ว่ากันให้ถึงที่สุดรัฐบาล “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีนับแต่เข้ามาบริหารประเทศ จนถึงวันนี้เกือบจะ 10 เดือนเข้าไปแล้ว
ยังไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน ที่พอจะเชิดหน้าชูตาได้
เพราะสภาพความเป็นไป และทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนเป็นเรื่องของ “คน” การเมืองในรัฐบาลเท่านั้น
ไม่ใช่เรื่องของชาวบ้านแม้แต่น้อย
ที่เป็นชิ้นเป็นอันพอจะมองเห็นเข้าท่าเข้าทางหน่อย คือเป็นรูปธรรมที่พอจะบอกว่า นี่คือผลงานของรัฐบาล
คือเรื่อง “ท่องเที่ยว”...
แม้จะเป็นของตายที่หลายรัฐบาล ก็หากินมาจากเรื่องนี้ทั้งนั้น เพียงแต่ว่ารัฐบาลไหนจะทำให้เกิดผลมากน้อยแก่กันเท่านั้น
“ท่องเที่ยว” นั้นทำรายได้มาอันดับ 1 ช่วยทำให้เศรษฐกิจของประเทศอยู่มาได้จนทุกวันนี้ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากจีนที่นำเงินมาทิ้งให้ไทยไว้มากที่สุด
ปัจจุบันก็ยังเป็นอย่างนั้นอยู่
ที่บอกว่ารัฐบาลชุดนี้มีผลงานที่เป็นรูปธรรม ก็คือนโยบายต่างๆที่ออกมานั้นเข้าเป้าตรงจุด และมองถึงอนาคตข้างหน้าได้
อย่างเรื่อง “วีซ่าฟรี” ที่รัฐบาลได้พยายามเจรจา และดำเนินการมาจนถึงวันนี้ มีถึง 93 ประเทศแล้ว ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นอย่างดีและได้ผลชัดเจน
เพราะสามารถเป็นตัวกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวอยากมาเมืองไทยมากขึ้น เพราะความสะดวก นึกอยากจะมาก็มาได้ทันที
นอกจากนั้น การวางแผนจัดกิจกรรมว่าด้วยเทศกาลต่างๆ ก็ได้ผลดี อย่างเทศกาลสงกรานต์ ที่กำหนดงานทั้งเดือน และโปรโมตให้นักท่องเที่ยวต่างชาติได้รับรู้ ก็ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ
ที่เป็นรูปธรรมก็คือ การปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพ ทำให้การเดินทางสะดวกรวดเร็วในสนามบินต่างๆ โดยเฉพาะสุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ เป็นต้น
...
การที่นายกรัฐมนตรีมีแนวคิด ที่จะผลักดันให้ไทยเป็น “ฮับการบิน” ด้วยนโยบายขยายสนามบินต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยวต่างๆ
เป็นแนวทางที่มีความเป็นไปได้ ทำได้ง่ายที่สุด
เพราะไม่ต้องทำอะไรมาก เพียงแค่ขยายสนามบินให้รองรับนักท่องเที่ยวได้จำนวนมากขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพการบริการให้รวดเร็ว และสะดวกสบายมากขึ้นเท่านั้น
แนวคิดอีกอย่างที่ต้องสนับสนุนก็คือ การจัดกิจกรรมต่างๆ ที่ทำให้นักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น อย่างการจัดคอนเสิร์ตระดับโลก หรือกีฬาที่ชาวโลกนิยม
เหล่านี้ล้วนส่งเสริมซึ่งกันและกัน เพียงแต่ต้องบริหารและจัดการให้ดีเท่านั้น
ต่างประเทศส่วนใหญ่แล้ว เรื่องท่องเที่ยวนั้นเขาให้ความสำคัญเหมือนกัน แต่เป็นเพียงการเสริมรายได้เท่านั้น
ไม่ใช่รายได้หลัก
แต่ประเทศไทยนั้นเป็นรายได้หลัก เนื่องจากเราไม่มีกิจการที่ทำรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ ได้อย่างที่นายกรัฐมนตรีขายไอเดียว่า ไทยควรจะเป็นฮับการเงิน ฮับอะไรต่อมิอะไร ที่ขายไอเดียไปนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก
ยิ่งระบบการศึกษาของไทยเป็นอย่างนี้ด้วยแล้ว
อย่าไปคิดอะไรที่เกินตัว โดยไม่ได้มองถึงสภาพความเป็นจริง!
“สายล่อฟ้า”
คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม