“นายกฯ นิด” ลุยผลักดันสมุทรปราการ เป็นแลนด์มาร์กแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เรียกผู้ว่าฯ ททท. รมว.กระทรวงท่องเที่ยวฯ หารือ 4 มิ.ย.นี้ ก่อนเดินทางไปบ้านนกขมิ้น และมูลนิธิธารนุเคราะห์ ควักเงินเดือนบริจาครวม 1 แสนบาท

วันที่ 2 มิถุนายน 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินงานในเขตพื้นที่ จ.สมุทรปราการ ว่า ได้รับฟังผลการดำเนินงานโครงการประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จากรองอธิบดีกรมชลประทาน ว่าเป็นคลองที่ช่วยจัดการน้ำไม่ให้ท่วม และทำให้การระบายน้ำเร็วขึ้น ซึ่งโครงการดังกล่าว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงทอดพระเนตรเห็น จึงมีกระแสรับสั่งให้ปรับปรุง ซึ่งมีการขยายเป็น 650 เมตร ทำให้มีการระบายน้ำที่ดีขึ้น ทั้งนี้ ต้องมีการนำงบประมาณมาช่วยซ่อมแซม และจะเชิญบุคคลที่มีความสามารถมาช่วยพัฒนาต่อยอดด้วย

ส่วนจุดที่สอง สวนสาธารณะและสวนพฤกษชาติศรีนครเขื่อนขันธ์ หรือ คุ้งบางกระเจ้า โครงการในพระราชดำริ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีธรรมชาติเชิงอนุรักษ์และพักผ่อน แต่ส่วนตัวมองว่ายังมีการสนับสนุนน้อยเกินไป โดยวันอังคาร (4 มิถุนายน 2567) ตนจะเชิญผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มาร่วมพูดคุย และวางแผนรับนักท่องเที่ยวในไตรมาส 4 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ มาท่องเที่ยวหลายวัน ซึ่งสถานที่แห่งนี้ถือเป็นปอดของคนกรุงเทพฯ และปริมณฑล อีกทั้งเชื่อมั่นว่านักท่องเที่ยวมาเที่ยวจะอยู่หลายวัน ตรงกับนโยบายของรัฐบาลที่สนับสนุนให้นักท่องเที่ยวมาอยู่นานและมีการใช้จ่ายในชุมชนมากขึ้น รวมทั้งมาท่องเที่ยวตลาดบางน้ำผึ้ง ได้เห็นภูมิปัญญาของชาวบ้าน หากรัฐบาลมาสนับสนุนแหล่งท่องเที่ยวจุดนี้ เชื่อว่าความเป็นอยู่ของประชาชนจะดีขึ้น

...

ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรียังระบุด้วยว่า ในพื้นที่ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ก็มีพื้นที่คล้ายกับคลองลัดโพธิ์ ตนจะพูดคุยกับปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และอธิบดี ว่ายังมีพื้นที่บางจังหวัดที่อาจจะตกหล่น จึงให้ไปสำรวจว่าจุดไหนที่สามารถขยายหรือขุดให้การระบายน้ำ ป้องกันน้ำท่วมให้ดีขึ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในกระบวนการที่รัฐบาลได้ทำไว้ ช่วงที่ผ่านมาตนได้คุยกับ สส.ในพื้นที่ เช่น อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี มีน้ำท่วมตลอด ตนก็จะลงพื้นที่ไปดู

ต่อมาเวลา 14.30 น. นายเศรษฐา ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและติดตามการทำงานมูลนิธิบ้านนกขมิ้น เขตบึงกุ่ม กทม. โดยนายกรัฐมนตรีได้แบ่งเงินเดือนจำนวน 50,000 บาท บริจาคให้กับมูลนิธิด้วย และทันทีที่มาถึงยังได้นำขนมวุ้นเป็ดจากตลาดบางน้ำผึ้งมามอบให้กับเด็กๆ จากนั้นสอบถามถึงความต้องการที่ขาดเหลือจากทางมูลนิธิ พร้อมเยี่ยมชมห้องต่างๆ ในการรับเลี้ยงและดูแลเด็กๆ พร้อมกันนี้ ยังได้ร่วมเล่นบาสเกตบอลกับเด็กๆ อย่างสนุกสนาน

จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เดินทางต่อไปที่มูลนิธิธารนุเคราะห์ สถานพักฟื้นคนชราบางเขน ซึ่งนายกรัฐมนตรี ก็ได้บริจาคเงินเดือนอีก 50,000 บาท ให้กับมูลนิธิเช่นเดียวกัน ทั้งนี้นายเศรษฐา ได้กล่าวขอบคุณมูลนิธิที่ช่วยเหลือภาคส่วนที่มีความเปราะบาง เพราะคนเราเกิดมาไม่เท่ากัน การที่ตนได้แบ่งเงินเดือน 50,000 บาท มาให้ไม่ใช่สาระสำคัญ เพราะสาระสำคัญคือมูลนิธินี้อยู่มานาน ช่วยดูแลผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เป็นเรื่องที่สังคมไทยไม่เคยทอดทิ้งคนที่ลำบาก ตนเข้าใจว่าคนที่อยู่ที่นี่ก็อยู่อย่างมีความสุข มีเพื่อนในวัยเดียวกันมาพูดคุยกัน แต่หลายท่านก็คงยังมีญาติพี่น้อง หากญาติพี่น้องฟังอยู่ก็อยากจะบอกว่า ผู้สูงอายุได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากมูลนิธิ แต่หากท่านใดมีเวลาว่างก็ขอให้แวะมาเยี่ยมมาหาญาติพี่น้องที่อยู่ที่ด้วย เชื่อว่าจะเป็นสิ่งที่ช่วยชะโลมใจสำหรับผู้สูงอายุที่อยู่ที่นี่

นายเศรษฐา กล่าวต่อไป ตนเองแม้จะมีภารกิจเยอะ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมีหน้าที่ดูแลทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นเด็กกำพร้า ผู้สูงอายุ หรือผู้ประสบอุทกภัยหรือภาคส่วนต่างๆ ก็เป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีที่จะต้องดูแล จึงอยากจะขอร้อง วิงวอน ใครที่มีกำลังช่วยเหลือผู้สูงอายุให้มาช่วยกัน เพราะผู้สูงอายุต้องการการเยียวยาทางด้านจิตใจ มาช่วยกันดูแลสังคมไทยให้แข็งแรง

จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้ไปพบปะกับผู้สูงอายุ พร้อมสอบถามถึงความเป็นอยู่และการดูแลจากมูลนิธิ พร้อมเยี่ยมชมห้องรับประทานอาหาร ห้องสันทนาการ และห้องพัก ซึ่งพบว่าห้องพักสำหรับผู้สูงอายุไม่มีการออกแบบให้สำหรับผู้สูงอายุที่ต้องใช้รถวีลแชร์หรือผู้ที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ จึงมอบหมายให้ทีมงานมาดำเนินการทำห้องสำหรับผู้สูงอายุที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้โดยเฉพาะ รวมถึงติดมุ้งลวดให้กับทุกห้อง และปรับปรุงพื้นที่ส่วนออกกำลังกายให้เหมาะสมกับผู้สูงอายุ.