"ธนาธร" จี้ "กกต." ไม่อุทธรณ์คำพิพากษา เร่งออกระเบียบแนะนำตัวใหม่ ชี้ ไม่ผิดหลัง "อดีตนายกฯ-นักการเมือง" แห่สมัคร สว. ขอแค่อย่าจ้างกัน มอง "แบ่ง 20 กลุ่ม" ไม่เหมาะ เหตุคนทำอาชีพมีจำนวนไม่เท่ากัน
วันที่ 27 พ.ค. ที่ทำการพรรคก้าวไกล นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวแถลงหลังครบกำหนดการเปิดรับสมัคร สมาชิกวุฒิสภา 2567 โดยตัวเลขของผู้สมัครอยู่ที่ 48,117 ราย รวมทั้งจากกรณีที่มีผู้ไปร้องศาลปกครองกลาง ถึงระเบียบของ กกต. ว่าด้วยการแนะนำตัว กระทั่งมีคำพิพากษาเพิกถอนระเบียบตามที่ปรากฏในข่าว
...
ตนเห็นว่า คำพิพากษาดังกล่าวมีความสำคัญต่อระบบการเลือกในทุกระดับ และคำสั่งของศาลปกครองกลางดังกล่าว อาจจะใช้ไม่ได้ หาก กกต.ดำเนินการอุทธรณ์คำพิพากษาใน 30 วัน ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 23 มิถุนายน นั่นหมายความว่า การเลือกระดับอำเภอและระดับจังหวัดจะเสร็จสิ้นไปก่อนหน้านั้นแล้ว ฉะนั้น ตนจึงขอเรียกร้องให้ กกต. ออกระเบียบในการแนะนำตัวใหม่ทันที โดยที่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของคำพิพากษาศาลปกครองกลาง และขอให้ กกต.ยืนยันความชัดเจน ที่จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลางที่ออกมา เพื่อให้เกิดความมั่นใจของผู้สมัครในการเผยแพร่ข้อมูลของแต่ละคน
นอกจากนี้ นายธนาธร ตอบคำถามสื่อมวลชนที่ว่า ในห้วงวันรับสมัครที่ผ่านมา มีอดีตนายกรัฐมนตรี นักการเมือง หรือผู้ที่มีอิทธิพลทางความคิดไปร่วมสมัคร ตนมีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง ระบุว่าเรื่องดังกล่าวไม่ผิด ที่จะมีบุคคลในอดีตทางการเมืองมาลงสมัคร สว. เพราะถือว่าเป็นสิทธิ แต่จะผิดก็ต่อเมื่อมีการจ้างมาสมัคร เกณฑ์คนมาสมัคร อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ก็ได้เพียงแต่ข้อมูลที่ชาวบ้านบอกเล่ามา ครั้งจะไปขอหลักฐานก็เกรงว่า ชาวบ้านจะกลัวถูกข่มขู่คุกคาม ซึ่งตนก็ย้ำว่าการที่มีผู้สมัครจำนวนมาก ถือเป็นเรื่องที่ดี
ส่วนในช่วงวันรับสมัครที่ผ่านมา จากการสังเกตของคณะก้าวหน้า พบร่องรอยของความผิดปกติที่อาจจะนำไปสู่การฮั้วหรือไม่ นายธนาธร ระบุว่า ตนได้รับข้อมูลมาบ้าง สิ่งที่ตนกังวลใจคือการเลือกในระดับอำเภอ และจังหวัด ที่อาจทำให้เกิดการฮั้ว เนื่องจากในระดับอำเภอครั้งแรกสามารถเลือกได้สองสิทธิ คือชื่อเราหรือชื่อผู้อื่น ขณะเดียวกันการเลือกไขว้ ซึ่งเป็นลำดับถัดไปคนแต่ละสายจะไม่รู้ความสามารถของคนที่จะเลือก ซึ่งอาจจะทำให้เกิดช่องโหว่ ดังนั้น ตนจึงขอย้ำถึง กกต. ที่จะต้องให้ความชัดเจนเรื่องคำพิพากษาศาล เพราะผู้สมัครจะได้ใช้ข้อมูลในการแนะนำตัวเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการที่ประชาชนจะมีส่วนร่วมในการสังเกตการณ์มากขึ้น
โดยส่วนตัวมองว่า การแบ่งกลุ่มอาชีพไม่มีความเหมาะสมตั้งแต่แรก เพราะการออกแบบวิธีการเลือกไม่สอดคล้องกับหลักการปกติ การที่ที่อาชีพบางกลุ่มจะมีคนมาสมัครน้อย เพราะมีผู้ประกอบวิชาชีพนี้น้อยซะงั้นเลือก สว. ครั้งนี้ เป็นการสะท้อนเกณฑ์การออกแบบที่ไม่สมเหตุสมผล