“เศรษฐา” ตะลอนทัวร์วันหยุด ตรวจคืบหน้าขยาย คลองลัดโพธิ์ เดินชมตลาดบางน้ำผึ้ง-สวนสาธารณะนครเขื่อนขันธ์-มูลนิธิบ้านนกขมิ้น-มูลนิธิธารนุเคราะห์ รับปรึกษา “วิษณุ” ทำคำชี้แจงศาล รธน.เสร็จแล้ว เหลือแค่ปรับ แก้ไขเพิ่มเติมในบางจุด ย้ำให้ความสำคัญในทุกประเด็น มั่นใจทำสุจริต ถูกต้องทุกขั้นตอน “สรวงศ์” เชื่อนายกฯ ชี้แจงสบาย ยืนยันตั้ง “วิษณุ” ไม่สร้างแรงกระเพื่อมในเพื่อไทย “ดิเรกฤทธิ์” เย้ยนายกฯใช้ยอดนักกฎหมาย ก็ช่วยไม่ได้ พท.เตือนพูดจากดดันศาล ก.ก.จ่อแถลงสู้คดียุบพรรค ลั่นทำเต็มที่เพื่อปกป้องหลักการ สำนักงาน สถิติฯเช็กเรตติ้ง 6 เดือนรัฐบาล คนพอใจ 30 บาท รักษาทุกที่มากสุด “สมชาย” ปูดโพยก๊วนฮั้วเลือก สว.เป็นตุเป็นตะเปิดชื่อย่อผู้เข้ารอบสุดท้าย “เสรี” สวนอย่ากล่าวอ้างลอยๆ แฉมีคนคิดล้มกระดานหวังอยู่รักษาการยาว

หลังถูกสังคมจับตามองการแต่งตั้งนายวิษณุ เครืองาม เป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ด้านกฎหมาย หวังให้มาช่วยสู้คดีในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ ล่าสุด นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าปรึกษากับนายวิษณุ ทำร่างคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญเสร็จในเบื้องต้นแล้ว เหลือแค่แก้ไขเพิ่มเติมในบางจุด

...

นายกฯตรวจขยายคลองลัดโพธิ์

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 2 มิ.ย. ที่คลองลัดโพธิ์ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ติดตามการก่อสร้างขยายคลองลัดโพธิ์ เพื่อศึกษาโครงการประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์อันเนื่องมาจากโครงการพระราชดำริ ใช้เพิ่มประสิทธิภาพระบายน้ำในฤดูน้ำหลากได้ถึง 1,439 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะนี้ทางกรมชลประทานกำลังมีการขยายคลองลัดโพธิ์เพิ่ม เพื่อให้สามารถระบายน้ำได้เพิ่มขึ้นและรวดเร็วมากขึ้น คาดว่าจะก่อสร้างเสร็จภายใน 2 เดือน ขณะที่ชาวบ้านต่างขอ ถ่ายรูปพร้อมกับบอกได้ว่าดีใจที่นายกฯมาถึงหน้าบ้าน จากนั้นเดินทางมาที่สวนสาธารณะนครเขื่อนขันธ์ ติดตามการดำเนินงานพัฒนาสวนสาธารณะร่วมกันของ จ.สมุทรปราการ กรมป่าไม้ และสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) เป็นพื้นที่พักผ่อนคนในชุมชน และเดินเยี่ยมชมสินค้าและผลิตภัณฑ์ชุมชนที่นำมาออกร้าน โดยนายกฯได้ซื้อน้ำพิลังกาสา หนึ่งในตระกูลเบอร์รี นำมาทำเป็นเครื่องดื่มคราฟต์ เพื่อนำไปเสิร์ฟรับแขกที่ทำเนียบรัฐบาล พร้อมระบุว่า ให้เสิร์ฟพร้อมกับบรรจุภัณฑ์เลย ให้แขกที่สนใจสามารถ สั่งซื้อจากชุมชนได้ และได้ปลูกต้นกันเกราเป็นที่ระลึก

เดินตลาดบางน้ำผึ้งหยอกผู้สูงอายุ

ต่อมานายเศรษฐาเดินทางมาที่ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง เข้ากราบนมัสการ พระครูสังฆรักษ์ไพชน สิริธมโม เจ้าอาวาสวัดบางน้ำผึ้งใน เจ้าอาวาสได้มอบ ท้าวเวสสุวรรณองค์จำลอง พระอุปคุต และยันต์มหาเศรษฐี ดิจิทัล รวยพันล้านให้นายกฯ ก่อนจะเดินเยี่ยมชมตลาดบางน้ำผึ้ง โดยมีพ่อค้าแม่ค้าประชาชนที่มาเที่ยว ตลาดบางน้ำผึ้งเข้ามาทักทาย ขอถ่ายรูปกับนายกฯกันคึกคัก หลายคนชมว่า “ตัวจริงหล่อ ขาว ไม่แก่” ช่วงหนึ่งมีผู้สูงอายุเข้ามาขอถ่ายรูป เป็นจังหวะที่นายกฯ กำลังจะรับประทานไอศกรีม จึงได้ป้อนไอศกรีมให้กับ ผู้สูงอายุที่มาขอถ่ายรูปด้วย

แบ่งเงินเดือนช่วยเด็ก-ผู้สูงอายุ

จากนั้นเวลา 14.30 น.นายเศรษฐาลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและติดตามการทำงานมูลนิธิบ้านนกขมิ้น เขตบึงกุ่ม กทม. มีการแบ่งเงินเดือนจำนวน 50,000 บาท บริจาคให้กับมูลนิธิบ้านนกขมิ้น และนำขนมมามอบให้กับเด็กๆ จากนั้นได้สอบถามถึง ความต้องการที่ขาดเหลือจากทางมูลนิธิ พร้อมกันนี้ ยังร่วมเล่นบาสเกตบอลกับเด็กๆอย่างสนุกสนาน จากนั้นนายกฯเดินทางต่อมาที่มูลนิธิธารนุเคราะห์ สถานพักฟื้นคนชราบางเขน และบริจาคเงินเดือนจำนวน 50,000 บาท ให้กับมูลนิธิเช่นเดียวกัน นายเศรษฐากล่าวว่า การแบ่งเงินเดือน 50,000 บาท มาให้ ไม่ใช่สาระสำคัญ สาระสำคัญคือมูลนิธินี้อยู่มานานช่วยดูแลผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ ถือเป็นเรื่องที่ดี ที่สังคมไทยไม่เคยทอดทิ้งคนที่ลำบาก เข้าใจว่าคนที่อยู่ที่นี่อยู่อย่างมีความสุข อยากขอร้องวิงวอนผู้ที่มีกำลังช่วยเหลือผู้สูงอายุให้มาช่วยกัน เพราะผู้สูงอายุ ต้องการการเยียวยาทางจิตใจ มาช่วยกันดูแลสังคมไทยให้แข็งแรง จากนั้นเดินเยี่ยมชมห้องรับประทานอาหาร ห้องสันทนาการ และห้องพัก พบว่าห้องพักสำหรับผู้สูงอายุ ไม่มีการออกแบบสำหรับผู้สูงอายุที่ต้องใช้รถวีลแชร์ หรือผู้ที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ จึงมอบหมายให้ทีมงานมาดำเนินการทำห้องสำหรับผู้สูงอายุที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้โดยเฉพาะ รวมถึงติดมุ้งลวดให้ทุกห้อง และปรับปรุงพื้นที่ส่วนออกกำลังกายให้เหมาะสม

มุ่งต่อยอดโครงการพระราชดำริ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเศรษฐายังทวีตผ่าน เอกซ์ว่า มาศึกษาโครงการประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์อันเนื่องมาจากโครงการพระราชดำริ เพื่อใช้เพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำในฤดูน้ำหลาก ได้ถึง 1,439 ล้านลูกบาศก์เมตร จากแต่ก่อนที่เส้นทางน้ำมีความยาวกว่า 18 กม. เพราะเป็นคลองคด หลังสร้างคลองลัดโพธิ์ เป็นประตูระบายน้ำ 4 ช่อง ทำหน้าที่ระบายน้ำและหน่วงน้ำเค็ม เส้นทางระบายน้ำมีความยาวลดลงเหลือเพียง 600 เมตร ใช้เวลาระบายน้ำจากเดิม 5 ชั่วโมง เหลือเพียง 10 นาทีเท่านั้น ทำให้น้ำไม่ท่วมแม้กระทั่งช่วงน้ำท่วมหนักปี 2554 ถือเป็นความรู้ที่ต้องศึกษาเพื่อเป็นแบบอย่างในหลายๆพื้นที่ โครงการพระราชดำริเป็นสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญ และตั้งใจนำมาต่อยอดเพื่อสร้างประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชนในทุกพื้นที่ จึงฝากให้กรมชลประทานไปสำรวจแม่น้ำที่มีลักษณะคล้ายกันทั่วประเทศ ภายใต้หลักลงทุนน้อยแต่ประชาชนได้ประโยชน์มาก

ดันบางกระเจ้าดึงนักท่องเที่ยว

นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ จ.สมุทรปราการ ว่า โครงการประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ฯ เป็นคลองที่ช่วยจัดการน้ำไม่ให้ท่วม ทำให้การระบายน้ำ เร็วขึ้น โครงการดังกล่าวในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมองเห็น จึงมีกระแสรับสั่งให้ปรับปรุง ทั้งนี้ ต้องมีการนำงบ ประมาณมาช่วยซ่อมแซม และจะเชิญบุคคลที่มีความสามารถมาช่วยพัฒนาต่อยอด ส่วนจุดที่สอง สวนสาธารณะและสวนพฤกษชาติศรีนครเขื่อนขันธ์ หรือคุ้งบางกระเจ้า โครงการในพระราชดำริ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติเชิงอนุรักษ์และพักผ่อน ส่วนตัวมองว่ายังมีการสนับสนุนน้อยเกินไป วันที่ 4 มิ.ย.นี้ จะเชิญผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา มาร่วมพูดคุยวางแผนรับนักท่องเที่ยวในไตรมาส 4 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ มาท่องเที่ยวหลายวัน หากรัฐบาลมาสนับสนุนแหล่ง ท่องเที่ยวจุดนี้ เชื่อว่าความเป็นอยู่ของประชาชนจะดีขึ้น

สั่งระดมขุดทั่วประเทศกันน้ำท่วม

นายเศรษฐากล่าวอีกว่า ในพื้นที่ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ยังมีพื้นที่คล้ายกับคลองลัดโพธิ์ จะพูดคุยกับปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ว่ายังมีพื้นที่บางจังหวัดที่อาจตกหล่นให้ไปสำรวจว่าจุดไหนสามารถขยายหรือขุดให้การระบายน้ำดีขึ้น เป็นหนึ่งในกระบวนการที่รัฐบาลได้ทำไว้ ช่วงที่ผ่านมา ตนได้คุยกับ สส.ในพื้นที่ เช่น อำเภอวารินชำราบ จังหวัด อุบลราชธานี มีน้ำท่วมตลอด ตนก็จะลงพื้นที่ไปดู

ปรึกษา “วิษณุ” ทำคำชี้แจงศาล รธน.

นายเศรษฐายังให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการจัดทำคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ ตามคำร้องที่ 40 สว. ยื่นถอดถอนว่า เบื้องต้นคำชี้แจงร่างแรกเสร็จสิ้นแล้ว แต่ต้องแก้ไขเพิ่มเติมในบางจุด จะครบกำหนดส่งคำชี้แจงในวันที่ 10 มิ.ย. แต่ต้องดูว่าจะสามารถส่งได้วันที่เท่าไหร่ เราให้ความสำคัญในทุกประเด็น ยืนยันว่าทุกขั้นตอนในการแต่งตั้งทำถูกต้องตามกฎหมาย แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ต้องให้เกียรติท่าน ขอไม่พูดว่ามั่นใจหรือไม่มั่นใจ แต่มั่นใจว่าทำด้วยความสุจริต เมื่อถามว่าคำชี้แจงต้องมีการยืนยันหรือไม่ว่านายพิชิต ชื่นบาน อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กฎหมายกำหนด นายเศรษฐาตอบว่า ทุกอย่างอยู่ในคำชี้แจง คงไม่ใช้เวทีของสื่อมวลชนมาพูดว่าอะไรเป็นอะไร เมื่อถามว่า การทำคำชี้แจงได้มีการปรึกษานายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ด้านกฎหมายหรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า มีการปรึกษานายวิษณุ เพราะเป็นหนึ่งในคนที่ต้องไปขอคำปรึกษา

“สรวงศ์” เชื่อ “เศรษฐา” ชี้แจงได้

นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ว่าทางพรรคไม่ได้มีส่วนสนับสนุนช่วยนายกฯทำคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพราะนายเศรษฐามีทีมงานอยู่แล้ว ส่วนทีมกฎหมายที่ปรึกษาอยู่คือนายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เมื่อถามว่ามั่นใจว่านายกฯจะสามารถชี้แจงความบริสุทธิ์ใจในการแต่งตั้งนายพิชิตได้หรือไม่ นายสรวงศ์ตอบว่า จริงๆก็ไม่น่ายาก นายกฯเป็นคนตรงไปตรงมา ต้องดูที่เจตนาว่านายเศรษฐาคงไม่มีเจตนาอย่างอื่น นอกจากอยากให้นายพิชิตมาช่วยงานด้านกฎหมาย เพื่อผลักดันกฎหมายของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เข้าสภาฯมากขึ้น เมื่อถามว่าได้พูดคุยกับนายเศรษฐาบ้างหรือไม่ นายสรวงศ์ตอบว่า เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ได้เจอกับนายเศรษฐาก็ให้กำลังใจท่านอยู่ ท่านทำงานไม่ได้มีปัญหาอะไร

ตั้ง “วิษณุ” ไม่สร้างแรงกระเพื่อม

นายสรวงศ์กล่าวยังถึงกรณีกระแสข่าวสมาชิกพรรคบางส่วนไม่พอใจที่นายเศรษฐาตั้งนายวิษณุ เครืองาม เป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี จะทำให้เกิดแรงกระเพื่อมในพรรคหรือไม่ว่า เป็นความคิดเห็น ส่วนตัวของสมาชิกพรรคบางคน แต่มีการพูดคุยกันว่าหากเป็นเจตนารมณ์ของนายกฯก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะเราทำงานแยกกันชัดเจน หากนายเศรษฐาเห็นว่าอะไรที่จะก่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศ ชาติมากที่สุด พวกเราพรรคเพื่อไทยก็พร้อมสนับสนุน เมื่อถามว่ามั่นใจว่าจะไม่เกิดรอยร้าวในพรรคใช่หรือไม่ นายสรวงศ์ตอบว่า “มั่นใจครับว่า ไม่มีเรื่องนี้แน่นอน เพราะจริงๆ แล้วอาจารย์วิษณุไม่เคยทำร้ายอะไรพรรค ท่านเป็นที่ปรึกษารัฐบาลแต่ละรัฐบาลมาเท่านั้น ไม่ได้มีอะไร” เมื่อถามว่าในที่ประชุมพรรควันที่ 4 มิ.ย. จะมีการพูดคุยเรื่องนี้หรือไม่ นายสรวงศ์ตอบว่า ไม่น่ามี น่าจะเป็นเรื่องการไปลงพื้นที่แล้วมาพูดคุยกันว่ามีปัญหาอะไรที่จะสะท้อนต่อพรรค อีกเรื่องจะพูดคุยเรื่องร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 และร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ที่จะเข้าสู่สภาฯช่วงวันที่ 18-21 มิ.ย.นี้

“ภูมิธรรม” ยังไม่ได้ยินคน พท.ค้าน

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่ากรณีนายกฯแต่งตั้งนายวิษณุ เครืองาม เป็นที่ปรึกษาฯนั้น คนที่มีความรู้ความสามารถ ได้มีโอกาสมาช่วยงานรัฐบาลถือเป็นสิ่งที่ดี และนายกฯเปิดกว้างให้ทุกคนทุกฝ่ายเข้ามาช่วยกันทำงาน ส่วนตัวยังไม่ได้ยินกระแสของคนในพรรคเพื่อไทยที่ไม่เห็นด้วยกับการแต่งตั้งนายวิษณุ ส่วนที่ถูกมองว่านายวิษณุเป็นรัฐมนตรีในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั้น มองว่าเป็นการช่วยในสิ่งที่นายวิษณุรู้และได้ประโยชน์กับประเทศชาติ และช่วงเริ่มจัดตั้งรัฐบาลก็พยายามสลายฝักฝ่ายอยู่แล้ว ดังนั้น ใครที่มีความรู้ก็พยายามเชิญมาช่วยงาน เรื่องนี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลพูดชัดเจนตั้งแต่ช่วงตั้งรัฐบาลแล้ว ไม่ใช่เรื่องที่จะแบ่งฝักแบ่งฝ่าย แต่เป็นเรื่องว่าประเทศต้องการอะไร และอะไรที่เป็นประโยชน์ อย่างไรก็ตาม ไม่ได้พูดคุยกับนายกฯ ก่อนการหารือกับนายวิษณุถึงการเชิญให้มาเป็นรองนายกฯ แต่มองว่าเป็นที่ปรึกษาของนายกฯถือว่ามีความเหมาะสม

“ดิเรกฤทธิ์” ป้องศาล รธน.ไม่มีดีล

ขณะที่นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม สว. โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “มีประเด็นที่ควรพูดคุยให้ประชาชนเข้าใจหลายจุด ได้แก่ 1.ศาลและองค์กรตามรัฐธรรมนูญมีบุคลากรและระบบที่เป็นอิสระ เป็นเสาหลักของบ้านเมืองที่ไม่มีใครสั่งการ และใช้ไป ต่อรองทางการเมือง (ดีล) กับใครหรือฝ่ายใดได้ 2.กรณีเรื่อง 40 สว. ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ตรวจสอบความซื่อสัตย์ของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี เป็นประเด็นหัวใจของประชาธิปไตยไทย 3.การต่อสู้คดีในศาลรัฐธรรมนูญของนายกฯ มีจุดเป็นหรือตายที่ข้อเท็จจริงการกระทำที่ผ่านมาแล้ว ใครก็ช่วยไม่ได้ ยอดนักกฎหมายก็ช่วยไม่ได้”

พท.เตือน สว.พูดจากดดันศาล

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวตอบโต้นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม สว. ว่า การแสดงความเห็นใดต้องอยู่บนพื้นฐาน ของความระมัดระวัง เพราะคดีอยู่ในการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ นายดิเรกฤทธิ์เป็นผู้ร้อง ไม่ใช่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ การแสดงความเห็นที่เป็นการชี้นำ หรือกดดันศาลรัฐธรรมนูญต้องระมัดระวัง นายเศรษฐายืนยันมาตลอดว่าพร้อมรับการตรวจสอบ และเคารพในกระบวนการยุติธรรม การออกมาพูดในลักษณะกดดันและชี้นำศาลรัฐธรรมนูญ ประชาชนไม่ได้ประโยชน์ หลังการเลือกตั้งประเทศชาติสงบ มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนมาทำงาน ชอบไม่ชอบ ถูกใจไม่ถูกใจ ครบ 4 ปี ก็ไปถามประชาชนในคูหาเลือกตั้ง เป็นความงดงามในระบอบประชาธิปไตย ไม่ควรมีใครหวังฟลุกให้เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองเพื่อจะเปลี่ยนแปลงตัวนายกฯ หรือเปลี่ยนแปลงรัฐบาลด้วยวิธีการนอกรัฐธรรมนูญ แม้แต่ สว.ชุดเดียวกันก็ยังไม่เห็นด้วยกับนายดิเรกฤทธิ์และพวกทั้งหมด การลงชื่อร้องเอาผิดนายกฯทั้งๆที่ สว.หมดวาระไปแล้ว ทำได้หรือไม่ยังเป็นประเด็นที่เป็นข้อถกเถียง ดังนั้น การออกมาพูดอะไรที่ทำให้สังคมขัดแย้งแตกแยกเพิ่มขึ้น ต้องระมัดระวัง

ก้าวไกลจ่อแถลงสู้คดียุบพรรค

ด้านนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงการยื่นคำชี้แจงต่อสู้คดีล้มล้างการปกครองของพรรคต่อศาลรัฐธรรมนูญว่า เราดำเนินการตามกระบวนการ จะยื่นในวันที่ 4 มิ.ย.นี้ คาดว่าเป็นการแถลงถึงแนวทางการต่อสู้ทางคดี พร้อมเผยแพร่เอกสารที่ทางพรรคจะยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 9 มิ.ย.ตามลำดับ ที่ผ่านมาพรรคทำเต็มที่ในสิ่งที่สามารถทำได้เพื่อยืนยันแนวทางการต่อสู้คดีนี้ ยืนยันว่าเราทำเต็มที่ในการปกป้องรักษาพรรค ถือเป็นภารกิจสำคัญที่แสดงออกว่าไม่ใช่เฉพาะการปกป้องพรรค แต่ถือเป็นการยืนยันในหลักการที่พรรคเห็นว่าถูกต้องอีกด้วย ไม่ได้ทำให้เราเสียสมาธิในการทำงานด้านอื่น โดยเฉพาะการทำหน้าที่ของ สส.พรรคในสภา ที่เราทำควบคู่กับการต่อสู้คดี โดย สส.ของพรรคเตรียมงานในสภาเต็มที่ ทั้งในเรื่องร่าง พ.ร.บ.การจัดทำประชามติ และการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 ยืนยันว่าพรรค ก.ก.เรายังคงเดินหน้าอย่างเต็มที่และมีความเป็นเอกภาพ

สำนักงานสถิติฯเช็กเรตติ้งรัฐบาล

ที่ทำเนียบรัฐบาลเวลา 10.00 น. นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมนางปิยนุช วุฒิสอน ผอ.สำนักงานสถิติแห่งชาติ น.ส.สุวรรณี วังกานต์ รอง ผอ.สำนักงานสถิติแห่งชาติ ร่วมแถลงผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อการบริหารงานของรัฐบาล พ.ศ.2567 (ครบ 6 เดือน) นายชัยกล่าวว่า การสำรวจทำโดยวิธีสัมภาษณ์ประชาชนอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไปทุกจังหวัดทั่วประเทศ จำนวน 6,970 คน ระหว่างวันที่ 22 เม.ย.-15 พ.ค. พบว่ามีการติดตามรับรู้ข้อมูลข่าวสารของรัฐบาลถึงร้อยละ 83.9 แหล่งข้อมูลที่ติดตามมากที่สุด คือ โทรทัศน์ ร้อยละ 69.6 รองลงมา ได้แก่ เฟซบุ๊ก ร้อยละ 46.2 เว็บไซต์ ร้อยละ 23.8 ทั้งนี้ประชาชนร้อยละ 44.3 มีความพึงพอใจมากถึงมากที่สุดต่อการดำเนินงานของรัฐบาล (มากที่สุดร้อยละ 5.6 และมากร้อยละ 38.7) ปานกลางร้อยละ 39.6 ขณะที่น้อย-น้อยที่สุดร้อยละ 14.1 (น้อยร้อยละ 11.1 และน้อยที่สุดร้อยละ 3.0) มีที่ไม่พึงพอใจเลยร้อยละ 2.0 โดยประชาชนในชายแดนภาคใต้มีความพึงพอใจในระดับมาก-มากที่สุด ในสัดส่วนที่สูงกว่าภาคอื่น

30 บาทรักษาทุกที่มาอันดับหนึ่ง

นายชัยกล่าวอีกว่า ส่วนนโยบายที่ประชาชนพึงพอใจ พบว่าพึงพอใจมาก-มากที่สุดต่อนโยบาย 30 บาท รักษาทุกที่ ร้อยละ 68.4 มาตรการพักหนี้ เกษตรกร ร้อยละ 38.9 มาตรการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว ร้อยละ 33.1 มาตรการลดค่าไฟ ร้อยละ 32.8 และมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบ ร้อยละ 29.3 ด้านความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลในการแก้ปัญหาประเทศ พบว่าร้อยละ 41.9 มีความเชื่อมั่นมาก-มากที่สุด (มากที่สุดร้อยละ 5.2 และมากร้อยละ 36.7) ปานกลางร้อยละ 39.6 ขณะที่น้อย-น้อยที่สุดร้อยละ 15.8 (น้อยร้อยละ 12.4 และน้อยที่สุดร้อยละ 3.4) มีที่ไม่เชื่อมั่นเลยร้อยละ 2.7 สำหรับผู้ที่มีการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรีมีความเชื่อมั่นในระดับมาก-มากที่สุด ในสัดส่วนที่สูงกว่าผู้ที่มีการศึกษาปริญญาตรีขึ้นไป ขณะที่ผู้มีรายได้น้อยมีความเชื่อมั่นในระดับมาก-มากที่สุด ในสัดส่วนที่ สูงกว่าผู้ที่มีรายได้มาก และเรื่องที่ประชาชนต้องการให้รัฐบาลดำเนินการเร่งด่วน 5 อันดับแรก ได้แก่ ควบคุมราคาสินค้าอุปโภค-บริโภค ร้อยละ 75.3 ลดค่าไฟฟ้า ร้อยละ 46.6 แก้ปัญหาน้ำมันราคาแพง ร้อยละ 29.5 แก้ปัญหายาเสพติด ร้อยละ 26.3 และแก้ปัญหาราคาพืชผลตกต่ำ ร้อยละ 16.9

“สมชาย” ปูดโพยก๊วนฮั้วเลือก สว.

วันเดียวกันนายสมชาย แสวงการ สว. โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “ฮั้วเลือก สว. บล็อกโหวต โพยก๊วนฮั้ว รู้คนได้ สว.แล้ว แต่ กกต.ไม่รู้ กกต.ช่วยตอบหน่อยว่าเหตุใดยังไม่ถึงวันเลือกรอบแรกในระดับอำเภอตามที่ กกต.กำหนดนัดหมาย เหตุใดในบัญชีโพยผู้สมัครทั่วประเทศ มีรายชื่อผู้ผ่านเข้ารอบ ผ่านด่านจากอำเภอ และผ่านจังหวัดไปเข้ารอบตัดเชือกเลือกใน ระดับประเทศแบบนอนมาถึง 149 คนแล้ว มีช่องว่างหรือบกพร่องตรงไหน บกพร่องตรงกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญหรือระเบียบ กกต. หรือการจัดฮั้วส่งคน block vote ของพรรคการเมือง หรือ กกต.คาดไม่ถึงแบบที่ กรธ.บางท่านยอมรับ เรื่องนี้ต้องร้องส่งศาลรัฐธรรมนูญตามคำแนะนำของอดีต กรธ. นายชาติชาย ณ เชียงใหม่ เพื่อแก้ไขด้วยหรือไม่อย่างไร อยากได้คำตอบจาก กกต.”

เป็นตุเป็นตะชื่อย่อเข้ารอบสุดท้าย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเฟซบุ๊กของนายสมชาย มีการนำข้อมูลที่ระบุว่าเป็นรายชื่อผู้สมัคร สว. ที่ผ่านการคัดเลือกจากระดับอำเภอ ระดับจังหวัด เบื้องต้น จำนวน 149 คน ที่ได้เข้ารอบตัดเชือกไปรอในระดับประเทศมาเปิดเผยเป็นข้อมูลที่ผู้สมัคร สว.ทั่วประเทศรู้กันแล้ว แต่ กกต.อาจยังไม่รู้ โดยเป็นอักษรย่อชื่อ-สกุล เลขกลุ่มและจังหวัด อาทิ มา, ณร 9 เพชรบูรณ์ ภค, วล 12 เพชรบูรณ์ วุ, โร 12 เพชร บูรณ์ ยง, สร 8 แพร่ สุ กึ 8 แพร่ กฤ, ทอ 11 แพร่ สุ, ธร 10 แม่ฮ่องสอน กิ, วิ 12 แม่ฮ่องสอน สา, วง 12 กระบี่ อธ, ดำ 12 กระบี่ สห, รุ 10 กาญจนบุรี กา, จา 17 กาญจนบุรี มา, จำ 9 กาฬสินธุ์ ศุ, สร 9 กาฬสินธุ์ สุ, สุ 10 กำแพงเพชร ก่อนระบุทิ้งท้ายว่า “กกต.มีหน้าที่อย่าขี้ลืม”

“เสรี” สวนอย่ากล่าวอ้างแบบลอยๆ

นายเสรี สุวรรณภานนท์ สว. ประธานกรรมาธิการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา กล่าวถึงประเด็นโพยก๊วนฮั้วเลือก สว.ว่า เชื่อว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะติดตามผ่านผู้ตรวจการเลือกตั้ง การกล่าวหาไม่ควรกล่าวอ้างแบบลอยๆ ควรมีหลักฐานมาแสดงหรือบุคคลที่อยู่ในการเลือก สว. ออกมายอมรับเอง การพูดโดยไม่ มีหลักฐานอาจมีเจตนาส่งให้เกิดกระบวนการล้มกระดานการเลือก สว. สร้างความเสียหายให้ประเทศ เพราะถึงเวลาต้องเปลี่ยน สว. แต่เปลี่ยนไม่ได้ อีกทั้ง รัฐธรรมนูญมีบทบัญญัติจำกัดวาระ สว.ไว้ แต่หากประกาศ สว.ใหม่ไม่ได้ คนเก่าอยู่ต่อ บ้านเมืองอาจวุ่นวายได้ แต่การฮั้วเลือก สว.หากมีหลักฐานต้องเอาผิด กกต.ต้องทำให้เรียบร้อย ส่วนไทม์ไลน์ที่กกต.วางไว้ว่าจะประกาศ สว.ใหม่ภายในวันที่ 2 ก.ค.นั้น สนับสนุนให้ประกาศไปก่อน หากมีประเด็นต้องตรวจสอบหรือเอาผิด สามารถย้อนหลังได้ เข้าใจว่ากระบวนการตรวจสอบเรื่องต้องใช้เวลา มีขั้นตอนตามกระบวนการยุติธรรมกว่าจะได้ข้อเท็จจริงเป็นข้อยุติ

แฉมีคนคิดล้มกระดานหวังอยู่ยาว

นายเสรีกล่าวว่า ส่วนที่มีผู้ระบุหากการเลือกสว.ส่อทุจริต ให้ กกต.ระงับการรับรองผลไปก่อน หากเร่งประกาศไปก่อนอาจผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 นั้น มองว่าเป็นเจตนาข่มขู่ กกต.รายวัน ตามกฎหมาย กกต.มีดุลพินิจ รัฐธรรมนูญให้สิทธิ กกต.ตัดสินใจ ไม่ว่าใครต้องยอมรับในหลักการและกระบวนการที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ทั้งนี้ กมธ.การเมืองฯไม่ได้ติดตามการเลือก สว. เพราะเขาห้ามให้ สว.เข้าไปยุ่ง หากไปยุ่งอาจมีประเด็นประโยชน์ทับซ้อนได้ ต้องยอมรับว่ากระบวนการเลือก สว.มีความโกลาหลพอสมควร โดยเฉพาะกระบวนการตรวจสอบคุณสมบัติ เช่น การเสียสิทธิผู้สมัครเพราะคุณสมบัติไม่ครบถ้วน บางอำเภอมีผู้สมัครรายเดียวทำให้เลือกไขว้ไม่ได้ ส่วนประเด็นการฮั้วหากมีหลักฐานต้องดำเนินคดีเป็นรายบุคคล แต่ไม่ควรล้มกระดานการเลือก สว.ทั้งหมด กระบวนการล้มกระดานอาจทำให้บ้านเมืองปั่นป่วนได้ อาจมีคนที่ชอบและไม่ชอบให้อยู่ยาว

“สมชัย” ข้องใจ อสม.แท็กทีมสมัคร

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะผู้สมัคร สว.โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “อสม.อาจยกทีมเข้ารอบ ทิ้งแพทย์ พยาบาล ตกกระป๋องตั้งแต่รอบแรก ระดับอำเภอ การเลือก สว.กลุ่ม 4 การสาธารณสุข ได้แก่ แพทย์ทุกประเภท เทคนิคการแพทย์ สาธารณสุข พยาบาล เภสัชกร หรืออื่นๆในทำนองเดียวกันหมอต้องเรียน 6 ปี สาขาอื่นต้องเรียน 4 ปี ทั้งหมดต้องทำงานไม่น้อยกว่า 10 ปี จึงสมัครในกลุ่มนี้ได้ อสม.อบรม 12 ชั่วโมง หน้าที่เติมทรายกำจัดลูกน้ำยุงลาย วัดความดัน ตัดผมให้ผู้สูงอายุ ดูแลผู้ป่วยติดเตียง อาชีพหลักจริงเย็บผ้า ทำนา ก่อสร้าง ยกทีมมาสมัครในกลุ่ม 4 คำถามคือ ผอ.เลือก สว.ระดับอำเภอ ยอมให้สมัครกลุ่มนี้ได้อย่างไร คำตอบคือ ผู้สมัครประสงค์จะสมัครกลุ่มนี้และมีผู้รับรอง 1 คน ถูกต้องตามกฎหมาย หากใครคิดว่าผิดก็ไปร้องกันเอง ต้องถามซ้ำอีกรอบ กกต.มีไว้ทำไม

ภท.โต้ “สมศักดิ์” ฟังแต่กลุ่มต้าน

นายศุภชัย ใจสมุทร ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข เปิดรับฟังความคิดเห็นจากนักวิชาการสมาคมราชวิทยาลัย และเครือข่ายภาคประชาสังคม ที่เป็นกลุ่มต่อต้านไม่เอากัญชาตั้งแต่ต้น แต่ไม่นำบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกัญชา อาทิ แพทย์แผนไทย หมอพื้นบ้านผู้ป่วยที่ใช้กัญชารักษาตัวเอง มาร่วมแสดงความคิดเห็นฟังความด้านเดียวไม่รับฟังข้าราชการในกระทรวงสาธารณสุขที่เข้าใจเรื่องนี้เป็นการผิดหลักการรับฟังความคิดเห็นแบบมีส่วนร่วมของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย และไม่เป็นธรรม รัฐบาลปัจจุบันที่แถลงไว้กัญชาเพื่อการแพทย์ เพื่อสุขภาพ และเศรษฐกิจ จู่ๆจะเอาไปเป็นยาเสพติดอีกครั้ง ที่บอกว่าค่ารักษาคนที่ป่วยกัญชาสูงขึ้นจาก 3,000 ล้านบาท มาเป็น 20,000 ล้านบาท เอาข้อมูลมาจากไหน

ขู่ดึงกลับบัญชียาเสพติดผิด ก.ม.

นายศุภชัยกล่าวว่า การที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล อดีต รมว.สาธารณสุข ออกประกาศเรื่องกัญชาเป็นการดำเนินการตามกฎหมาย ตามนโยบายรัฐบาลและเจตนารมณ์ของประมวลกฎหมายยาเสพติดที่ปลดล็อกกัญชาจากยาเสพติด ของ พ.ร.บ.ยาเสพติด มิใช่การออกประกาศตามอำเภอใจ ช่วงนั้นคณะกรรมการยาเสพติดก็เห็นด้วยกับการปลดล็อก

นายสมศักดิ์สมัยเป็น รมว.ยุติธรรม ก็เห็นด้วย ผ่านมาไม่นานจู่ๆจะออกประกาศเพื่อยกเลิกประกาศดังกล่าว จึงไม่น่าจะชอบด้วยกฎหมาย และสวนทาง กับนโยบายรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภาเพราะประมวลกฎหมายยาเสพติดมีศักดิ์สูงกว่าประกาศกระทรวงที่รัฐมนตรีเตรียมออก จึงฝากได้โปรดพิจารณาทบทวนข้อกฎหมายให้ดีๆอย่าทำผิดกฎหมาย

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่