ตลาดหุ้นไทยขานรับสถานการณ์การเมืองที่คลี่คลายไปในทางที่ดีเหมือนเปิดจุกก๊อกเอาฟองอากาศพวยพุ่งออก

18 มิ.ย.67 ซึ่งเป็นวันนัดหมายว่าด้วย 4 คดีการเมืองใหญ่ระดับความเป็นไปของบ้านเมือง จนเป็นเหตุให้เกิดความไม่แน่ใจว่าการเมืองจะไปทางไหนต่อ

ศาลรัฐธรรมนูญมี 3 คดีที่ซ้อนกันอยู่ ปรากฏว่ามีผลออกมา 1 คดี ส่วนอีก 2 คดีต้องรอไปต้นเดือนหน้าว่าจะนำไปสู่การวินิจฉัยวันไหน

คดีที่มีคำร้องให้วินิจฉัยว่า กกต.ดำเนินการเลือกวุฒิสมาชิกนั้นขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ปรากฏว่ามีมติเอกฉันท์ว่าไม่ขัด ทำให้การดำเนินการเลือกตั้ง

ดำเนินการต่อไปได้

คดียุบพรรค “ก้าวไกล” ศาลรัฐธรรมนูญเห็นชอบให้มีมติการสอบพยานใหม่ตามคำร้องขอ โดยนัดหมายวันที่ 3 ก.ค.67 ก็ต่อชีวิตให้ยืนยาวออกไปได้อีกระยะหนึ่ง

ส่วนคดีนายกรัฐมนตรีที่ถูกร้องให้ถอดถอนเนื่องจากแต่งตั้งรัฐมนตรีที่ขาดคุณสมบัติก็เช่นกัน เนื่องจากมีการส่งพยานให้ปากคำเพิ่มต่อเลขาธิการ ครม. ก็ต้องไปว่ากันต่อเดือน ก.ค. เช่นเดียวกัน

คดีที่เป็นเรื่องเป็นราวหน่อยก็ตรงที่ศาลอาญารับคำฟ้องที่อัยการสั่งฟ้อง “ทักษิณ ชินวัตร” คดีที่ถูกกล่าวหาว่าทำผิด ม.112

ปรากฏ “ทักษิณ” เดินทางไปตามนัดหมาย และส่งให้ศาลรับตัวไว้พิจารณาตามข้อกล่าวหาและได้ยื่นหลักทรัพย์ 5 แสนบาทจึงได้ประกันตัว

มีข้อแม้ว่าห้ามเดินทางออกนอกประเทศ

เพราะก่อนหน้านี้มีพฤติกรรมให้ปรากฏมาแล้วคือหลบหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศเสีย 17 ปี อ้างว่าจะไปดูกีฬาแล้วหนีไปเลย

ประเด็นการได้ประกันตัวนั้นถือเป็นตัวอย่างที่ทำให้ทนาย 3 นิ้วบอกว่าเมื่อ “ทักษิณ” ได้ประกันตัวจากคดี ม.112

จากนี้ไปเขาจะยื่นขอประกันตัวผู้ที่ถูกข้อหากระทำผิด ม.112 โดยยกเอากรณีของ “ทักษิณ” เป็นตัวอย่าง

...

นี่แหละปัญหาต่อไปของกระบวนการยุติธรรม

เพราะไม่ใช่แค่ “ทักษิณ” เท่านั้น แต่ยังมีบุคคลอีกส่วนหนึ่งที่ถูกคดีนี้แต่ไม่ได้รับการประกันตัว รวมไปถึงการออกกฎหมายนิรโทษกรรมด้วย

ทุกอย่างมันผูกโยงกันไปหมด

เท่าที่ฟังเสียงจากบรรดากูรูทางกฎหมายบอกว่าการต่อสู้คดีของ “ทักษิณ” นั้นจะนำข้อต่อสู้ว่าด้วยการยืนยันว่าไม่ได้กระทำผิด ถูกกลั่นแกล้ง โดยเขามีความจงรักภักดีเป็นที่ประจักษ์ มีการตัดต่อคลิปและพันไปถึงคณะรัฐประหาร

ด้วยชุดข้อมูลนี้จึงมั่นใจเขาจะชนะคดีได้

จึงไม่คิดหลบหนีเหมือนที่ผ่านมา

คดีนี้ต้องสู้จนถึงฎีกาต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะรู้ผลแม้จะเชื่อว่าไม่มีแพ้ แต่ก็ต้องตกอยู่ในฐานะของผู้ต้องหาที่เป็นชนักติดตัว

ซึ่งไม่ค่อยจะเป็นผลดีเท่าใดนัก

ว่ากันว่านี่ก็เป็นวิธีหนึ่งที่สามารถควบคุมเขาไม่ให้ฮึกเหิมเกินตัวจนเกิดปัญหา อาจจะทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นมาอีก

เขตควบคุมนี้นานพอสมควรกว่าคดีจะถึงที่สุด!

“สายล่อฟ้า”

คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม