในประเทศ ก็ขอให้เหล่าทัพพิจารณานําไปใส่ไว้ใน TOR ด้วย
อย่างกรณีการต่อเรือฟริเกตของกองทัพเรือ ซึ่งสามารถทําได้ในประเทศไทย เป็นโอกาสของคนไทย และเป็นโอกาสที่ดีของอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทย ที่จะได้พิสูจน์ความพร้อม และ มาตรฐานของโรงงานในระดับโลก ที่ปัจจุบันมีลูกค้าต่างประเทศมาใช้บริการไม่รู้กี่รายต่อกี่ราย แต่กองทัพเรือกลับไม่ยอมจ้าง และขอเรียกร้องรัฐบาลให้สัญญากับสภาฯ ว่า กรรมาธิการงบประมาณจะมีโอกาสได้ดูรายละเอียดและตรวจสอบการทำสัญญาต่างๆ ไม่เช่นนั้นตนเองก็ยากที่จะเห็นด้วยกับ พ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้