“นายกฯ เศรษฐา” เผย ทางการอินโดนีเซียร่วมมือไทยอย่างดี จับกุม “แป้ง นาโหนด” ด้าน “ทวี” ยัน 4 มิ.ย. รับตัวกลับถึงไทย บอกต้องไปที่นครศรีฯ ก่อน แจงใช้เครื่องบิน ทอ. งบ 6 แสน ถูกกว่าเครื่องพาณิชย์ 

เมื่อเวลา 07.55 น. วันที่ 3 มิถุนายน 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่ท้องสนามหลวง ถึงการจับกุม นายเชาวลิต ทองด้วง หรือ แป้ง นาโหนด ว่า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยังไม่ได้มีการรายงานล่าสุด แต่ก็ไม่มีอะไร เท่าที่ทราบน่าจะนำตัวเดินทางกลับมาในวันที่ 4 มิถุนายน 2567 ทุกอย่างก็ปล่อยไปตามกระบวนการของกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมาทุกอย่างดำเนินการถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ตามสิทธิที่เขาพึงจะได้รับ เพราะผู้ต้องหาก็ไม่ได้มีการต่อสู้ เข้าใจว่าเขายอมกลับมา อีกทั้งทางการอินโดนีเซียก็ให้ความร่วมมือกับทางการไทยดีมาก 

ต่อมาเวลา 08.00 น. พ.ต.อ.ทวี ให้สัมภาษณ์ภายหลังรายงานนายกรัฐมนตรี ถึงการรับตัว นายเชาวลิต ว่า ตอนนี้อยู่ในช่วงการประสานงานในการรับตัวกับทางประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเขาแจ้งว่าสามารถรับตัวได้ตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน แต่บังเอิญขาดเรื่องเอกสาร ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นความเข้มแข็งขององค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ หรือ (อินเตอร์โพล) นอกจากนี้ ทางประเทศอินโดนีเซียแจ้งว่า สามารถนำตัว นายเชาวลิต มาส่งให้ประเทศไทยได้ตามระบบกฎหมายของอินโดนีเซีย 

...

ดังนั้นวันนี้ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) จะมีการประชุมว่าจะใช้ช่องทางไหนได้ แต่ในหลักการคือวันที่ 4 มิถุนายนนี้ นายเชาวลิต ควรจะมาถึงเมืองไทยแล้ว และเนื่องจากกรณีดังกล่าวเป็นกรณีแรกที่หนีการควบคุมจากเรือนจำที่จ.นครศรีธรรมราช โดยหลักการเมื่อตำรวจสอบสวนเสร็จและแจ้งข้อหาแล้ว จะต้องนำไปขัง ณ ศาลที่เกิดเหตุ เพราะขณะนี้สำนวนยังไม่ได้โอนมา หลังจากนั้นจะเป็นเรื่องของอธิบดีกรมราชทัณฑ์ จะพิจารณาว่าจะนำตัว นายเชาวลิต ควบคุมตัวไว้ ณ ที่ใด ตนจึงขอให้ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมราชทัณฑ์ ไปประชุมกัน เพื่อให้มีประสิทธิภาพและไม่ให้เกิดเหตุการณ์เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาอีก

เมื่อถามถึงกรณีหาก นายเชาวลิตกลับไป จ.นครศรีธรรมราช แล้ว จะเกิดปัญหาอะไรตามมาหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวตอบว่า ได้ให้เจ้าหน้าที่ประเมินดู จากที่ตนลงพื้นที่ไป จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน ที่ผ่านมา ทราบว่าเจ้าหน้าที่มีการประชุมกันว่าเมื่อ นายเชาวลิต เดินทางมาถึงประเทศไทยจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง เพื่อให้การดำเนินการตามกฎหมายเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งเป็นเรื่องของการนำตัวคนผิดมาฟ้องและลงโทษ 

ขณะที่คำถามว่า มีความเป็นไปได้ใช่หรือไม่ที่จะนำตัว นายเชาวลิต มาดำเนินคดีในกรุงเทพมหานครโดยไม่ไปที่ จ.นครศรีธรรมราช ตามที่ นายเชาวลิต ขอร้อง พ.ต.อ.ทวี ระบุว่า ตอนนี้คดียังไม่ได้โอนมาที่ส่วนกลาง ดังนั้นจะต้องมีการสอบสวนที่ จ.นครศรีธรรมราช และ จ.พัทลุง ก่อน ซึ่งที่ จ.พัทลุง จะต้องมีการอายัดตัว แต่จากการฝากขังครั้งที่ 1 ครบ 48 ชั่วโมงแล้ว เมื่อศาลอนุมัติฝากขัง ศาลฎีกามีระเบียบว่าสามารถฝากขังครั้งต่อไปให้สามารถปรากฏตัวทางออนไลน์ได้ ก็อาจจะนำไปขังที่อื่น 

สำหรับประเด็นที่จะนำตัวมาส่วนกลางที่กรุงเทพฯ มีความเป็นไปได้มากกว่าใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี ตอบว่า เดิมเป็นความคิดของอธิบดีกรมราชทัณฑ์ที่อยากนำตัวมาไว้ที่กรุงเทพฯ แต่ตนก็บอกว่าต้องประชุมกันให้ดี และการนำตัว นายเชาวลิต กลับมาประเทศไทย มีบางกระแสที่บอกว่ามีการใช้งบประมาณที่ฟุ่มเฟือย ตนขอชี้แจงว่าทางเรามีการพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ เพราะถ้ามาเครื่องบินพาณิชย์ในเงื่อนไขเดิมจะแพงกว่าการที่มากับเครื่องบินของกองทัพอากาศ เพราะคณะของอินโดนีเซียที่มาส่งก็หลายคน 

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า สามารถเปิดเผยตัวเลขค่าใช้จ่ายในครั้งนี้ได้หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เท่าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) แจ้งประมาณ 600,000 บาท ทั้งค่าน้ำมันและค่าจอดเครื่องบิน พร้อมย้ำว่าเราพิจารณาแนวทางที่ดีที่สุด แต่สิ่งที่สำคัญคือต้องปฏิบัติตามกฎหมายโดยนำตัวผู้กระทำความผิดมาฟ้องร้อง และนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ ซึ่งเรื่องนี้ความจริงไม่ใช่เรื่องที่จะต้องน่าดีใจ มันเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ควรเกิด แต่เมื่อมันเกิดแล้วเราก็ต้องไปตรวจสอบว่ามันเป็นอย่างไร หนีไปอย่างไร หรือมีความเกี่ยวข้องกับใคร มีผู้บงการ ผู้ใช้ หรือผู้ช่วยเหลืออย่างไร และกรณีที่ นายเชาวลิตออกมา ร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากสื่อ แม้ว่าจะไม่ใช่พยานหลักฐานใหม่ แต่บุคคลที่เขาอ้างอิงถ้าเราไปสอบสวนแล้วมีความผิดก็จะเป็นหลักฐานใหม่ ฉะนั้น ก็ขอให้ทำหน้าที่ตรงนี้ก็แล้วกัน 

อย่างไรก็ตาม ในประเด็นว่าตอนนี้มีการหารือถึงสถานที่ที่จะนำตัว นายเชาวลิต ไปคุมขังหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี ตอบว่าว่า เรื่องนี้ขอให้ไปถามอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และในการไปรับตัว นายเชาวลิต ตนจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและกระทรวงยุติธรรมจะจัดทีมไปรับตัว.

(ภาพ : ธนัท ชยพัทธฤทธี)