ฝ่ายค้านรุมฉะ “แพทองธาร” ฟาด ธปท. “กาย” เฉ่งใช้ทุกเวทีด้อยค่า โยนบาปคนอื่นข้องใจตั้งใจบีบผู้ว่าการ ธปท.เดินตามก้นรัฐบาล เหน็บมีนายกฯปากเปราะยังไม่พอ เพิ่มเติมคือหัวหน้าพรรคปากพล่อย “อมรัตน์” แฮปปี้มาก ยุพูดเยอะๆยิ่งดี ฉุดคะแนนนิยมดิ่ง ทิ้งห่างจนไม่ใช่คู่แข่งพรรค ก.ก. “เชาว์” ซัดนโยบายลดแลกแจกแถมตัวการพอกหนี้ อัดเด็กดื้อเปิดหูฟัง ธปท. เลิกจ้อด้อยค่าตัวเองได้แล้ว “นิพิฏฐ์” หวดเลือดพ่อมาเต็ม ป้องผู้ว่าการ ธปท.วีรบุรุษที่ยังมีชีวิต “อนุสรณ์” โอ่แค่ 1 ปี ผลงานรัฐบาลเพียบ ยิ่งอยู่ครบ 4 ปี ชีวิตคนไทยดีขึ้นแน่ “วิสุทธิ์” มั่นใจไร้คลื่นใต้น้ำ เชื่อ 3 อดีต รมต.ยังทุ่มเทให้พรรค“ไชยา” แจงไม่ร่วมกิจกรรมพรรค หวั่นเป็นประเด็นการเมือง เตือนปัญหาภาคเกษตรอย่าวางใจฝากพรรคอื่น
จากกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวบนเวที “10 เดือน ที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10” พาดพิงทำนองตำหนิธนาคารแห่งประเทศ (ธปท.) หรือแบงก์ชาติ ไม่ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการบริหารเศรษฐกิจ เป็นอิสระจากรัฐบาล มากเกินไป จนกลายเป็นอุปสรรคในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ จุดประเด็นให้ฝ่ายค้านนำมาตอกย้ำ สะท้อนภาพฝ่ายการเมืองพยายามแทรกแซงการทำงานของ ธปท.
“กาย” สงสัยตั้งใจกระแทกผู้ว่าการ ธปท.
เมื่อวันที่ 4 พ.ค. นายณัฐชา หรือกาย บุญไชย อินสวัสดิ์ สส.กทม.พรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือแบงก์ชาติ ไม่ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลบริหารเศรษฐกิจ เป็นอิสระจากรัฐบาลมากเกินไป จนกลายเป็นอุปสรรคในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจว่า งานแสดงผลงานที่ช่วงชิงอำนาจจากผู้ชนะการเลือกตั้ง มา 10 เดือน ไม่แปลกใจสำหรับคนที่จัดงานเพื่อแก้ตัวแก้ต่างให้ตัวเอง แต่การพูดบนเวทีในเรื่องที่ไม่ควรพูด ในฐานะหัวหน้าพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ที่ทั่วโลกเขารู้ว่านโยบายทางการเงินนโยบายทางการคลัง ไม่มีการแทรกแซงกัน วันนี้หลายคนอาจรู้ว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ อาจไม่ค่อยชอบผู้ว่าการ ธปท. และยิ่งตอกย้ำไปกันใหญ่ว่าหัวหน้าพรรค พท. พูดแบบนี้ ไม่รู้ว่าเป็นสคริปต์ที่เตรียมเอาไว้ หรือเพิ่งฟังกันในวงกาแฟหน้าห้องพรรค พท. ที่ผู้บริหารพรรค พท. อาจพยายามที่จะทำอย่างไรก็ได้ ที่บีบผู้ว่าการ ธปท.ให้เห็นด้วยกับนโยบายของตนเองคิดว่า เป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น การจัดเวทีแสดงผลงานไม่ควรที่แสดงออกมาแบบนี้ ไม่ใช่แค่ทำให้ประชาชนคนไทยเดือดร้อน แต่มีนักลงทุนต่างชาติที่ดูอยู่ด้วย
...
ผู้นำฯปากเปราะ หน.พรรคปากพล่อย
เมื่อถามว่า การพูดนี้ถือว่าเป็นการโยนบาปให้กับ ธปท.หรือไม่ นายณัฐชาตอบว่า มีแต่คนไร้ ความสามารถที่โทษเรื่องราวต่างๆให้คนอื่น แทนที่จะพิสูจน์ด้วยข้อมูลว่าตัวเองพยายามผลักดันนโยบายนั้น นโยบายนี้ เพราะอะไร และเป็นผลบวกต่อประเทศอย่างไร ไม่ใช่ใช้เวที ทุกเวทีในการด้อยค่า ต่อว่า ป่าวประกาศว่าทุกอย่างเป็นความผิดของอีกคนหนึ่ง คนที่มีความสามารถความรู้เขาจะไม่ทำกัน เราเห็นนายกฯ ในหลายๆ เวทีแล้ว ที่มีปัญหากับผู้ว่าการ ธปท. แต่วันนี้หนึ่งในผู้นำจิตวิญญาณพรรค พท.เอง มาพูด แบบนี้คิดว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง และยิ่งตอกย้ำเหมือน ที่เคยอภิปรายไปว่านายกฯ มีโรคขาด วุฒิภาวะ โดยมี องค์ประกอบอยู่หลายข้อ หนึ่งในนั้นคือโรคปากเปราะ แต่ที่เพิ่มเติมมาวันนี้คือมีหัวหน้าพรรคปากพล่อยอีกต่างหาก

“อมรัตน์” แฮปปี้ยุพูดเยอะๆยิ่งดี
นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค พท. พาดพิงตำหนิธนาคารแห่งประเทศไทย ในทำนองเป็นอุปสรรค ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ บนเวที “10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10” ว่า ทัศนคติของ น.ส.แพทองธาร รวมทั้งคนเขียนสคริปต์ให้ ดูจะอหังการผิดเรื่อง เหมือน คนที่หลงระเริงกับชัยชนะและความสำเร็จ อยู่แต่กับ ในแวดวงของตัวเอง แต่ทว่าสำหรับตนเห็นแล้วยิ่งมีความสุขมากๆ ยิ่งพ่อลูกคู่นี้คือนายทักษิณ ชินวัตรและ น.ส.แพทองธารออกแรงแอ็กชันมาก ทั้งเดินสายและแสดงทัศนคติออกมามากเท่าไหร่ ประชาชนจะเป็น คนตัดสินเองในการเลือกตั้งครั้งหน้า อีกทั้งยังมอง ว่า น.ส.แพรทองธารไม่ได้มีเสน่ห์ทางการเมืองเหมือน อาปูของเขาคือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ อีกด้วย ดังนั้น ยิ่งพูดเยอะ พรรค ก.ก.ยิ่งเห็นว่า น.ส.แพรทองธารยิ่งไม่ใช่คู่แข่งของพรรค ก.ก.
เย้ยจ้อทีไรเรตติ้งสาละวันเตี้ยลง
เมื่อถามว่า แสดงว่าที่พรรค ก.ก.ไม่ค่อยวิจารณ์การเดินสายของนายทักษิณและการพูดของ น.ส.เเพทองธาร ไม่ใช่ว่าเพราะยังมีเยื่อใยกับพรรค พท.และนายทักษิณอยู่ นางอมรัตน์ตอบว่า ใช่ พวกเราอยากให้พวกเขาพูดเยอะๆ เดินสายเยอะๆให้นายทักษิณเดินทางเยอะๆ ทั้งหมดจะฟ้องตัวเองหมดโดยที่ทุ่นแรงพรรค ก.ก. ให้ไม่ต้องทำอะไรเลย วันนี้คนแบงก์ชาติก็เกลียดหมดแล้ว จากข้อความ จากคำพูด ที่ตัวเองพูดออกมาจากปากเอง ส่วนกรณีเมื่อวานนี้พรรค พท.มีการให้คะแนนตัวเองด้วยนั้น สำหรับตน ไม่รู้จะให้คะแนนเขาเท่าไหร่ รู้แค่ว่าคะแนนนิยมไม่เคยเพิ่มจากการพูดทุกครั้ง ยิ่ง น.ส.แพทองธารพูด คะแนนนิยมยิ่งจะตกลงๆทุกครั้ง ตั้งแต่หาเสียงเลือกตั้ง จนกระทั่งเป็นรัฐบาลมาครบ 10 เดือนออกมาทีไรคะแนนนิยมลดลงไปเรื่อยๆ พรรคคู่แข่งไม่ต้องกังวลอะไรเลย
“เชาว์” ซัดลดแลกแจกแถมพอกหนี้
นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชา ธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์เฟซบุ๊กหัวเรื่อง “เมื่อดีเอ็นเอ ทักษิณกำเริบ คิดรบกับแบงก์ชาติ” เนื้อหาระบุว่าเห็นข่าวอุ๊งอิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ดีเอ็นเอทักษิณ บริภาษแบงก์ชาติไม่ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลบริหารเศรษฐกิจ พาดพิงไปถึงกฎหมายว่าให้อิสระกับแบงก์ชาติจากรัฐบาลมากเกินไป กลายเป็นอุปสรรคในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ไม่ช่วยใช้นโยบายการเงินมาคู่ขนานกับนโยบายการคลังผลักภาระว่า หนี้ของประเทศที่สูงขึ้นเกิดจากปัจจัยเหล่านี้ ทั้งที่ความจริงไม่ใช่ หนี้สะสมของประเทศ ส่วนใหญ่เกิดจากนโยบายลดแลกแจกแถม ที่สร้างหนี้เพิ่มพูนให้ประเทศเรื่อยๆ โดยปราศจากการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจอย่างจริงจัง เพราะการเล็งหวังผลของนักการเมืองที่ปราศจากความรับผิดชอบ เข้ามาแล้วก็จากไป แต่แบงก์ชาติเขาเป็นธนาคารกลางมีหน้าที่หลัก ต้องรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจการเงิน เสถียรภาพด้านราคา (เงินเฟ้อ) และดูแลไม่ให้เศรษฐกิจผันผวน หรือร้อนแรงเกินไป จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเกือบทุกประเทศในโลกนี้ล้วนให้อิสระกับแบงก์ชาติทั้งสิ้น เพราะถ้าปล่อยให้ละเลงกันตามอำเภอใจ กระตุ้นเศรษฐกิจตามใจอยาก แต่ผลลัพธ์ไม่ได้เป็นพายุหมุนอย่างที่คุย กลับเป็นผลร้ายกลายเป็นสึนามิทางเศรษฐกิจ จะกลายเป็นภาระให้ประชาชนทั้งชาติต้องแบกหนี้กันหลังอาน เศรษฐกิจที่คิดว่าจะเดินหน้าอาจถดถอยลงแบบกู่ไม่กลับ
ขุดอดีตต้มยำกุ้งยุคแทรกแซง ธปท.
“ประเทศไทยเคยมีบทเรียนจากการที่ผู้บริหารแบงก์ชาติ ถูกแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง จนระบบการเงินไทยล่มสลาย แบงก์ชาติกลายเป็นจำเลยสังคม ในยุควิกฤติต้มยำกุ้ง ที่มีรองนายกฯชื่อ ทักษิณ ชินวัตร นำประเทศชาติไปเป็นทาสเศรษฐกิจของไอเอ็มเอฟ จนรัฐบาลชวน 2 ต้องเข้าไปกอบกู้ ทำให้ประเทศไทยยุติการกู้เงินได้ก่อนกำหนด ทำให้เศรษฐกิจไทยกลับมามีเสถียรภาพอีกครั้ง กลายเป็นต้นทุนที่ทำให้พรรคเพื่อไทย มาชุบมือเปิบภายหลัง ดีเอ็นเอทักษิณอย่าง น.ส.แพทองธาร ที่เข้ามาทำงานการเมืองด้วยรากฐานของพ่อ แต่ยังไม่มีน้ำยาต่อยอดอะไรได้สำเร็จ แถมทางเศรษฐกิจพยายามทำตัวเป็นกูรู จนกลายเป็นอวดรู้ หรือไม่อาจจะแค่อ่านตามที่มีคนเขียนบทให้ แทนที่จะอ่านสุนทรพจน์จากพวกเชลียร์ทั้งหลาย
อัดเด็กดื้อเลิกกดดันด้อยค่าตัวเอง
“ให้ไปศึกษาหาข้อมูลดูตัวอย่างประเทศตุรกี ที่รัฐบาลแทรกแซงนโยบายการเงินต่อเนื่อง ใช้แบบไม่สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ ลดดอกเบี้ยในวันที่เงินเฟ้อพุ่ง สุดท้ายอัตราเงินเฟ้อพุ่งทะยานขึ้นไปกว่า 60% กระทบค่าเงินอ่อนลงต่อเนื่อง จบลงที่การขึ้นดอกเบี้ยนโยบายมากกว่า 40% ขณะที่ของไทยตัวเลขล่าสุดอัตราเงินเฟ้อพลิกกลับมาเป็นบวก 0.19% ในรอบ 7 เดือน การจะกำหนดนโยบายทางการเงิน ไม่เพียงต้องดูปัญหาเฉพาะหน้า แต่ต้องดูความเสี่ยงในอนาคตด้วย ไม่เช่นนั้นปัญหาที่จะตามมาหนักหนามากกว่าหนี้สาธารณะ คือจะไม่มีใครกล้ามาลงทุนในประเทศนี้ เลิกดื้อดึงรับฟังความเห็นแบงก์ชาติบ้าง ส่วนเด็กที่กลิ่นน้ำนมยังไม่จาง ควรหยุดแสดงความเห็นที่ทำให้ตัวเองยิ่งดูด้อยค่าได้แล้ว” นายเชาว์ระบุ

“นิพิฏฐ์” แขวะเลือดพ่อมาเต็ม
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง พรรค ปชป.โพสต์เฟซบุ๊กว่า สายเลือดพ่อ “อุ๊งอิ๊งค์” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค พท.กล่าวว่า “ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ” ถือเป็นคำกล่าวที่รุนแรงต่อสถาบันการเงินหลักของประเทศ ทุกประเทศในโลกเขาให้ธนาคารชาติของเขาเป็นอิสระปลอดจากการแทรกแซงทางการเมืองทั้งสิ้น มีครั้งหนึ่งหลวงตามหาบัว ได้ตำหนินายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และหลวงตาได้ระดมทองคำให้ ธปท. เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ธนาคาร ตามโครงการ “ทองคำช่วยชาติ” รัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ จึงโทษ ธปท.ถึงกับประกาศว่า ธปท.เป็นอุปสรรคของประเทศ หลายคนโทร.มาคุยกับผมในเรื่องนี้ ผมได้แต่ฟังและบอกว่าเมื่อเราได้รัฐบาลเช่นนี้ ทุกอย่างจะเป็นเช่นนี้ อย่าแปลกใจเลย
ป้องผู้ว่าการธปท.วีรบุรุษที่ยังมีชีวิต
“อุ๊งอิ๊งค์มีสายเลือดพ่อเต็มเปี่ยม และกำลังเดินตามรอยเท้าพ่อ จากนี้ประเทศจะเป็นดังอดีตที่พ่อเคยทำ เริ่มจากต้องนำ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับมาแบบไร้รอยขีดข่วน ใครติดปีกให้คุณทักษิณ หากบ้านเมืองเสียหาย ก็ต้องยอมรับชะตากรรมผมไม่กลัวและไม่แคร์ตระกูลชินวัตร คุณจะมั่งมีศรีสุข มีอำนาจล้นฟ้าก็มีไป ขอให้กำลังใจผู้ว่าการ ธปท. ให้ท่านอยู่ต่อไป หากท่านถอดใจลาออก ประชาชนส่วนหนึ่งน่าจะเสียขวัญและกำลังใจ ประชาชนต้องการให้ท่านผู้ว่าการ ธปท.เป็น “วีรบุรุษที่ยังมีชีวิตมากกว่าวีรบุรุษที่ตายไปแล้ว” นายนิพิฏฐ์กล่าว
“ก่อแก้ว” สวนทันควันมวยคนละชั้น
นายก่อแก้ว พิกุลทอง อดีตแกนนำ นปช.และอดีตผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท.กล่าวถึงกรณีนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุงโพสต์เฟซบุ๊กพาดพิงถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค พท.ว่า ถูกต้อง น.ส.แพทองธารได้เลือดพ่อมาเต็มๆ ไม่ว่าความรู้ ความสามารถ ทั้งการบริหารงานตั้งแต่เป็นผู้บริหารบริษัท จนเข้ามาสู่เส้นทางการเมืองเป็นหัวหน้าพรรค พท.ถือธงนำพรรคแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล เป็นที่รักของพี่น้องประชาชน เชื่อว่าในอนาคตจะเป็นนายกฯ ตามรอยพ่อแน่นอน อยากให้นายนิพิฏฐ์ย้อนกลับไปดูว่านายทักษิณทำคุณประโยชน์ให้ประเทศชาติมามากมาย นานเท่าไหร่ยังคงเป็นนายกฯในดวงใจของประชาชน ยังเป็นที่เคารพรักของนักการเมือง ข้าราชการ นักธุรกิจไม่แปลกใจจะเดินทางไปที่ไหนมีคนมาต้อนรับมากมาย
หยันย้ายกี่พรรคคนพัทลุงก็ไม่เลือก
“นายนิพิฏฐ์คงไม่เข้าใจถึงจะเคยเป็นอดีต สส. และอดีตรัฐมนตรี ไม่แน่ใจว่าจะมีประชาชนรักเหมือนอดีตนายกฯทักษิณหรือไม่ จะย้ายพรรคไปสักกี่พรรค ขนาดคนพัทลุงยังไม่เลือกเลย หากเปรียบเทียบกับอดีตนายกฯ น่าจะเรียกว่าคนละชั้น ถ้าออกมาเจอโลกแห่งความจริงจะได้เห็นว่าประเทศไทยก้าวข้ามความขัดแย้งมามากแล้ว เดินหน้าสู่ความเจริญรุ่งเรือง สู่ความกินดีอยู่ดีของประชาชน ภายใต้การบริหารงานของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและมีพรรค พท.เป็นแกนนำ โดย น.ส.แพทองธารเป็นหัวหน้าพรรค มีที่ปรึกษาที่ดีอย่างอดีตนายกฯทักษิณ” นายก่อแก้วกล่าว

“อนุสรณ์” โอ่ 1 ปี รบ.สารพัดผลงาน
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นำรัฐมนตรีใหม่รวม 12 คน ที่ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ พร้อมประกาศเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบาย จะทำให้ชีวิตคนไทยมีความเป็นอยู่ดีขึ้นในช่วง 4 ปีของรัฐบาลชุดนี้ว่า รัฐบาลเศรษฐา ทำงานมาแล้วเกือบปี เหลือเวลาอีก 3 ปีนิดๆ การทำงานก่อนงบประมาณ ปี 67 ออก ต้องถือว่าท้าทายความสามารถ รัฐบาลขับเคลื่อนและผลักดันนโยบายสำคัญเร่งด่วนได้สำเร็จหลายเรื่อง วันนี้งบฯปี 67 ผ่านแล้ว งบฯปี 68 กำลังเตรียมการจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ เพื่อไม่ให้เกิดความ ล่าช้า ราคาสินค้าการเกษตรหลักขึ้นยกแผง ปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 ดีขึ้น ยกระดับ 30 บาทรักษาทุกโรค สู่ 30 บาทรักษาทุกที่ ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ซอฟต์พาวเวอร์ แก้รัฐธรรมนูญ
โวอยู่ครบ 4 ปี ชีวิตคนไทยดีขึ้นแน่
นายอนุสรณ์กล่าวอีกว่า การแก้วิกฤติเศรษฐกิจ 4 ธนาคารใหญ่พร้อมใจลดดอกเบี้ยช่วยเหลือประชาชน ส่งผลด้านจิตวิทยาช่วยรายย่อยหายใจคล่องขึ้น แก้หนี้ทั้งระบบ พักชำระหนี้เกษตรกร รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายนำร่องสายสีแดง สายสีม่วง ลดค่าครองชีพให้ประชาชนปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศเป็น 400 บาท มีผลวันที่ 1 ต.ค.นี้ ปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการบรรจุใหม่ ระดับปริญญาตรี 18,000 บาทต่อเดือน และเพิ่มเบี้ยหวัดบำนาญ เป็นเดือนละ 11,000 บาท มีผลบังคับใช้วันที่ 1 พ.ค.67 นำประเทศไทยจ่อขึ้นเป็นฮับเศรษฐกิจดิจิทัลภูมิภาค ยักษ์ใหญ่ไมโครซอฟต์ประกาศเตรียมลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ภูมิภาคแห่งแรก ทำไทยมีศักยภาพเติบโตโดดเด่น มั่นใจว่ารัฐบาลเศรษฐาทำงานครบ 4 ปี จะเป็นผู้นำแห่งการสร้างการเปลี่ยนแปลงประเทศ คุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนคนไทยต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน
นายกฯถกแบ่งงาน 3 รมต.ตามถนัด
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลถึงการแบ่งงานรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ที่มีถึง 3 คนว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ได้เรียกรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯทั้ง 3 คน ประกอบด้วยนายพิชิต ชื่นบาน นายจักรพงษ์ แสงมณี และ น.ส.จิราพร สินธุไพร เข้าไปพูดคุยเพื่อสอบถามความถนัดของแต่ละคน จะได้แบ่งงานให้รับผิดชอบแบบถูกฝาถูกตัว โดยในเบื้องต้นจะให้นายพิชิต ที่มีความรู้ด้านกฎหมาย รับผิดชอบส่วนงานที่เกี่ยวข้องกับข้อกฎหมายและระเบียบข้าราชการต่างๆ อาทิ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.)สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นายจักรพงษ์ คนใกล้ชิดนายกฯ จะรับผิดชอบการติดตามงานข้อสั่งการของนายกฯการเบิกจ่ายงบประมาณจะรับผิดชอบสำนักงบประมาณ ขณะที่ น.ส.จิราพร ที่เป็น สส.เขต มีความใกล้ชิดประชาชนและถือเป็น สส.ดาวเด่น มีแฟนคลับติดตามจำนวนมาก จะรับผิดชอบงานที่เชื่อมโยงถึงประชาชน เช่น บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานกองทุนหมู่บ้าน เพื่อที่จะได้รับฟังความเห็นและสื่อสารสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประชาชนได้ตรงจุด
“วิสุทธิ์” เชื่อ 3 อดีต รมต.ยังทุ่มให้พรรค
นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธาน สส.พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณี 3 อดีตรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยที่ถูกปรับออก ไม่เข้าร่วมกิจกรรม “10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10” ของพรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 3 พ.ค. จะส่งผลต่อการทำงานร่วมกันในอนาคตหรือไม่ว่า เชื่อว่าไม่มีอะไร แรกๆที่ถูกปรับออกอาจมีความรู้สึกกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา แต่เชื่อว่าทุกคนจะยังคงยึดมั่นและศรัทธาต่อพรรคอยู่ ส่วนตัวได้คุยกับคนที่ถูกปรับออกทุกคน ไม่มีใครไม่สบายใจ ทุกคนเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นแต่ต้องขอเวลากันบ้าง ที่ผ่านมาทำงานมา 7 เดือน ภารกิจแน่นจึงอาจอยากใช้เวลาช่วงนี้พักผ่อน บางคนอยากกลับพื้นที่ เพราะช่วงเป็นรัฐมนตรีอาจได้ลงพื้นที่ตัวเองน้อย แต่ทุกคนยืนยันว่าจะกลับมาช่วยกันทำงานให้พรรคและเป็นกำลังในสภาฯ เพราะเท่าที่คุยทุกคนยังอยากทำงาน ได้ให้กำลังใจกันไปและขอให้ทำดีกันต่อไป เมื่อมีการขยับออกไปมีโอกาสกลับเข้ามาได้ การเมืองก็แบบนี้ไม่มีใครสมหวังหรือผิดหวังตลอด แต่เป็นธรรมดามนุษย์ที่จะทำใจไม่ได้ในช่วงแรกๆ แต่ทุกคนอยู่กับพรรคมานาน เชื่อว่าจะแน่นแฟ้นกับพรรคไม่มีปัญหาอะไร
“ไชยา” ชี้ไม่ร่วมงานกลัวเป็นประเด็น
นายไชยา พรหมา อดีต รมช.เกษตรฯ ในฐานะ สส.หนองบัวลำภู พรรค พท.ให้สัมภาษณ์กรณีไม่เข้าร่วมกิจกรรม “10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10” ของพรรคเมื่อวันที่ 3 พ.ค.ว่า ขณะนี้กำลังเป็นประเด็นที่สื่อจับจ้องหลังถูกปรับออกจาก ครม. ถึงไม่อยากให้เป็นประเด็นทางการเมือง เพราะเมื่อสื่อถามไม่ว่าจะตอบคำถามแบบไหนมีผลกระทบ จึงอยากหลีกเลี่ยงตอบคำถาม อยากให้พรรค พท.และรัฐบาลได้เดินหน้าทำงานต่อไป ไม่อยากให้ตนกลายเป็นประเด็นทางการเมือง ไม่มีนัยอะไรทั้งสิ้น หลังจากนี้จะทำหน้าที่สมาชิกพรรคที่เป็น สส.ในสภาฯจะขับเคลื่อนงานช่วยประชาชนต่อไป ยังตั้งใจว่าเรื่องเกี่ยวกับเกษตรกรภาคอีสานจะเป็นภาระหน้าที่รับผิดชอบ ในส่วนงานที่มีประสบการณ์ จะเป็นปากเป็นเสียงเสนอแนวทางแก้ไขต่อไปตามบทบาทหน้าที่ สส.
ปัญหาเกษตรอย่าฝากไว้กับพรรคอื่น
นายไชยากล่าวอีกว่า ยืนยันว่าปัญหาภาคการเกษตรในพื้นที่อีสาน เป็นปัญหาที่เป็นผลกระทบกับฐานเสียงพรรค พท. ไม่อยากให้พรรคฝากอนาคตการแก้ปัญหาดังกล่าวกับพรรคการเมืองอื่น แม้จะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็ตาม เพราะตอนเราหาเสียงเราได้สัญญากับประชาชนไว้อย่างไรเป็นหน้าที่ที่พรรคเพื่อไทยต้องรับผิดชอบให้เป็นไปตามนโยบาย เพราะพื้นที่ภาคอีสานเป็นพื้นที่ที่ประชาชนให้ความไว้วางใจกับพรรคเพื่อไทย จึงจำเป็นต้องรักษาฐานเสียงของพรรคในภาคอีกสาน ซึ่งกระทรวงเกษตรฯจะเป็นส่วนสำคัญ
ยันไม่น้อยใจ แต่เสียดายโอกาส
เมื่อถามว่าน้อยใจหรือไม่ที่ถูกปรับออก นายไชยากล่าวว่า ไม่น้อยใจแต่เสียดายโอกาสในการทำงานอย่างต่อเนื่อง ส่วนเหตุผลที่ถูกปรับออกอาจเป็นเพราะตนไม่มีการสนับสนุนด้านกลุ่มทุนในพรรค มีเพียงเสียงสนับสนุนจากคนในพื้นที่ จึงเป็นเหตุผลง่ายที่สุดที่จะถูกปรับออก แต่ถึงอย่างไรก็ฝากให้รัฐมนตรีที่เข้าไปใหม่ให้ดูแลพี่น้องประชาชนที่เป็นฐานเสียงอันสำคัญกับพรรคเพื่อไทย ในการขับเคลื่อนนโยบาย โดยเฉพาะภาคการเกษตรที่จะต้องสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้น และสิ่งสำคัญที่สุด ถ้าคนอีสานมีงานทำมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นก็จะลดการอพยพแรงงานเข้าสู่เมืองหลวง เป็นการสร้างสังคมในพื้นที่ให้ยั่งยืนต่อไป
“ธนกร” มั่นใจ รมต.ชุดใหม่ศักยภาพถึง
นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.แบบบัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากที่มีการปรับ ครม.ชุดใหม่เรียบร้อยว่า เชื่อว่ารัฐมนตรีทุกคนมีศักยภาพและประสบการณ์การทำงาน พร้อมจะเดินหน้าทำงานเพื่อประชาชนได้ต่อเนื่องทันที ไม่มีสะดุด เพราะความเดือดร้อนของประชาชนและประเทศรอไม่ได้ เมื่อถามว่า การปรับ ครม.ครั้งนี้มีรัฐมนตรีรุ่นใหม่อายุน้อยหลายคน นายธนกรกล่าวว่า แม้ว่ารัฐมนตรีหลายคนจะหน้าใหม่ แต่ถือว่าเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ ความสามารถ มีประสบการณ์ ฝ่ายนิติบัญญัติเป็น สส.และทำงานพื้นที่มานาน เชื่อว่าจะนำจุดแข็งนี้มาใช้ในงานฝ่ายบริหารได้ มั่นใจว่ารัฐมนตรีทุกคนของพรรค รทสช. ทั้งนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯและ รมว.พลังงาน และรัฐมนตรีทุกกระทรวง พร้อมเดินหน้าสานต่อการทำงานในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลให้เกิดความต่อเนื่องเห็นผลชัดเจนเป็นรูปธรรม เพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนและแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ

“ธนาธร” ปลุกต้านเลือกตั้ง สว.แบบปิด
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่มหาวิทยาลัยบูรพา ต.แสนสุข อ.เมืองชลบุรี ห้องประชุมชั้น 6 ห้องเลขที่ 601 อาคารคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มีการประชุมเสวนาให้ความรู้เรื่องการสมัครรับเลือกตั้ง สมาชิกวุฒิสภา (สว.) จัดโดยเครือข่ายรณรงค์รัฐธรรมนูญ มีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ร่วมบรรยายข้อคิดและความรู้เพื่อให้ได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาแบบประชาธิปไตย โดยนายธนาธรเปิดเผยว่า การเลือกตั้ง สว.ครั้งนี้ส่งผลต่อการพัฒนาการเมืองไทยและการพัฒนาประชาธิปไตย สมาชิกวุฒิสภา ปี 67 จะมีอำนาจแต่งตั้งบุคคลากรไปดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระต่างๆ มีอำนาจในการร่วมโหวตร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ สิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนแต่มีความสำคัญในการพัฒนาการเมืองประเทศไทยทั้งนั้น การเลือก สว.มีความสำคัญกับคนทั้งประเทศ กกต.ต้องการให้การเลือกตั้งครั้งนี้ทำให้เป็นการเลือกตั้งที่ปิด ส่วนทางเราอยากจะรณรงค์ให้ประชาชนเห็นถึงความสำคัญของการเลือกตั้งครั้งนี้ อยากจะทำให้มันสว่างมากที่สุด
“ดร.เอ้–ธารา” ลงพื้นที่รับฟังคนระยอง
วันเดียวกัน นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พร้อมนายธารา ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรค ปชป.และอดีต สส.ระยอง ร่วมลงพื้นที่รับฟังปัญหาชาวบ้านหลังไฟไหม้โกดังเก็บสารเคมีของโรงงานวินโพรเสส โดยนายสุชัชวีร์กล่าวว่า เหตุไฟไหม้สารเคมีอันตรายในโรงงานดังกล่าวผ่านมาแล้ว 13 วัน ชาวบ้านได้รับผลกระทบอย่างหนัก คุณภาพสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ทั้งดิน น้ำ อากาศ ข้อเสนอชาวบ้านในพื้นที่ยืนยันว่า 1.ต้องการให้เร่งขนย้ายสารเคมีตกค้างในพื้นที่ออกไปโดยเร็ว 2.ขอให้ตรวจและรักษาอาการป่วยที่ชาวบ้านได้รับสารพิษอันตรายนี้ต่อเนื่องอย่างต่อเนื่อง 3.จ่ายค่า เยียวยา ชดเชยให้ชาวบ้าน 4.ฟื้นฟูระบบนิเวศในชุมชนให้กลับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ 5.วอนนายกฯให้ตั้งคณะกรรมการเพื่อดำเนินการตามข้อเรียกร้องทุกข้อ เพราะยังห่วงว่าสารเคมีอันตรายร้ายแรงที่ยังเก็บอยู่จำนวนมากหลังไฟไหม้และน้ำที่ใช้ดับเพลิงไฟนี้ ได้ทำให้สารเคมีอันตรายไหลปนเปื้อนลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ ส่วนสภาพอากาศเกินค่ามาตรฐานมาก ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคนในชุมชนอย่างรุนแรง
บี้เร่งอนุมัติงบฯเยียวยาชุมชน
นายสุชัชวีร์กล่าวว่า นอกจาก 5 ข้อเรียกร้องของชาวบ้านในชุมชน ยังเสนอเพิ่มเติมว่านายกฯต้องสั่งการให้มีนักวิชาการหรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาดูแลปัญหานี้ เพราะจากการตรวจสอบสารเคมีที่ถูกไฟไหม้เป็นสารอันตรายมาก การบำบัดหรือป้องกันการแพร่กระจายต้องใช้องค์ความรู้เฉพาะด้านระดับสูงจริงๆ ไม่เช่นนั้นคุมไม่อยู่แน่ การแก้ปัญหาระดับท้องถิ่น อย่างการไถดินฝังกลบสารเคมีจะยิ่งสร้างปัญหาให้ชุมชนต่อไปอย่างยาวนานและจุดแสดงการตรวจคุณภาพอากาศที่ชาวบ้านเรียกร้อง ต้องแสดงผลค่าตรงตามเกณฑ์และเป็นกลาง ต้องตรวจคุณภาพกระจายให้ทั่วให้ชาวบ้านได้รับทราบ จุดปลอดภัยหรือจุดเสี่ยง เพราะแรงลมพัดกลิ่นสารเคมีกระจายไปทั่วทุกทิศทาง รัฐบาลต้องให้ความสำคัญกับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบเพราะชาวบ้านไม่ได้ทำความผิดอะไร แต่ต้องเอาชีวิตมาเสี่ยงกับสารเคมีเหล่านี้ นายกฯต้องรีบอนุมัติงบฯนำมาแก้ไขและเยียวยาชาวบ้านในพื้นที่นี้ให้เพียงพอและเร่งด่วน
จี้ยกปัญหากากเคมีขึ้นวาระแห่งชาติ
นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรค รทสช.ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการอุตสาหกรรม (กมธ.) สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงนายกฯ สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและฝ่ายความมั่นคงมาช่วยแก้ปัญหาไฟไหม้โรงงานเก็บกากสารเคมี รวมถึง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สั่งหน่วยงานในสังกัดช่วยสำรวจร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมว่า เป็นเรื่องดีที่นายกฯให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ การมอบให้กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานหลักดูแล ถูกต้องเพราะต้องบูรณาการหลายกระทรวงเข้ามาดำเนินการ ต้องเอาฝ่ายความมั่นคงมาช่วยกระทรวงอื่นๆมาร่วมแก้ปัญหา รัฐบาลเดินมาถูกทางแล้ว ต้องบูรณาการทุกหน่วยงาน รมว.อุตสาหกรรมลงมาดูแลปัญหาเองดีมาก แต่อยากให้นายกฯยกเป็นปัญหาระดับชาติ เพราะหมักหมมมาหลายปี ไม่ว่าที่ จ.ราชบุรี พระนครศรีอยุธยา ระยอง และยังมีอีกหลายจังหวัดที่กองเก็บกากสารเคมีเป็นจำนวนมาก ถ้าเกิดเหตุซ้ำขึ้นมาอีกจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชนต่อหน่วยงานของรัฐ