“ทักษิณ ชินวัตร” บอก ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ไปตามนัดอัยการสูงสุด 18 มิ.ย.นี้ ชี้ ถูกฟ้องเป็นผลพวงผลไม้พิษจากปฏิวัติเพราะถูกยัดข้อหา ปัดไม่มีดีลลับกับใคร แต่ถ้าบ้านเมืองจะวุ่นวายก็เพราะบ้านในป่า ลั่น นายกฯ ไม่ใช่ใครจะเป็นได้เพราะต้องมีกติกา
วันที่ 8 มิถุนายน 2567 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาเป็นประธานงานเลี้ยงฉลองบวช นายสมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์ ลูกชายคนเล็กนายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี ที่ลานเทศบาลตำบลธัญบุรี ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี โดยมี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) เดินทางมาด้วย ซึ่งงานบวชครั้งนี้จัดอย่างยิ่งใหญ่ มีโต๊ะจีน 3,000 โต๊ะ แขกที่มาร่วมงานต่างพร้อมใจกันสวมใส่เสื้อสีแดง
ทันทีที่ นายทักษิณ มาถึง มีแกนนำและรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยหลายคนมารอต้อนรับ ทั้ง นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายไชยา พรหมา อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ที่หายเงียบไปหลังจากที่ถูกปรับออกจากคณะรัฐมนตรี และ สส.พรรคเพื่อไทยจังหวัดลพบุรีและจังหวัดปทุมธานี ทันทีที่ นายทักษิณ ลงจากรถ นายทักษิณ มีสีหน้ายิ้มแย้มและได้เข้าไปทักทายกับทุกคนที่มารอต้อนรับ ก่อนที่จะมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ตอนนี้อาการป่วยโควิด-19 ดีขึ้น เพราะตนเองเป็นหลายรอบแล้ว รอบนี้จึงเป็นไม่หนัก ที่ไม่ไปตามนัดของอัยการสูงสุด เพราะกลัวเอาไปติดคนอื่น ส่วนวันที่ 18 มิถุนายน ที่อัยการสูงสุดจะส่งฟ้องตนในทุกข้อกล่าวหานั้น ถ้านัดมาก็ไป เพราะคราวที่แล้วป่วย ครั้งแรกอัยการเลื่อนเอง ครั้งที่สองป่วย แต่วันที่ 18 มิถุนายน จึงไม่มีเหตุผลที่จะไม่ไป
นายทักษิณ ยังกล่าวถึงการต่อสู้คดีว่า ก็ไม่มีอะไร และคดีนี้จะเป็นตัวอย่างให้คนได้เห็นว่าการปฏิวัติมีการยัดข้อหาอย่างไร ซึ่งคดีนี้ไม่มีมูลเหตุอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว แต่พยายามไปตีความให้มีมูล เมื่อมีคนหนึ่งสั่งฟ้อง คนอื่นก็ไม่กล้าไม่สั่งไม่ฟ้อง ทั้งที่ไม่ใช่หลักกฎหมาย ซึ่งแบบนี้ไม่ดีเลย
...
ส่วนจะได้ประกันตัวในวันที่ 18 มิถุนายนนี้หรือไม่นั้น เชื่อว่าไม่มีอะไร เพราะคดีแทบไม่มีมูล อันนี้เขาเรียกว่าเป็นผลไม้ของต้นไม้เป็นพิษ การทำข้อหาตั้งแต่ต้นมีการข่มขู่พนักงานสอบสวนโดยผู้บังคับบัญชา และในไลน์กลุ่มของคนพวกนี้ก็พูดความจริงหมดแล้ว ซึ่งเห็นว่าคดีไม่ควรเป็นคดี
ส่วนกรณีที่ตนเองไม่ได้ไปอัยการสูงสุดมีการมองว่าเพราะดีลไม่ได้นั้น นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่มีแน่นอน ตนเองไม่ได้ดีลกับใครเลย มีแต่ดีลกับหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แต่ถ้าจะมีคนวุ่นวายก็แถวบ้านในป่าที่วุ่น แต่ไม่เกี่ยวกับตนเองแต่เกี่ยวกับรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวจึงถาม นายทักษิณ ต่อว่า นายทักษิณ เอ่ยออกมาแบบนี้ ต้องการส่งสัญญาณไปถึงคนบ้านในป่าใช่หรือไม่ นายทักษิณ ตอบว่า ไม่รู้ อยู่ๆ ตนเองก็พูดชื่อออกมา ส่วนจะหมายถึง พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หรือไม่ นายทักษิณ ตอบว่า ไม่รู้ และถามกับผู้สื่อข่าวว่า มีใครบ้างที่อยู่ในป่า ผู้สื่อข่าวจึงตอบ นายทักษิณ ว่า ก็มีอยู่สองคน ทำให้ นายทักษิณ ถึงกับถอนหายใจออกมาว่า “เฮ้อ ผมว่าบ้านเมืองมันถึงเวลาสงบได้แล้ว และอยากให้สื่อมวลชนพยายามเสนอข่าวการเมืองให้เบาลงหน่อย ประเทศจะได้เดินหน้า เพราะวันนี้ปัญหามันมีหลายอย่างมาก และยากกว่าตอนที่ตนเองเป็นนายกรัฐมนตรีอีก เพราะมันเละมานานแล้ว ระบบราชการก็เปลี่ยนไปเยอะ จึงอยากให้ช่วยกันทุกฝ่าย แต่วันนี้หลายคนพยายามคิดว่าถึงเวลาข้าก็เป็นได้ ใครก็เป็นได้ซึ่งไม่ใช่ มันต้องมีกติกา ใครอยากเป็นนายกรัฐมนตรีก็ต้องมีกติกา”
ส่วนที่ก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่าตนเองหนีออกนอกประเทศไปแล้ว เพราะถูกอัยการสูงสุดสั่งฟ้องทุกข้อกล่าวหาในมาตรา 112 นายทักษิณ กล่าวว่า คนจินตนาการเยอะไป หาว่า นางสาวแพทองธาร พาตนเองไปประเทศสิงคโปร์ “ปัดโธ่เอ๋ย วันนี้ถ้าอยากออกนอกประเทศ ก็คืออยากไปเที่ยว”
ส่วนการมาร่วมงานบวชลูกชายนายกเทศมนตรีเมืองปทุมธานีครั้งนี้ จะเรียกความมั่นใจและถามคะแนนเสียงของพรรคเพื่อไทยให้กลับคืนมาในการเลือกตั้งท้องถิ่นได้หรือไม่นั้น นายทักษิณ กล่าวว่า ตนเองมาทำหน้าที่ เพราะนาคเป็นน้องชายของ สส.พรรคเพื่อไทย เมื่อหัวหน้าพรรคเพื่อไทยมา ก็เชิญตนเองด้วย ก็เลยมาด้วย
ทั้งนี้ ก่อนที่ นายทักษิณ จะเดินออกจากวงสัมภาษณ์ ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำ นายทักษิณ ว่า ได้มีการพูดคุยกับ พลเอกประวิตร และ พลเอกประยุทธ์ บ้างหรือไม่ นายทักษิณ บอกว่า ไม่ได้เจอเลย