ได้รัฐมนตรีหน้าใหม่ครบถ้วนกระบวนความแม้จะมีอาการสะดุดระหว่างทางบ้างแต่ก็เป็นเพียงจุดเล็กๆไม่กระเทือนซางเท่าใด

เพราะส่วนใหญ่ยังรักษารูปทรงเอาไว้ได้

อยู่ที่ว่าเมื่อตั้งหลักได้แล้วรัฐนาวา “เศรษฐา 1/1” นั้นจะสามารถบริหารประเทศไปได้อย่างที่คาดหวังเอาไว้หรือไม่

แม้ว่าจะปรับเปลี่ยนรัฐมนตรีปรับจูนบางจุดแต่ก็ยังไม่เข้าที่เข้าทาง เพราะนอกจากเงื่อนไขในพรรคแกนนำแล้วพรรคร่วมรัฐบาลก็มีเงื่อนไขเฉพาะเหมือนกัน

ที่ดูแปลกใหม่ไปจากที่ผ่านๆ มาคือกระทรวงการคลัง ปกตินอกจากรัฐมนตรีว่าการแล้วอาจจะมีอีก 1 รัฐมนตรีช่วย แต่คราวนี้มีถึง 3 รัฐมนตรีช่วย

มันดูเอิกเกริกไปหน่อยเพราะแทนที่จะไปช่วยงานกระทรวงอื่นที่มีภารกิจมากเลยดูขาดความสมดุลไป

หรือนายกรัฐมนตรีคงชอบแบบนี้เพราะมุ่งมั่นเรื่องเศรษฐกิจเป็นหลัก

หรือที่สำนักนายกรัฐมนตรีก็มีรัฐมนตรีถึง 3 คน ก็ดูมากไปหน่อย ยิ่งมีรัฐมนตรีบางคนที่ใกล้ชิดแนบแน่นกับผู้มีบารมีเหนือนายกรัฐมนตรีก็คงไม่ต้องแปลกใจ

ที่มาเปลี่ยนกันตอนจะเสนอชื่อคือ “เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช” จากรัฐมนตรีวัฒนธรรมไปเป็นรัฐมนตรีการท่องเที่ยวและกีฬาสลับกับ “สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล”

ก็น่าแปลกใจเหมือนกัน

เพราะ “เสริมศักดิ์” นั้นแม้จะผ่านการเป็นรัฐมนตรีและมีประสบการณ์มาพอสมควรแต่ด้วยวัยและสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนไป

ที่สำคัญกระทรวงการท่องเที่ยวฯนั้นถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำรายได้ให้ประเทศ การให้บุคคลที่เรียกว่า “แก่” เกินงานอย่างนี้จึงไม่น่าจะเหมาะเท่าใดนัก

อีกทั้งนายกรัฐมนตรีเคยออกชมและโปรโมต “สุดาวรรณ” มากพอสมควรแต่ทำไมสุดท้ายจึงเป็นอย่างนี้

...

จึงน่าจะมีอะไรซับซ้อนกว่าปกติ

เหนืออื่นใดด้วยสไตล์การทำงานของนายกรัฐมนตรี 7 เดือนที่ผ่านมานั้น ต้องบอกว่าถึงลูกถึงคนกว่านายกรัฐมนตรีที่ผ่านมาอย่างชัดเจน

พูดง่ายๆว่าแทบจะทำทุกอย่างเองทั้งหมดทุกกระทรวงก็ว่าได้

มิหนำซ้ำนอกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้วยังเป็นโฆษกรัฐบาลไปในตัวเลยก็ว่าได้ เพราะโปรโมตตัวเองทุกอย่าง

เรียกว่ารัฐมนตรีเจ้ากระทรวงแทบจะไม่ได้โชว์เลยด้วยซ้ำไป

ดังนั้นจึงไม่ต้องวิตกกังวลว่างานทุกอย่างจะไม่ลื่นไหลเพราะนายกรัฐมนตรีคอยกำกับอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว

ไม่ใช่กำกับอย่างเดียวแต่ยังคิดประเด็นต่างๆอีกด้วย

รัฐมนตรีมือใหม่สบายใจได้ขอเพียงแค่ทำตัวให้เป็นที่ถูกอกถูกใจก็ไปด้วยกันได้ แถมยังผลักดันให้ก้าวหน้าด้านการงานสูงขึ้น

“สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” คือตัวอย่างสดๆร้อนๆ

ประเด็นปัญหาของประเทศ ณ วันนี้ยังคงเป็นเรื่อง “เศรษฐกิจ” ที่จะต้องเร่งฟื้นฟูเพื่อให้คืนกลับมาสู่การฟื้นตัวอย่างเป็นรูปธรรม

แต่สถานการณ์โลกไม่ค่อยเป็นใจเท่าใดนัก ล่าสุดการส่งออกที่กำลังไปดีๆกลับมาติดลบรวมถึงปัญหาความขัดแย้งระหว่างชาติต่างๆ

จึงต้องเพิ่มขีดความสามารถในการแก้ไขอีกหลายเท่าตัว!

“สายล่อฟ้า”

คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม