ฉากผ่านทางการเมืองหลังปรับ ครม.ก็ได้ชุดใหม่บริหารประเทศกันต่อไป การเมืองนั้นก็เป็นอย่างนี้ ไม่สมหวังก็ผิดหวัง
เจ็บปวดแค้นเคืองอย่างไรก็ต้องเก็บเอาไว้ในใจเพราะมีวันนี้พรุ่งนี้อาจจะกลับมาแก้ตัวได้ถ้าไม่เข็ดขยาดไปเสียก่อน
แต่ที่เห็นความทรงจำที่มิอาจลบหายไปได้ ใครทำอะไรไว้ก็ต้องรู้อยู่แก่ใจตัวเองไปตลอดเพราะความจริง
ก็คือความจริง!
ปรากฏการณ์ที่ “ปานปรีย์ พหิทธานุกร” ได้ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศหลังจากโปรดเกล้าฯ รัฐมนตรีชุดใหม่หมาดๆ นั้น
คงไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดเหตุเช่นนี้
ที่ผ่านมาภายใต้อำนาจบารมีของ “ทักษิณ ชินวัตร” ไม่มีใครกล้าหือเมื่อตัดสินใจไปแล้วต้องจบไม่ว่าใครจะได้รับผลอย่างไรก็ตาม
แต่คราวนี้กลับมีบุคคลหาญกล้าแบบ “หักหน้า” กันไม่ปานย่อมบ่งบอกได้ว่าอย่าประเมินคนต่ำเกินไป
บางคนนั้นเงียบๆเรียบร้อยแต่ใจนั้นใหญ่กว่าตัวหลายเท่า
แน่นอนว่าใน “เพื่อไทย” รัฐมนตรีที่ถูกปลดออกยังมีอีก 3 คน ไม่ว่าจะเป็น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ไชยา พรหมา พวงเพ็ชร ชุนละเอียด ที่แน่นอนว่าต่างก็คงรู้สึกไม่พอใจที่ถูกกระทำอย่างนี้
โดยเฉพาะ “ชลน่าน” นั้นคงจะน้อยใจมากสุด เพราะทำงานให้อย่างหนักมาตลอดในตำแหน่งหัวหน้าพรรคทั้งการหาเสียงและช่วงจัดตั้งรัฐบาล
ต้องเอาหน้าเข้าแลกเอาชื่อเสียงค้ำประกัน
แต่พอทุกอย่างสำเร็จได้เป็นรัฐมนตรีแค่ 7 เดือนกลับถูกปลดจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ในภาวะอย่างนี้เขาย่อมต้องเกิดอาการน้อยใจแน่
อีก 2 คนนั้นคงรู้ตัวดีว่าที่ถูกปลดนั้นก็เพราะไม่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์จึงต้องยอมรับสภาพโดยดุษณี
ถามว่าแล้วทำไมจึงไม่มีปฏิกิริยาเหมือนกับ “ปานปรีย์”
...
คำตอบสั้นๆง่ายๆก็เพราะ...
ทั้ง 3 คนนี้ไม่มีแสงสว่างในตัวเอง ยังต้องพึ่งพรรคในรูปแบบต่างๆ เพราะถ้าตัดสินใจอย่าง “ปานปรีย์” ก็ไม่รู้ว่าอนาคตทางการเมืองข้างหน้าจะเป็นอย่างไรต่อไป
นี่คือความต่างและความเหมือนที่ทำให้ผลออกมาอย่างนี้
แต่ประเด็นที่ชวนให้คิด ณ วันนี้ก็คือไม่ว่าใครคนไหนที่มีส่วนตัดสินใจสูงสุดในการปรับ ครม.ครั้งนี้ต้องกลับไปคิดใหม่แล้วว่า
ไอ้ที่เคยขลังสะกดได้ทุกอย่างนั้นวันนี้ไม่ใช่อย่างนั้นแล้วเพราะทุกคนต่างก็มีหัวจิตหัวใจและกล้าหาญพอที่จะตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งได้
หากรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือไม่ให้เกียรติกันอย่าคิดว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามที่ต้องการไม่ว่าจะให้ไปทางไหนต้องเป็นไปตามนั้น
พูดง่ายๆว่าเขาไม่ใช่พนักงานบริษัทที่จับซ้ายหันขวาหันอย่างไรก็ได้
แม้โดยรวมใน “เพื่อไทย” ยังปกติไม่มีปัญหาเพราะมีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถอีกมาก แต่ที่สำคัญก็คือได้เกิดอาการสั่นไหวขึ้นมาแล้ว
ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมแล้ว!
“สายล่อฟ้า”
คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม