“เศรษฐา 1/1” หรือ “เศรษฐา 2” ยังสับสน สื่อมวลชนต่างฝ่ายต่างเรียกกันไปคนละทิศคนละทาง ตามระดับความรู้ความเข้าใจและความยากง่ายในการพาดหัวข่าว
และเดี๋ยวก็จะต้องปรับลำดับกันอีกครั้ง จากการปรับ ครม.รอบหน้า เพื่อแทนที่ “ดร.ตั๊ก” นายปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีต รมว.ต่างประเทศ ที่ไขก๊อกแบบกะทันหัน ไม่ทันเข้ากระบวนการแต่งตั้ง ครม.ชุดใหม่
เอาเป็นว่า ตัวเลขไม่สำคัญ มันก็แค่สัญลักษณ์เท่านั้น
เพราะจุดสำคัญ เป็นที่รับรู้กันทั้งในหมู่ประชาชนคนไทยและสายตานานาชาติ ครม.ยี่ห้อรัฐบาลเพื่อไทย มันก็คือ “ทักษิณ อินฟินิตี้” ที่“เถ้าแก่ใหญ่” คุมเกมบริหารจัดการไว้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
ไม่จำกัดยุค ไม่จำกัดสมัย ตัวจริงเสียงจริงที่กำกับการแสดงอยู่หลังฉาก “นายกฯในตำแหน่ง” ตามสถานะของผู้มีบารมีนอกรัฐบาล ไม่ต้องกลัวแรงกระแทกที่พุ่งเข้าใส่
สไตล์ “เถ้าแก่ใหญ่” บริหารธุรกิจแบบ “กงสี” แค่กระแอม ลูกน้องต้องเด้งรับ

...
แบบที่เห็นคิวปรับ ครม.สดๆร้อนๆ จุดเริ่มที่ “เถ้าแก่ใหญ่” บินไปสงกรานต์เชียงใหม่ ส่งซิกต้องยกระดับเชิงบริหารเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้น จุดสุดท้ายคือภาพข่าวที่นายเศรษฐา บึ่งไปนั่งกินข้าวเที่ยงกับคนสำคัญที่โรงแรมหรูย่านสุขุมวิท ธุรกิจของตระกูลชินฯ
ให้มันรู้กันไปเลยว่า ใครคือคนมีอำนาจ “ทุบโต๊ะ” ปิดกล่อง
ส่วน “หนังหน้าไฟ” ก็ต้องทำหน้าที่ขันอาสามาเอง แบบที่นายเศรษฐา เอ่ยปากขอโทษ รับสภาพการไขก๊อกแบบกะทันหันของนายปานปรีย์ สร้างความเสียหาย “ย่อยยับ” ในระดับแผ่นดินไหว 7-8 แมกนิจูด
ปรับ ครม.วงแตก ตั้งแต่ประกาศชื่ออย่างเป็นทางการ ปรากฏการณ์ป่วนประจาน กระทบเชิงบริหารรัฐบาล กระเทือนเครดิตทางการทูตของประเทศ เซ่นให้กับเกมอำนาจและผลประโยชน์ทางการเมือง
ตามท้องเรื่องที่ “นายกฯในตำแหน่ง” ต้องแก้ลำไป ในอารมณ์ที่เดาทางได้ “เถ้าแก่ใหญ่” ไม่ได้อินังขังขอบ เสียดาย เสียใจ กับการเสียมือดีอย่าง “ดร.ตั๊ก” ที่พลีชีพสังเวยเกมบริหารแบบ “กงสี”
เผลอๆจะ “เข้าเหลี่ยม” อีกต่างหาก จากรูปการณ์มาเร็วเคลมไว เพราะไม่กี่อึดใจก็มีชื่อ “ทูตปู” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ อดีตเอกอัครราชทูตไทย ที่ประจำอยู่หลายประเทศ เสียบเก้าอี้กระทรวงบัวแก้ว
มาพร้อมกับความพิเศษของสายตรงไม่มีอ้อม ย้อนไปดูภาพข่าวเก่าๆ “ทูตปู” คือคนตัวโย่งๆที่เดินประกบอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร คู่กับ “ป๋าดุง” นายผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ เลขาฯคู่ใจ “นายใหญ่” มาตั้งแต่ยุคอดีตรัฐบาลพรรคไทยรักไทยรุ่งเรือง

ตามท้องเรื่องที่เข้าใจได้ “เถ้าแก่ใหญ่” ต้องเน้น ต้องเฟ้นกระทรวงบัวแก้ว เพราะเป็นตำแหน่งแรกที่คนชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ตัดสินใจลงสนามการเมือง ในตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ
นั่นไม่เท่ากับภารกิจสำคัญกับ “ผู้นำอินเตอร์” รมว.ต่างประเทศมีผลโดยตรงกับการประทับสถานะ “ทักษิณ” และคนตระกูลชิน ทั้งในมุมการเจรจาทางการทูต และการเกื้อหนุนดีลธุรกิจข้ามชาติ โดยเฉพาะเพื่อนบ้าน กัมพูชา เมียนมา
“เถ้าแก่ใหญ่” ต้องใช้คนที่ “มองหัวแม่เท้าก็รู้ใจ” มาคุมกระทรวงหัวใจ
แนวโน้มจึงไม่มีอะไรในกอไผ่ เมื่อธงอยู่ที่เกมรวบอำนาจ บทสรุปตัดจบโพยปรับ ครม.ของพรรคเพื่อไทย เบ็ดเสร็จอยู่ใต้อาณัติ “จันทร์ส่องหล้า”
แต่ที่น่าติดตามตอนต่อไป เหมือนจะจบแต่ไม่จบ
แนวโน้มอันตรายจากทุ่นระเบิดที่ฝังอยู่พรรคร่วมรัฐบาล โฟกัสไปค่ายรวมไทยสร้างชาติที่กองกำลังชนกลุ่มน้อยแตกกันเละ ก๊วนห้อยโหน “ลุงตู่” แก๊งใต้ปีก “ลุงกำนัน” และกลุ่มสายตรงสปอนเซอร์
พยายามก่อรัฐประหารภายใน แต่ยังไม่ถึงขั้นติดดาบตะลุมบอน
ไฟสุมขอนรอลุกไหม้ ตามเป้าหมายแท้จริง อยู่ที่การโละ “เสี่ยตุ๋ย” นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯและ รมว.พลังงาน ที่ยึดโควตาตามสถานะหัวหน้าพรรค
ด้วยสไตล์ “คุณชายหัวแข็ง” ตัวตึง ปัดแข้งปัดขากับทีมสปอนเซอร์ ทำให้น่าเป็นห่วงสุขภาพ
ประเมินจากคิวปรับ ครม.รอบนี้เห็นชัดว่า “เถ้าแก่ใหญ่” ให้น้ำหนักกับสปอนเซอร์มากกว่า
“เสี่ยตุ๋ย” น่าจะถูกขึ้นบัญชี “ดีหนึ่งประเภทหนึ่ง” ในรอบต่อไป.
ทีมข่าวการเมือง
คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม