จับตา "บ้านจันทร์ส่องหล้า" หลัง อสส.สั่งฟ้อง "ทักษิณ" คดีผิดมาตรา 112 มีตำรวจ สน.บางพลัด และนอกเครื่องแบบ ดูแลพื้นที่ หลังทักษิณ ไม่ได้เดินทางไปฟังคำสั่ง "อัยการสูงสุด"
วันที่ 29 พฤษภาคม 2567 จากกรณีภายหลังอัยการสูงสุด มีคำสั่งฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 112 และพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 3, 14(3) พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 มาตรา 8 โดยมีการเลื่อนคำฟังคำสั่งไปเป็นวันที่ 18 มิ.ย. 2567 เหตุเพราะนายทักษิณ ไม่ได้มาพบพนักงานอัยการตามกำหนดนัด เนื่องจากมีอาการป่วย เพราะติดโควิด และได้มอบอำนาจให้ทนายความมายื่นขอเลื่อนการฟังคำสั่งของพนักงานอัยการ
โดยบรรยากาศที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ซึ่งเป็นบ้านพักส่วนตัวนายทักษิณ ตั้งแต่เช้ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบมาสังเกตการณ์ตั้งแต่เวลาประมาณ 08.30 น. จากนั้นช่วงเวลาประมาณ 09.15 น. มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.บางพลัด เข้ามาดูแลพื้นที่ พร้อมทั้งจัดระเบียบรถ และโดยรอบ
ทั้งนี้ ในช่วงเวลาประมาณ 10.40 น. มีรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีกรม หมายเลขทะเบียน 4 ขณ 4007 กรุงเทพมหานคร ขับเข้าไปภายในบ้านจันทร์ส่องหล้า และใช้เวลาเพียง 5 นาที ก็ขับออกจากบ้านไป และขับกลับมาบ้านจันทร์ส่องหล้า และขับออกไปอีกหลายรอบ โดยครั้งสุดท้ายมีคนนั่งข้างคนขับสวมใส่แมสก์ออกไปด้วย นอกจากนี้ยังมีรถตู้ โตโยต้า ไฮเอซ สีดำ ฮล 8507 กรุงเทพมหานคร เข้าไปภายในบ้านอีกหนึ่งคัน
...
ขณะที่บริเวณโดยรอบบ้านจันทร์ส่องหล้า ไม่ได้มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่างใด มีเพียงประชาชนที่สัญจรผ่านไปมา และมีสื่อมวลชนบางสำนักมาปักหลักติดตามความเคลื่อนไหวที่หน้าบ้านจันทร์ส่องหล้าเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ยังมีความเคลื่อนไหวของอดีตนายทหารคนติดตามของนายทักษิณ หรือ ผู้การง๊อง ได้ซ้อนจักรยานยนต์ เข้า-ออก บ้านจันทร์ส่องหล้า แต่งกายโดยสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงสแล็ค ถือสูทขับผ่านหน้าบ้านจันทร์ส่องหล้าไปยังทางเข้าอีกทาง ก่อนจะลงมาพูดคุยกับตำรวจที่มาสังเกตการณ์รักษาความปลอดภัยโดยรอบบ้านจันทร์ส่องหล้า