แย่งซีนกันมาติดๆไม่มีน้อยหน้ากัน
“เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เปรยข่าวดีวันแรงงาน 1 พ.ค.2567 ยาหอมปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศเป็น 400 บาท มีผลวันที่ 1 ต.ค.นี้ ยกระดับผู้ใช้แรงงานให้มีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น
เบียดทำแต้มแข่งพรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำรัฐบาลที่เพิ่งตีปี๊บปรับเงินเดือนข้าราชการบรรจุใหม่ ระดับปริญญาตรี 18,000 บาทต่อเดือน และเพิ่มเบี้ยหวัดบำนาญ เป็นเดือนละ 11,000 บาท มีผลบังคับใช้วันที่ 1 พ.ค.2567
2 พรรคแกนนำรัฐบาล “เพื่อไทย–ภูมิใจไทย” ตีคู่ชิงคะแนนวันแรงงาน แย่งเรตติ้งอุตลุด
ภาวะที่ “นายกฯนิด” เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ต้องเหยียบคันเร่งสปีดผลงานเต็มที่ หลังเพิ่งปรับโฉม ครม. “เศรษฐา 1/1” เสร็จหมาดๆ

...
รอนำ ครม.ใหม่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ วันที่ 3 พ.ค. ก่อนเริ่มต้นทำงานอย่างเป็นทางการ
แม้จะมีคิวแทรกทำหายใจไม่ทั่วท้อง “ดร.ตั๊ก” นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ประกาศไขก๊อกเก้าอี้ รมว.ต่างประเทศ กะทันหัน ไม่พอใจถูกหักคอ เขี่ยพ้นตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี โดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า
แต่ก็กลับมาตั้งหลักได้เร็ว รีบส่ง “ทูตปู” มาริษ เสงี่ยมพงษ์ อดีตเอกอัครราชทูตหลายประเทศ สายตรง “บ้านจันทร์ส่องหล้า” เสียบเก้าอี้ รมว.ต่างประเทศ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าทันทีทันใด
เพื่อไทยไม่ยี่หระเสียมือดีด้านต่างประเทศ อย่างที่ทีมลูกหาบไล่แซะไม่เสียดายนายปานปรีย์ลาออก แขวะไม่มีคุณสมบัติเป็นนักการเมือง ขาดน้ำอดน้ำทน เชื่อว่าไม่มีผลกระทบต่อพรรค เนื่องจากไม่ใช่คีย์แมนสำคัญ
ไม่ออกอาการเสียรูปขบวน แรงกระเพื่อมมาแค่แวบเดียวแล้วหายไป
เพื่อไทยไม่สะทกสะท้านแรงต้านจากฝ่ายอดีตรัฐมนตรีที่อกหัก เปิดเกมรุกเดินหน้าทำงานต่อทันที
ตามคิวโหมโรงสร้างความฮึกเหิม เตรียมแถลงแคมเปญใหญ่ “10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10” ในวันที่ 3 พ.ค.นี้ ที่พรรคเพื่อไทย
เปิดเวทีให้ “นายกฯนิด” และ “อุ๊งอิ๊งค์” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ขึ้นเวทีโชว์วิสัยทัศน์การเป็นผู้นำสร้างการเปลี่ยนแปลงประเทศ
ควบคู่ไปกับการปั้นทีมคนรุ่นใหม่พรรคเพื่อไทยอย่าง จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ สส.กทม. ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ ร่วมแจกแจงนโยบายหลักพรรคเพื่อไทย ทั้ง 30 บาทรักษาทุกที่ ซอฟต์พาวเวอร์ การแก้วิกฤติเศรษฐกิจ การแก้รัฐธรรมนูญ

โชว์ผลงานการเปลี่ยนแปลงประเทศในรอบ 10 เดือนของรัฐบาลเพื่อไทย พร้อมการเปิดตัวผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.)
อีเวนต์เดียวได้โชว์ออฟแสดงศักยภาพครบเครื่องทุกองคาพยพ ทั้งนายกฯ หัวหน้าพรรค และทีมคนรุ่นใหม่
สายเลือดใหม่เพื่อไทยเริ่มเบ่งบาน ได้มีที่นั่งเป็นรัฐมนตรีใน ครม.ชุดใหม่ มีโอกาสแสดงฝีมือ อวดจุดขายคนรุ่นใหม่สู้กับพรรคก้าวไกล
ตรงกันข้ามกับสถานการณ์ทีมนักเลือกตั้งอาชีพ บรรดารุ่นเก๋า ถูกลดทอนบทบาท กระเด็นหลุดเก้าอี้รัฐมนตรี อาทิ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว อดีต รมว.สาธารณสุข นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
จะเป็นผู้แทนลายครามหรือขุนศึกระดับหัวแถวแค่ไหนก็ปิ๋วได้ ถ้าไม่ใช่ประเภทสายแข็งบ้านจันทร์ส่องหล้า หรือสายตรงกลุ่มนายทุนก็อยู่ลำบาก
ต้องไปลุ้นตัวโก่งเก้าอี้ปลิวไปแล้ว จะขาลอยซ้ำสอง มีตำแหน่งทางการเมืองอื่นรองรับหรือไม่
เพื่อไทยลุยฝ่าแรงกระเพื่อม ไม่ยี่หระประเด็นดราม่า เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล ใช้งานเสร็จแล้วเฉดหัวส่ง เร่งปรับกระบวนทัพ กระชับอำนาจ เสริมภาพลักษณ์ ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ถ่ายเลือดใหม่ทุกองคาพยพ
ไม่ใช่เฉพาะแค่ ครม. แม้แต่ในภาคสนามก็จัดระเบียบใหม่ อย่างที่เห็นการปรับโฉมแนวรบทีม กทม.
ริบดาบทีมอำนาจรุ่นเก่าจาก “เจ๊แจ๋น” พวงเพ็ชร อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่เคยมีบทบาทคุมพื้นที่โซน กทม.ตอนเลือกตั้งปี 2566 ในฐานะประธานกรรมการติดตาม ตรวจสอบการดำเนินงานสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เปลี่ยนมือให้ “อุ๊งอิ๊งค์” เป็นหัวหน้าทีมคนใหม่ มีทีมยังบลัดร่วมเป็นกรรมการใหม่ยกชุด
ถ่ายเลือดให้ทีมเจเนอเรชันใหม่นั่งแท่นบัญชาการคุมยุทธศาสตร์สนามเมืองหลวง วัดพลังเครื่องจักรสีแดงสู้พายุสีส้มในเมืองกรุง
สมรภูมิที่ต้องสู้กับ “กระแส” ไม่หมูเหมือนสู้กับ “กระสุน” เหมือนสนามอื่นทั่วไป!!!
ทีมข่าวการเมือง