ก็ต้องเดินหน้ากันต่อไป เพราะเรื่องของชาติบ้านเมืองนั้นหยุดนิ่งไม่ได้ ล่าสุด “มาริษ เสงี่ยมพงษ์” อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีต่างประเทศ (ปานปรีย์ พหิทธานุกร) ที่ลาออกจากตำแหน่ง จะได้รับการแต่งตั้งให้ขึ้นแท่นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนใหม่

เขาเป็นอดีตนักการทูตจากหลายประเทศ รู้จักมักคุ้นกับ “ทักษิณ ชินวัตร” สมัยที่เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ

จากนั้นก็วนเวียนอยู่กับแวดวงการเมืองจากไทยรักไทยมาถึงเพื่อไทยในปัจจุบัน

สรุปก็คือ คนของ “ทักษิณ”...ว่างั้นเถอะ

ไม่รู้ฝีมือจะขนาดไหนแต่งานด้านต่างประเทศในปัจจุบันนั้นถือว่าหนักเอาการ เพราะความเป็นไปของโลกในปัจจุบันนั้นมีแต่เรื่องใหญ่ๆทั้งนั้น จึงต้องใช้ความสามารถอย่างเต็มที่

ตกขบวนไม่ได้เป็นอันขาด

แต่เรื่อง “เมียนมา” ประเทศเพื่อนบ้านใกล้ชิดติดกันก็ยังยุ่งที่ไม่รู้ว่าจะจบอย่างไร และไทยมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ลีลาการทูตแบบครบเครื่องเสียด้วย

อีกเรื่องที่ตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ล่าสุดมีข่าวว่าข้อตกลงหยุดยิงน่าจะสำเร็จเพราะอิสราเอลเจอแรงกดดันอย่างหนักจนต้องยอมรับเงื่อนไข โดยเฉพาะนักศึกษาในมหาวิทยาลัยต่างๆที่สหรัฐฯได้ชุมนุมประท้วงอย่างเอาการเอางาน

รัฐบาลสหรัฐฯจึงต้องออกแรงกดดันอิสราเอลให้ยอมรับเงื่อนไข เพราะที่เล่นบทตีสองหน้ามาตลอดนั้นทำไม่ได้แล้ว

ภารกิจของรัฐมนตรีต่างประเทศคนใหม่ คือต้องติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด เพราะต้องไม่ลืมว่ายังมีคนไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกันอีก 8 คน หากหยุดยิงก็คงได้รับการปล่อยตัวด้วย

หน้าที่สำคัญก็คือประสานงานกับฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำคนไทยกลับประเทศให้ได้ วันนี้ไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร

...

หวังว่าจะโชว์ผลงานประเดิมเก้าอี้ใหม่ให้ปรากฏ

การส่งไม้ต่อในภาวการณ์ที่เป็นหัวเลี้ยวหัวต่ออย่างนี้จึงจำเป็นที่จะต้องหารือกับรัฐมนตรีคนเก่า เพื่อจะได้รับทราบความเป็นไปต่างๆ

โดยเฉพาะการประสานงานกับประเทศและกลุ่มต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งโดยตรงและโดยอ้อม เนื่องจากมีความละเอียดซับซ้อนพอสมควร

การติดต่อกับกลุ่มต่างๆนั้น ที่ผ่านมาต้องใช้ความร่วมมือจากหลายฝ่าย มิใช่แค่กระทรวงการต่างประเทศเท่านั้น

อย่างประธานสภาผู้แทนฯ ที่มีส่วนติดต่อประสานงานกับกลุ่มฮามาสก็มีส่วนช่วยให้การปล่อยตัวคนงานไทยชุดแรกๆประสบความสำเร็จ

พูดง่ายๆกระทรวงการต่างประเทศจะต้องเป็นตัวกลาง เพื่อประสานงานกับฝ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้อง เพราะบางกลุ่มต้องอาศัยความสัมพันธ์ส่วนตัวจึงจะสำเร็จได้

ต้องทำการบ้านล่วงหน้าได้แล้ว

หรืออย่างปัญหาในเมียนมานั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่มีความยุ่งยากไม่น้อย ต้องเริ่มต้นด้วยจุดยืนของไทย

ว่าจะเอาแบบไหนเป็นหลัก!

เพราะมีข้อเสนอว่าไทยควรเป็นเจ้าภาพเพื่อเจรจากับทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อหาข้อยุติแต่ก็ต้องรู้ด้วยว่า แต่ละฝ่ายที่มีกองหนุนอยู่ข้างหลังนั้นมีจุดยืนแค่ไหนอย่างไร

ที่สำคัญก็คือแต่ละฝ่ายล้วนระดับมหาอำนาจโลกทั้งนั้น

จุดยืนของไทยจึงต้องมั่นคงและได้ประโยชน์ด้วย!

"สายล่อฟ้า"

คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม