ก็ต้องว่าไปตามเกม เพราะไม่มีใครที่พูดความจริงทั้งหมดยิ่งที่พูดไปแล้วเข้าตัวก็ต้องโยนไปให้อีกฝ่าย เหตุมันเพราะตรงโน่นไม่ใช่ตรงนี้
“อุ๊งอิ๊งค์” บอกว่า “ทักษิณ” พร้อมชี้แจงในชั้นศาล ดีเสียอีก ได้เผยความจริงทั้งหมด ยืนยันว่า “พ่อ” ไม่กังวลคดี ม.112 ที่ถูกฟ้องร้อง
“อ้างมีการบิดเบือนความเป็นจริงตั้งแต่แรกที่ฟ้อง ที่เกิดขึ้นในยุคที่มีปฏิวัติรัฐประหาร อัยการสูงสุดในขณะนั้นถูกแต่งตั้งในยุค คสช.”
เป็นเสียงสะท้อนจากฝ่ายที่อ้างว่าถูกกระทำ
แต่ผลจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับศาล ที่สำคัญอัยการสูงสุดที่สั่งฟ้องคดีนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับ คสช.แล้ว
แต่เขาว่าเป็นคนตรงไปตรงมาในยุคสมัยนี้
ประเด็นที่ตามมาในเรื่องนี้ก็คือ ได้มีการนัดหมายฟ้องคดีในศาลวันที่ 18 มิ.ย.67 นั้น ศาลจะอนุญาตให้ประกันตัวหรือไม่
ถ้าให้ประกันตัวก็รอดไป แต่ถ้าไม่ให้ก็ยุ่งแน่ เพราะที่สู้ๆ มา 17 ปี ก็เพราะไม่ต้องการนอน “คุก” จนกระทั่งยอมกลับมา ก็เพราะมี “ดีลลับ” คือ ยอมรับผิดแต่ไม่ต้องนอนคุก
งานนี้คงจะต้องมีดีลใหม่อีกแน่!
ในสถานการณ์ที่เป็นจริงขณะนี้นั้น สอดรับกับเรื่องนี้โดยตรงก็คือ การออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสำหรับผู้กระทำผิดทางการเมืองที่ถกเถียงจนเกิดความเห็นต่างก็คือ จะนิรโทษให้พวกกระทำผิด ม.112 หรือไม่
“ก้าวไกล” เสนอว่าเพื่อให้ความขัดแย้งยุติก็ควรจะนิรโทษให้พวกนี้ด้วย
แต่ฝ่ายรัฐบาลโดยพรรคการเมืองแนวอนุรักษ์นิยมเห็นไปอีกทางว่าไม่สมควรนิรโทษกรรมให้เพราะถือว่าเป็นโทษร้ายแรง
“เพื่อไทย” ในฐานะแกนนำที่ประกาศชัดเจนแล้วว่าไม่แก้ไข ไม่ยกเลิก ม.112 จนทำให้เกิดปัญหาไปคนละทางกับ “ก้าวไกล” จนตั้งรัฐบาลสูตรเพราะอันดับ 1 ไม่ได้
...
และ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมก็แสดงท่าทีว่าพวกที่ทำผิด ม.112 ก็จะไม่ได้นิรโทษกรรมด้วยเพื่อยืนยันเจตนารมณ์นี้
แต่สถานการณ์ล่าสุดที่ “ทักษิณ” ถูกฟ้องคดีกระทำผิด ม.112 นั้น “เพื่อไทย” จะเอายังไงเพราะถ้าเห็นด้วยกับ “ก้าวไกล” ก็เท่ากับเป็นการสนับสนุนเพื่อช่วยพวกตัวเองอย่างที่กล่าวหา “ก้าวไกล” มาแล้ว
อีกทั้งพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลเกือบทุกพรรคที่เห็นตรงกันว่าความผิด ม.112 ไม่เกี่ยวกับการนิรโทษกรรม
ทุกอย่างมันผูกโยงกันหมดอย่างแยกไม่ออก
ที่ตอกยํ้าอันหนึ่งก็คือ 1 ในคณะกรรมการพิจารณาเรื่องนี้ซึ่งเป็นนักวิชาการได้ยืนยันชัดเจนว่าไม่มีประเด็น ม.112 มาเกี่ยวข้อง
ถ้าดูตามรูปการณ์แล้วประเด็น ม.112 กับการนิรโทษกรรมไม่น่าจะเกี่ยวกัน นั่นหมายความว่ากรณี “ทักษิณ” จึงไม่น่าจะใช้วิธีนี้เพื่อให้รอดพ้นความผิด
ก็ต้องไปสู้กันในศาล
แต่ดูเสียงจากลูกสาวแล้วน่าจะสู้กันในชั้นศาลมากกว่าด้วยแนวทางว่าถูกกลั่นแกล้งใส่ร้ายจาก คสช.โดยไม่ได้ทำผิดจริง ไปวัดดวงกัน
แต่ในความเสี่ยงนี้ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
เพื่อความแน่นอนก็คือการเปิด “ดีลลับ” อีกรอบหนึ่ง เพื่อมั่นใจว่าจะไม่ถูกติดคุก!
“สายล่อฟ้า”
คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม