ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้ ในทางการเมืองหากฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้านเป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อกันอย่างนี้ “ชาติ-ประชาชน” ย่อมได้ประโยชน์เต็มๆ
เพราะนอกจากจะตรวจสอบแล้วยังเหมือนตัวเร่งให้แต่ละฝ่ายหยุดนิ่งไม่ได้ โดยเฉพาะในด้านผลงานซึ่งเป็นความต้องการของผู้มีสิทธิหย่อนบัตรลงคะแนน
วันนี้...
“ก้าวไกล” ผู้นำฝ่ายค้านที่เคยชนะการเลือกตั้ง ทำให้ “เพื่อไทย” ต้องเสียสถิติทางการเมืองไปอย่างน่าเจ็บใจที่สุด
พูดง่ายๆว่ากลายเป็น “คู่แข่ง” ทางการเมืองอย่างไม่น่าเชื่อ
ตัวชี้วัดทางการเมือง ณ ปัจจุบัน จากผลโพลของสำนักงานต่างๆ ได้บอกว่าความนิยมของ “ก้าวไกล” นั้นเหนือ “เพื่อไทย” มาตลอด
นี่จึงเป็นแรงกระตุ้นที่ “เพื่อไทย” จะต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เพราะอยู่นิ่งไม่ได้แม้ยังมีเวลาอีกพอสมควร
กว่าจะถึงวันเลือกตั้งใหม่
อันหมายถึงว่า “เพื่อไทย” ต้องเป็นรัฐบาลครบเทอม 4 ปีด้วย
แม้ “เพื่อไทย” จะได้ “ทักษิณ ชินวัตร” กลับมาคุมทัพเต็มตัวแต่เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองไทยนั้นเปลี่ยนแปลงไป
ที่เคยมีปัจจัยนำพาซึ่งชัยชนะอย่างที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น “กระสุน–บ้านใหญ่–ประชานิยม” นั้นคงใช้ไม่ได้แล้ว
ใช้ได้บ้าง แต่ต้องมีอย่างอื่นเสริมด้วย
“ก้าวไกล” ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า “อุดมการณ์” ทางการเมืองว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงบริบทของประเทศ
...
คือหัวใจสำคัญ...
อย่างอื่นเป็นเพียงองค์ประกอบเท่านั้น
ด้วยสิ่งนี้ทำให้ “ก้าวไกล” มั่นใจแม้พรรคจะถูกยุบก็ไม่มีผลกระทบแต่อย่างใด เพราะประชาชนเชื่อมั่นใน “อุดมการณ์” ที่กินได้มากกว่า
ต้องยอมรับอยู่อย่างว่าสถานการณ์ของรัฐบาล “เศรษฐา ทวีสิน” ในเวลานี้นั้น กำลังตกอยู่ใน “หลุมดำ” ที่จะต้องเร่งดึงตัวขึ้นมาให้ได้
8 เดือนที่ผ่านมาถือว่าล้มเหลว
เพราะไม่มีอะไรที่สร้างความประทับใจแม้แต่น้อย โดยเฉพาะนโยบาย ที่ประกาศไว้ไม่เข้าเป้าแม้แต่ชิ้นเดียว
มีแต่งานอีเวนต์ในหมู่พวกพ้องเท่านั้น
การปรับ ครม.ก็ไม่ได้สร้างความฮือฮาให้ภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นดีขึ้นแม้แต่น้อย กลับมีภาพลบด้วยซ้ำ
พรรคร่วมรัฐบาลยังดีกว่าเสียอีกได้ทั้งงานและความมั่นคงมากขึ้น
จึงไม่แปลกที่ “ทักษิณ” จะต้องเร่งเดินสายเพื่อดึงมวลชนในพื้นที่หลังจากพุ่งไปเชียงใหม่แล้วก็ลงไปที่ภูเก็ต จากนั้นคงต้องเดินสายไปภาคอีสาน
เพราะหยุดนิ่งไม่ได้!
“เศรษฐา” ก็ต้องเร่งทำคะแนนควักแนวทางเก่าคือ “ทัวร์นกขมิ้น” อย่างที่ “ทักษิณ” เคยประสบผลสำเร็จมาใช้
“เศรษฐา” เริ่มที่ “4 บุรี คือ สุพรรณบุรี-กาญจนบุรี-ราชบุรี-เพชรบุรี” นำร่อง
หวังสร้างความคึกคักและโปรยเงินงบประมาณลงพื้นที่ด้วยนโยบายพัฒนาท้องถิ่นเพื่อเรียกคะแนนและหวังกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย
อย่างน้อยก็สร้างความคึกคักให้ปรากฏ
แต่ผลที่จะเกิดขึ้นตามมาจะแปรเป็นคะแนนนิยมได้แค่ไหนนั้น
“พระเจ้า” เท่านั้นที่จะตอบได้!
“ลิขิต จงสกุล”
คลิกอ่านคอลัมน์ “สับรางวันอาทิตย์” เพิ่มเติม