นายกฯปิดจ๊อบโผ ครม.เศรษฐา 2 จัดทัพ เสริมแกร่งทีมกระทรวงคลัง “พิชัย” นั่งรองนายกฯ ควบ รมว.คลัง คุมทีม 3 รมช. “ธรรมนัส” จบสวยยึดกระทรวงเกษตรฯ เบ็ดเสร็จ ยก รมช.พาณิชย์ แลกกับ รมช.เกษตรฯ ของพรรค พท.ให้ “อรรถกร” มานั่งช่วยงาน ก่อน พท.รับลูกส่งต่อให้ รทสช. มอบ “สุชาติ” คัมแบ็กลดชั้นมานั่ง รมช.พาณิชย์ โยก “จิราพร” ประเดิมเก้าอี้ครั้งแรกเป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ “เศรษฐา” ล้มแผนควบ รมว.กลาโหม เหตุ พท.แสลงใจชื่อ “ณัฐพล” หวั่นขี่คอ รมว.กห. กุมอำนาจบริหาร พลิ้วเรียกคุยว่าที่ รมต.-ก๊วนหลุดโผ ยันคุยเรื่องงานไม่เกี่ยวจ่ายงาน ประสานเสียง “ภูมิธรรม” วงหม่ำข้าวโรสวูดไร้เงา “ทักษิณ” “ไผ่” ไม่น้อยใจ วืด รมต.ซ้ำสอง รอส่งกฤษฎีกาตีความให้ชัดค่อยลุ้น อีกรอบ “ลุงป้อม” โบ้ยไม่รู้ๆโยนถามนายกฯ กกต. เตือนจูงใจเฟ้น สว.ส่อผิดกฎหมาย
จากกรณีกระแสข่าวนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ร่วมวงมื้อกลางวันกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่โรงแรมโรสวูด ถนนสุขุมวิท หารือสรุป การปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ล่าสุดนายภูมิธรรม ปฏิเสธว่าวงหารือดังกล่าวไม่มีนายทักษิณร่วมด้วย และเป็นการหารือเกี่ยวกับการทำเอฟทีเอ ไอยูยู และ งานด้านต่างประเทศหลายเรื่อง ไม่มีการพูดคุยเรื่องปรับ ครม.
“ภูมิธรรม” ปัดกินข้าวถกงานไร้ “ทักษิณ”
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 26 เม.ย. ที่ทำเนียบ รัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวกินข้าวมื้อเที่ยง ที่โรงแรมโรสวูด เมื่อวันที่ 25 เม.ย. ร่วมกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.คลัง และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หรือไม่ว่า เป็นการไปกินข้าวกับนายกฯ เมื่อถามย้ำว่า มีนายทักษิณร่วมวงกินข้าวด้วยหรือไม่ นายภูมิธรรม ตอบว่า ไม่มีอะไรเลย คุยกันสองคนกับนายกฯ พูดคุย เร่งรัดการทำงาน เมื่อถามว่า มีการพูดคุยถึงรายชื่อการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือไม่ นายภูมิธรรม ปฏิเสธว่าไม่มี เพราะเป็นเรื่องที่นายกฯ จะตัดสินใจ ไม่ทราบรายละเอียด นายกฯ เป็นผู้ประสานงานเรื่อง ดังกล่าว เมื่อถามว่า วงกินข้าวมี นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ ร่วมด้วย ไปตรวจสอบคุณสมบัติรายชื่อรัฐมนตรีใหม่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า เราคุยเรื่องการทำเอฟทีเอ ไอยูยู และงาน ด้านต่างประเทศหลายเรื่อง ยืนยันว่าการคุย 3 คน ไม่มีการพูดคุยเรื่องปรับ ครม. เมื่อถามย้ำอีกว่า มีการคุยระหว่างนายกฯ กับนายทักษิณ เรื่องปรับ ครม.หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่เห็นเลย ยืนยัน ว่า การไปคุยที่โรงแรมวันที่ 25 เม.ย. ไม่มีนายทักษิณ เราไม่ได้พบนายทักษิณ
...
ปรับ ครม.เรื่องของนายกฯ ชี้ขาด
เมื่อถามว่า การปรับ ครม.จะเสร็จสิ้นเมื่อไหร่ เพราะต้องลดแรงกระเพื่อมทางการเมือง นายภูมิธรรม กล่าวว่า การปรับ ครม.เป็นเรื่องของนายกฯ จะดูการ ทำงานของรัฐมนตรีทั้งหมด หากเดินหน้าดีจะเดินหน้าไป ถ้ามีปัญหาต้องมาหารือกัน ขณะนี้ยังไม่มี การหารืออย่างชัดเจน มีเพียงแต่ข่าวออกมาว่าจะปรับ โน่นนี่ ส่วนการหารือกับพรรคร่วมรัฐบาล ได้พูดคุย บ้างธรรมดาปกติ ถ้าเราเห็นว่าไม่มีอะไรจำเป็นจริงๆ ไม่อยากให้ปรับอะไรมาก ทั้งหมดการปรับขึ้นอยู่กับ สถานการณ์ และการตัดสินใจของนายกฯ เป็นหลัก เมื่อถามย้ำว่า พรรคร่วมรัฐบาลมีการเสนอปรับ ครม.หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ยังไม่มี เพราะเพิ่งทำงานได้ส่วนหนึ่ง เรื่องพรรคร่วมรัฐบาลเป็นเรื่องที่พวกเขาต้องประเมินกันเอง และหากชัดเจนเมื่อไหร่ ต้องเสนอเข้ามา เมื่อถามว่า โฆษกรัฐบาลต้องปรับตามกระแสข่าวหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ถ้าคณะ รัฐมนตรีไม่ปรับ จะปรับโฆษกได้อย่างไร ถ้า ครม. ปรับชัดเจนอาจปรับโฆษกรัฐบาล เพราะโฆษกรัฐบาล เป็นเรื่องเล็กกว่าการปรับ ครม.
“หมอชัย” โนคอมเมนต์ “จักรพล” เสียบ
เมื่อเวลา 12.20 น. ทำเนียบรัฐบาล นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กระแสข่าวที่นายกรัฐมนตรีทาบทามนายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ให้มาดำรงตำแหน่งเป็นโฆษกประจำสำนักนายก รัฐมนตรีแทน ว่า “โนคอมเมนต์” เมื่อถามว่า ได้รับ การแจ้งจากนายกรัฐมนตรีเรื่องการปรับเปลี่ยนตำแหน่ง ดังกล่าวหรือไม่ นายชัยระบุว่า “ไม่มี”
พท.ลงตัว รมต.เข้า 4 ออก 3 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงการปรับคณะรัฐมนตรี “เศรษฐา 2” ว่า มีความชัดเจนนิ่งขึ้นโดยลำดับ โดยในส่วนของพรรคเพื่อไทย มีรัฐมนตรีที่ถูกปรับออก 3 คน ประกอบด้วย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรฯ เป็น สส.แบบแบ่งเขต จะกลับไปทำงานในฝ่ายนิติบัญญัติ และนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.ประจำสำนักนายกฯ แม้ไม่ได้เป็นสส. แต่มีการเตรียมหาตำแหน่งในฝ่ายบริหารไว้รองรับอยู่ ส่วนผู้ที่เข้ารับตำแหน่งใหม่จะมี 4 คน ประกอบด้วย นายพิชัย ชุณหวชิร ที่ปรึกษาของนายกฯ จะรับตำแหน่งรองนายกฯ ควบ รมว.คลัง โดยนายพิชัยได้ลาออกจากตำแหน่งงานในบริษัทเอกชนต่างๆ เรียบร้อยแล้ว นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการรมว.คลัง ที่มีความใกล้ชิดนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ และมีส่วนในการคิดนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ถูกผลักดันให้เป็น รมช.คลัง เพื่อขับเคลื่อนโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
“น้ำ” เปิดซิง รมต.ประจำสำนักนายกฯ
ขณะที่ น.ส.จิราพร สินธุไพร หรือน้ำ สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ที่มีชื่อเป็นแคนดิเดต รมช.พาณิชย์ แต่สุดท้ายมาลงตัวมีชื่อประเดิมชิมลางตำแหน่งรัฐมนตรีครั้งแรกในชีวิตทางการเมืองเป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ จากผลงานที่โดดเด่นในสภาฯ เข้าตาผู้ใหญ่ในพรรค อีกทั้งก่อนหน้าที่จะเข้าสู่สนามการเมือง อดีตเคยเป็นข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ อยู่ในสังกัดกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ นอกจากนี้นายพิชิต ชื่นบาน ที่ปรึกษาของนายกฯ จะได้เป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ ตามโควตาเดิมของตัวเองตั้งแต่ตั้ง ครม.เศรษฐา 1
แสลงชื่อ “ณัฐพล” นายกฯไม่ควบกลาโหม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับตำแหน่งที่มีการปรับเปลี่ยนคือนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง จะนั่งตำแหน่งนายกฯเพียงตำแหน่งเดียว ส่วนกระแสข่าวที่จะไปนั่ง รมว.กลาโหมแทนนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม แล้วดัน พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขานุการ รมว.กลาโหม ขึ้นเป็น รมช.กลาโหมก่อนหน้านี้ มีการประเมินกันว่าหากนายเศรษฐาเป็นนายกฯควบกับตำแหน่ง รมว.กลาโหม จะทำให้การบริหารงานตกไปอยู่ที่ รมช.กลาโหม เพราะนายเศรษฐาจะไม่มีเวลาทำหน้าที่ รมว.กลาโหม และชื่อพล.อ.ณัฐพล เหมือนเป็นของแสลงกับพรรคเพื่อไทย เพราะมีความใกล้ชิดกลุ่มอำนาจเก่า ทำให้ในที่สุดแล้วไม่มีการปรับนายสุทินออก โดยให้คุมกระทรวงกลาโหมต่อเหมือนเดิมแล้วนายเศรษฐาเป็นนายกฯเพียงตำแหน่งเดียว
“สมศักดิ์” คุม สธ. “สุริยะ” ควบรองนายกฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ จะโยกพ้นจากรองนายกฯไปนั่งเป็น รมว.สาธารณสุข นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม จากเดิมเป็น รมว.คมนาคมอย่างเดียว จะมานั่งควบรองนายกฯเพิ่มอีก 1 ตำแหน่งแทนนายสมศักดิ์ นายจักรพงษ์ แสงมณี รมช.ต่างประเทศ ที่มีความใกล้ชิดนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง จะถูกปรับให้เลื่อนชั้นขึ้นมาเป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ เพื่อช่วยงานนายเศรษฐาได้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.วัฒนธรรม จะสลับไปรับตำแหน่ง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา แทน น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ที่จะมาเป็น รมว.วัฒนธรรมแทน ส่วนนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯและ รมว.ต่างประเทศ จะถูกปรับให้เหลือ รมว.ต่างประเทศเพียงตำแหน่งเดียว โดยให้เหตุผลจะให้มุ่งการทำงานไปที่ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการเพียงอย่างเดียว ไม่ใช่เพราะปัญหาการทำงาน
“เกรียง” ได้ไปต่อรักษาฐานอีสานใต้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายเกรียง กัลป์ตินันท์ รมช.มหาดไทย โควตา สส.ภาคอีสาน ที่มีชื่อถูกปรับออกก่อนหน้านี้ แต่เนื่องจากหากปรับออกจะไม่มีรัฐมนตรีในสัดส่วนภาคอีสานใต้อยู่ใน ครม. จึงต้องให้นายเกรียงอยู่ต่อ เพื่อให้ตำแหน่งรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ครอบคลุมในพื้นที่ที่พรรคมีฐานเสียง
“สุชาติ” สมหวังได้นั่ง รมช.พาณิชย์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนการปรับ ครม.ในสัดส่วนพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มีการผลักดันให้นายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา พรรคพปชร.มาเป็น รมช.เกษตรฯ ตามโควตาที่ว่างอยู่แทนนายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร ที่ถูกวางตัวให้เป็นรัฐมนตรี แต่ไม่ผ่านปมปัญหาเรื่องคุณสมบัติจนต้อง ส่งนายอรรถกรมาแทน ขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติ ช่วงเย็นวันเดียวกันได้มีการประชุมกรรมการบริหารพรรค และได้แจ้งในที่ประชุมพรรคว่า นายอนุชา นาคาศัย รมช.เกษตรฯ จะถูกปรับออก โดยบุคคลที่จะ เข้าไปเป็นรัฐมนตรีสัดส่วนของพรรคคือ นายสุชาติ ชมกลิ่น สส.บัญชีรายชื่อ ที่จะได้เข้านั่งเก้าอี้ รมช.พาณิชย์
เสริมแกร่ง ก.คลัง 4 เก้าอี้รัฐมนตรี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปรับ ครม.ครั้งนี้ นายเศรษฐาวางแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน มุ่งเน้นไปที่กระทรวงเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกระทรวงการคลัง นอกจากส่งนายพิชัย เป็น รมว.คลัง โดยมีนายเผ่าภูมิ เข้ามาเสริมทีมเป็น รมช.คลังอีก 1 คน เมื่อรวมกับนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง พรรคพท.และนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.คลัง จากพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ยังอยู่ที่เดิม ทำให้กระทรวงการคลังมีรัฐมนตรีทั้งสิ้น 4 คน เพื่อต้องการมุ่งเน้น การขับเคลื่อนโครงการดิจิทัลวอลเล็ต โดยนายพิชัย ได้เดินทางเข้าไปดูห้องทำงานที่กระทรวงการคลังแล้ว ส่วนนายเผ่าภูมิได้ยื่นเอกสารลาออกจากตำแหน่งเลขานุการ รมว.คลังเรียบร้อยเช่นเดียวกัน
“ธรรมนัส” คุมเบ็ดเสร็จ ก.เกษตรฯ
ขณะที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) เมื่อมีการปรับนายไชยา พรหมา และนายอนุชา นาคาศัย รมช.เกษตรฯ ออกไป ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้ขอแลกโควตา รมช.พาณิชย์ของพรรคพปชร.กับโควตา รมช.เกษตรฯของพรรคเพื่อไทย เพื่อให้นายอรรถกรมานั่ง ตามแผนต้องการบริหารงานกระทรวงเกษตรฯอย่างเบ็ดเสร็จภายใต้พรรคพปชร.พรรคเดียว โดยโควตา รมช.พาณิชย์ พรรคเพื่อไทยได้ส่งต่อไปให้พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ส่งนายสุชาติมารับตำแหน่งดังกล่าว แล้วโยก น.ส.จิราพร ไปเป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ ทั้งนี้คาดว่ากระบวนการทั้งหมดจะเสร็จสิ้นภายใน 1-2 วันนี้
“เสี่ยเฮ้ง” ดอดขึ้นหลังตึกไทยคู่ฟ้า
เมื่อเวลา 15.53น.นายสุชาติ ชมกลิ่น สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่มีรายชื่อติดโผได้กลับมาเป็นรัฐมนตรีอีกครั้งในโควตาพรรค รทสช. ได้เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล พร้อม น.ส.พิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค รทสช. แต่นั่งรถมาคนละคัน โดยนายสุชาติได้ให้รถไปจอดด้านหลังตึกไทยคู่ฟ้าทันทีที่นายสุชาติลงจากรถได้พยายามเอามือปิดหน้า ผู้สื่อข่าวที่เฝ้าสังเกตการณ์พยายามส่งเสียงเรียก แต่นายสุชาติ ไม่ได้หันมามอง ก่อนที่ทั้งคู่จะรีบเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าไปทันที กระทั่งเวลา 16.20น. นายสุชาติได้เดินทางกลับออกจากทำเนียบรัฐบาล ตามด้วย น.ส.พิชชารัตน์กลับออกไปในเวลาไล่เลี่ยกัน ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่านายสุชาติอาจจะไปนั่งในตำแหน่ง รมช. สาธารณสุข จากนั้นเวลา 16.00 น. นางณัฐฎ์จารี อนันตศิลป์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้เดิน ขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า
เรียกคุยคนหลุดโผ “พวงเพ็ชร” มาเดี่ยว
ต่อมาเวลา 16.13น. นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.ประจำสำนักนายกฯ เดินทางขึ้นหลังตึกไทยคู่ฟ้า ท่ามกลางกระแสข่าวนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.คลัง ได้เรียกรัฐมนตรีที่มีรายชื่อที่คาดว่าจะถูกปรับออกจาก ครม.เข้าพบบนตึกไทยคู่ฟ้า ขณะที่นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรฯ ที่มีรายชื่อว่าจะถูกปลดออกเช่นกัน ผู้สื่อข่าวได้โทร.สอบถามว่าได้รับการประสานให้เข้าพบนายกฯหรือไม่ นายไชยากล่าวว่า ไม่ได้รับการประสาน ตอนนี้ปฏิบัติภารกิจอยู่ที่ จ.นครพนม และในวันที่ 27 เม.ย.จะลงพื้นที่ จ.จันทบุรีและ จ.ระยอง ร่วมกับนายกฯ ขณะที่มีรายงานข่าวว่า นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข ได้รับการประสานเข้าพบนายกฯเช่นกัน แต่เนื่องจาก นพ.ชลน่าน ติดภารกิจที่ จ.น่าน ทำให้ไม่สามารถเดินทางมาได้
พลิ้วหารือเรื่องงานลุยเมืองจันท์
ต่อมาเวลา 17.25 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีรัฐมนตรีและบุคคลที่มีชื่อในโผปรับ ครม.เข้าพบที่ตึกไทยคู่ฟ้าว่า มาคุยเรื่องงาน ยังมีเรื่องค้างอยู่เยอะแยะไปหมด เมื่อถามถึงกรณีนายสุชาติ ชมกลิ่น สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรค รทสช.เข้าพบ โดยมีชื่อจะได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีครั้งนี้ นายเศรษฐากล่าวว่า ตนเคยกินข้าวกับนายสุชาติ จึงเรียกมาถามไถ่เรื่องพื้นที่ ตนจะลงพื้นที่ จ.จันทบุรี วันที่ 27 เม.ย. นายสุชาติไม่ได้คุยเรื่องอะไร นายสุชาติอยู่พรรค รทสช.ต้องให้เกียรติทางนั้นเขาจะว่าอย่างไร คงไปก้าวล่วงกันไม่ได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องทำงานหรือจะประสานอะไร ตนมีอะไรก็คุยกับ น.ส.พิชชารัตน์ ในฐานะผู้ประสานงานพรรค เมื่อถามว่าพรรค รทสช.ส่งชื่อ ครม.หรือยัง นายเศรษฐาตอบว่า “ส่งเมื่อไหร่สื่อก็รู้เอง” เมื่อถามว่า แต่มีเลขาธิการ ครม.เข้ามาพบนายกฯด้วย นายเศรษฐากล่าวว่า ทุกวันศุกร์จะเตรียมเรื่องการประชุม ครม.เซ็นเรื่องที่จะเข้า ครม.
ปัดเรียก รมต.ใหม่แจกจ่ายงาน
เมื่อถามว่า เป็นการเรียกรัฐมนตรีใหม่ที่จะได้รับการแต่งตั้งเข้ามาแจกแจงการทำงานใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า คนที่ทำงานกับตนวันนี้ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมก็เข้ามา น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม เข้ามาคุยเรื่องแคดเมียมและโรงงาน เพราะปีนี้อุณหภูมิสูงขึ้นมาและมีโรงงานเก็บเคมีภัณฑ์หลายๆอย่างเริ่มมีการระเบิดหรือไอระเหยเยอะมาก จึงได้กำชับอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ต้องมาช่วยดูแลควบคุมสภาพให้โรงงานเหล่านี้อยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสม ก็ทำงาน คุยกับรัฐมนตรีที่มา เมื่อถามว่า น.ส.จิราพร สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ด และนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.ประจำสำนักนายกฯ เข้ามาด้วย นายกฯกล่าวว่า จะลงพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด ช่วงต้นเดือน พ.ค. และคุยเรื่องกรมประชาสัมพันธ์กับนางพวงเพ็ชรเป็นการสั่งงานธรรมดา
แซวสื่ออ่านข่าวโผ ครม.เหมือนนิยาย
เมื่อถามว่า สุดสัปดาห์นี้การปรับ ครม.จะเรียบร้อย หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า “เดี๋ยวสื่อก็ทราบเอง” เมื่อถามว่า ตอนนี้มีหลายโผเขย่ากันออกมา นายเศรษฐากล่าวว่า ตนอ่านบางคนไม่มีหรอก ปล่อยให้เขย่ากันไป เมื่อถามว่าเห็นรายชื่อแล้วเป็นไปตามโผที่ออกมาหรือไม่ ผิดถูกมากน้อยแค่ไหน นายเศรษฐากล่าวว่า เหมือนกับอ่านนิยาย สนุกๆไปไม่มีอะไร เดี๋ยวก็ทราบเอง
มั่นใจ “อุ๊งอิ๊งค์” คุม พท.ได้มั่นคง
เมื่อถามว่าโผในส่วนของพรรคเพื่อไทย (พท.) นิ่งแล้วหรือยัง นายกฯกล่าวว่า พรรค พท.นิ่งตลอด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค พท.คุมได้มั่นคง เมื่อถามย้ำว่ารายชื่อเป็นไปตามโผที่ออกมาหรือไม่ นายกฯไม่ตอบคำถามดังกล่าว พร้อมกล่าวว่าขอบคุณครับ เมื่อถามยืนยันได้หรือไม่ว่าการรับประทานอาหารที่โรงแรมโรสวูด เมื่อวันที่ 25 เม.ย. ที่ผ่านมา ไม่มีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ร่วมโต๊ะด้วย นายกฯกล่าวว่า ไม่มีครับ
พปชร.คึก “บิ๊กป้อม” นำประชุมใหญ่
เมื่อเวลา 10.30 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้จัดประชุมใหญ่สามัญพรรคพลังประชารัฐ ครั้งที่ 1 ประจำปี 2567 โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์ สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อในฐานะหัวหน้าพรรคเป็นประธาน พร้อมแกนนำ กรรมการบริหารพรรค อาทิ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ ในฐานะเลขาธิการพรรค พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรค รวมถึงรองหัวหน้าพรรค ทั้งนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.สาธารณสุข นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ นายไพบูลย์ นิติตะวัน นายวราเทพ รัตนากร ผอ.พรรค ขณะที่ สส.พรรค อาทิ นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร เขต 1 นายอนันต์ ผลอำนวย สส.กำแพงเพชร เขต 3 นายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา เขต 2 และสมาชิกพรรค เข้าร่วมประชุมพร้อมเพรียง
ชูสโลแกนใหม่ป้องสถาบัน ทันสมัย ศก.
พล.อ.ประวิตรขึ้นเวทีกล่าวเปิดประชุมว่า วันนี้ พรรค พปชร.ขอประกาศตัวเป็นพรรคอนุรักษ์นิยมทันสมัย มีอุดมการณ์แน่วแน่ปกป้องสถาบันและบริหารเศรษฐกิจที่ทันสมัย เพื่อสร้างชีวิตที่สดใสให้กับคนไทยทั้งประเทศ ด้วยสโลแกนใหม่ที่ว่า “ปกป้องสถาบัน ทันสมัยเศรษฐกิจ มีชีวิตที่สดใส” และจะได้ประกาศรายละเอียดทั้งหมดต่อไป จากนั้นพรรคได้พิจารณาตามระเบียบวาระการประชุม โดยใช้เวลาการประชุมเพียง 30 นาที ก่อนที่กรรมการบริหารพรรคและ สส.จะไปที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด
ส่งชื่อเดียว โยนไม่รู้ๆให้ถามนายกฯ
ขณะที่ก่อนการประชุม พล.อ.ประวิตรตอบคำถามผู้สื่อข่าวสั้นๆถึงกระแสข่าวพรรค พปชร.ส่ง 4 รายชื่อ นายไผ่ นายอำนวย นายชัยวุฒิ และนาย อรรถกร ในโควตา 1 เก้าอี้ รมช.ว่า อยากรู้ไปทำไม สื่อตอบว่า อยากรู้เพราะเป็นการบริหารประเทศ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า บริหารได้อยู่แล้ว ได้คนเดียว ต่อมาเวลา 11.00 น. พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์อีกครั้งก่อนเดินทางกลับถึงรายชื่อ ครม.เรียบร้อยใช่หรือไม่ว่า ให้ไปถามนายกฯ ที่บอกว่าส่งไป 4 ชื่อ เป็นเรื่องของกระแสข่าว เมื่อถามย้ำว่าส่งไปชื่อเดียวใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า “เออ ชื่อเดียวๆ” เมื่อถามย้ำว่าเป็นนายอรรถกรใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรบอกว่า “ไม่ใช่” ก่อนจะพูดแก้อีกครั้งว่า “ไม่รู้ๆ ไม่บอก”
“อนันต์” ยัน “ลุงป้อม” ส่งชื่อนั่ง รมต.
ขณะที่ก่อนการประชุม นายอนันต์ ผลอำนวย สส.กำแพงเพชร เขต 3 ที่เป็น 1 ใน 4 บุคคลที่มีข่าวระบุถูกเสนอชื่อเป็น รมต.ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อ 3 วันที่แล้ว พล.อ.ประวิตรได้แจ้งว่า ได้ส่งชื่อของตนไปแล้วในนามของพรรค พปชร. แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร จึงขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจในการตัดสินใจ เมื่อถามว่าได้กรอกประวัติรัฐมนตรีแล้วหรือยัง นายอนันต์กล่าวว่า ตรงนี้ยังไม่ขอตอบ เพราะยังมีเวลาอีกระยะหนึ่ง ยืนยันว่าคนที่มาเป็น สส.ต้องผ่านคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 มาแล้วในระดับหนึ่ง ส่วนการมาเป็นรัฐมนตรีจะใช้มาตรา 160 เมื่อมาพิจารณาอย่างละเอียด ยืนยันไม่ได้ขาดคุณสมบัติ เพราะเรากลัวปัญหานี้เหมือนกัน เนื่องจากในอดีตเคยเกิดเรื่องนี้ขึ้นในพรรคมาแล้ว เมื่อถามว่ามีข้อกล่าวหาอยู่ในองค์กรอิสระบ้างหรือไม่ นายอนันต์กล่าวว่า เป็นนักการเมืองมา 6 สมัย ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย ไม่มีคดีเล็กคดีน้อย
“ไผ่” ไม่น้อยใจชวดตำแหน่งอีกรอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.05 น. หลังการประชุม พปชร. นายไผ่เดินมาทักทายและพูดคุยกับนายวราเทพและนายอนันต์ ระหว่างรอขึ้นรถกลับ สื่อมวลชนขอให้ถ่ายภาพร่วมกัน พร้อมถามว่าหากรัฐมนตรีไม่ได้มาจาก จ.กําแพงเพชร พรรคจะแตกหรือไม่ นายวราเทพกล่าวว่า ขอไม่พูด ก่อนนายอนันต์จะกล่าวเสริมว่า พรรคนี้ตอกเสาเข็มหนาแน่น แข็งแรงแน่นอน ส่วนนายไผ่กล่าวติดตลกว่า พรรคไม่ใช่แก้ว ผู้สื่อข่าวถามนายไผ่ว่า ถอดใจแล้วหรือไม่ นายไผ่กล่าวว่า ไม่ได้ถอดใจ นายอนันต์จึงกล่าวเสริมว่า เราเชียร์กันจนถึงนาทีสุดท้าย เมื่อถามย้ำว่ารายชื่อที่ออกมานิ่งหรือยัง นายไผ่กล่าวว่า ไม่ทราบ ไม่มี ใครตอบ โดยผู้สื่อข่าวถามนายอนันต์ว่า มีความมั่นใจว่าจะได้เป็นรัฐมนตรีหรือไม่ นายอนันต์กล่าวว่า ตนไม่ทราบ หัวหน้าพรรคเสนอชื่อไปแบบนั้นแล้ว คนในพรรคทำงานได้ทุกคน ผู้สื่อข่าวจึงถามนายไผ่ว่า ไม่ได้รู้สึกน้อยใจใช่หรือไม่ นายไผ่กล่าวว่า ไม่น้อยใจ เนื่องจากตนติดปัญหา และได้คุยกับนายกฯแล้ว ซึ่งนายกฯบอกว่าอยากให้เรื่องนี้มีความชัดเจน เดี๋ยวจะมีทางออก เพราะผู้ใหญ่หลายคนบอกว่าเป็นการตีความกฎหมายที่คลาดเคลื่อน ไม่มีอะไรใหญ่โต เพื่อความสบายใจและเสถียรภาพ ก็ต้องว่ากันไป ยืนยันว่าตนไม่น้อยใจ
รอส่งกฤษฎีกาตีความลุ้นรอบหน้า
เมื่อถามว่าในอนาคตยังมีโอกาสใช่หรือไม่ นายไผ่กล่าวว่า ก็มีโอกาส แต่เพื่อความชัดเจน จะยื่นให้คณะกรรมการกฤษฎีกาชุดใหญ่ตีความเพราะนายกฯต้องการความชัดเจน ที่ได้รับการยืนยันจากคณะกรรมการชุดใหญ่ เมื่อถามว่าจะเสนอตีความเมื่อไหร่ นายไผ่กล่าวว่า อยู่ที่นายกฯ เมื่อถามยํ้าว่า แสดงว่าไม่ทันปรับ ครม.รอบนี้ใช่หรือไม่ นายไผ่กล่าวว่า ไม่น่าทัน เมื่อถามว่าจะเป็นรอบหน้าใช่หรือไม่ นายไผ่กล่าวว่า ก็หวังว่าอย่างนั้น แต่ยืนยันว่าขณะนี้ไม่มีอะไร ชิลๆ เมื่อถามว่าสามารถบอกได้หรือไม่ว่าคดีที่เป็นปัญหาคือคดีอะไร นายไผ่กล่าวว่า ไม่มีอะไร รอให้เสร็จกระบวนการค่อยคุยกัน เมื่อถามว่า โควตารัฐมนตรียังเป็นของ จ.กำแพงเพชร ใช่หรือไม่ นายไผ่กล่าวว่า ไม่ทราบ ต้องดูว่าผู้ใหญ่ในพรรคคุยกันอย่างไร แต่ไม่ว่าใครในพรรคจะเป็นรัฐมนตรี ก็ทำงานได้หมด เรายังมีบุคลากรที่เก่งอีกเยอะ เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า หากนายอนันต์ไม่ได้เป็นรัฐมนตรีอาจทำให้พรรคแตกได้ เพราะเป็นโควตา จ.กําแพงเพชร นายไผ่กล่าวว่า ไม่มีหรอก เข้าใจว่ากรณีตนเกิดขึ้นครั้งแรก จึงอยากให้มีความชัดเจน ขอรอก่อนดีกว่า
นายกฯต้อนรับผู้นำบังกลาเทศ
เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ให้การต้อนรับ นางชีค ฮาสินา นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ ในโอกาสเยือนไทยอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 24-29 เม.ย. ในฐานะแขกของ รัฐบาล โดยนายกฯ ได้นำตรวจแถวกองทหารเกียรติยศผสม หารือร่วมกัน และเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลงร่วมกัน 5 ฉบับ ได้แก่ 1.หนังสือประกาศเจตนารมณ์เริ่มการเจรจาจัดทำความตกลงการค้า เสรีไทย-บังกลาเทศ 2.ความตกลงว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางราชการ 3.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านพลังงาน 4.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว 5.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือและความช่วยเหลือทางศุลกากร ก่อนแถลงข่าวร่วมกัน
พุ่งเป้าเอฟทีเอยกระดับการค้า
นายเศรษฐากล่าวว่า สองประเทศมุ่งมั่นกระชับ ความสัมพันธ์ทวิภาคีและสานต่อความร่วมมือเพื่อผลประโยชน์ระหว่างกันในทุกๆด้าน ยินดีที่บังกลาเทศให้คำมั่นทำงานร่วมกันเพื่อนำไปสู่การบรรลุความตกลงการค้าเสรี FTA ไทย-บังกลาเทศ และขับเคลื่อนหลักในการสร้างเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาค ภายใต้กรอบความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความ ร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ (BIMSTEC) ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดประชุมปลายปีนี้ และบังกลาเทศเป็นประธานในครั้งต่อไป จากนั้น นายกฯได้นำเยี่ยมชมนิทรรศการศิลปหัตถกรรม และ หัตถศิลป์ ก่อนเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันเพื่อเป็นเกียรติ ต่อมานายกฯโพสต์เฟซบุ๊กว่า บังกลาเทศมีเศรษฐกิจใหญ่อันดับที่ 35 ของโลก ปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวมาไทยประมาณ 140,000 คน คาดว่า สร้างรายได้ให้ไทยไม่ต่ำกว่าปีละ 1 พันล้านบาท เป็นโอกาสดีจะได้พัฒนาความร่วมมือ โดยเฉพาะการเปิดเส้นทางเดินเรือ ท่าเรือจิตตะกอง-ท่าเรือระนอง รวมถึง Medical Tourism กระชับความ สัมพันธ์กว่าครึ่งศตวรรษให้แน่นแฟ้นขึ้น
กกต.เตือนจูงใจชี้ชวนเฟ้น สว.ส่อผิด ก.ม.
เมื่อเวลา 12.51 น. ศูนย์ต่อต้านข่าวเท็จ สำนักงาน คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกเอกสารข่าวฉบับที่ 1/2567 เรื่อง การจูงใจ/ชี้ชวน บุคคลมารวมกลุ่มเพื่อเสนอตัวสมัครรับเลือกเป็น สว.2567 อาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย ไม่สามารถจูงใจหรือชี้ชวนบุคคลให้สมัครเป็น สว.ได้ ใจความระบุว่า ตามที่มีกลุ่มบุคคลและตัวแทนองค์กรจัดแคมเปญให้มีการจูงใจ/ชี้ชวนรวบรวมบุคคลจากหลากหลายอาชีพรวม 20 กลุ่ม ให้เป็นผู้เสนอตัวสมัครเข้ารับการเลือกให้เป็นสมาชิกวุฒิสภาในระดับอำเภอ ระดับจังหวัด ระดับประเทศ ปรากฏในเว็บไซต์และสื่อสังคมออนไลน์ มีบุคคลประสงค์จะสมัครเข้ารับการเลือกให้เป็นสมาชิกวุฒิสภาเป็นจำนวนมาก กรอกข้อมูลส่วนตัว จุดยืน วิสัยทัศน์ และข้อมูลอื่นๆลงในเว็บไซต์ และสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อให้ผู้จัดแคมเปญรวบรวมรายชื่อผู้สมัครเผยแพร่อยู่ในเว็บไซต์ตน อันเป็นการจัดตั้งบุคคลให้มาเป็นผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา อาจเข้าข่ายเป็นความผิดตามกฎหมาย จึงขอแจ้งให้ผู้ประสงค์จะสมัครเข้ารับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา อย่าได้ดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด หรือกรอกข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้งจุดยืนให้เผยแพร่และปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ หรือสื่อสังคมออนไลน์ใดๆ
ขู่เก็บหลักฐานพร้อมฟันสั่งเลิกกระทำ
สำนักงาน กกต.ได้รวบรวมข้อเท็จจริง ข้อมูล และพยานหลักฐานตามที่ปรากฏในเว็บไซต์ไว้เรียบร้อยแล้ว หากพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นความผิดตามกฎหมาย หรือมีผู้ร้องเรียนว่าฝ่าฝืนบทบัญญัติของกฎหมาย สำนักงาน กกต.จะดำเนินการให้เป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมายในทันที จึงขอให้ยกเลิกและยุติการกระทำดังกล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้คณะก้าวหน้า นำโดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ได้เปิดแคมเปญรณรงค์ประชาชนร่วมกับสมัคร สว.เพื่อใช้ “เสียงอิสระ” โหวตเลือก สว.ชุดใหม่ หลังจาก สว.ชุดเดิมหมดอำนาจในวันที่ 10 พ.ค.
“ช่อ” สงสัย กกต.จงใจเล่นการเมือง
ช่วงเย็น น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้าให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศูนย์ต่อต้านข่าวเท็จ สำนักงาน กกต.เตือน การจูงใจชี้ชวนคนมาสมัครสว. เตือนผู้สมัครเรื่องการกรอกข้อมูล หรือจุดยืนปรากฏลงเว็บไซต์อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายว่า กกต.กำลังพุ่งเป้าไปที่เว็บไซต์ Senate 67 เว็บไซต์ภาคประชาชน ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคณะก้าวหน้าอีกทั้งไม่สามารถตีความได้เลยว่า Senate 67 กกต.เอาอำนาจไหนมาบังคับใช้ ในระเบียบไม่ได้ห้าม แต่กลับมาประกาศโพสต์ทางเฟซบุ๊ก มีผลบังคับใช้ทางกฎหมายได้อย่างไร Senate 67 ไม่ได้เข้าข้างใคร มีแต่อำนวยความสะดวกให้ประชาชน ถ้า กกต.บอกว่าผิดกฎหมาย เป็นการจงใจทางการเมืองแล้ว กกต.เองหรือไม่ที่พยายามเล่นการเมืองกับเรื่องนี้ ได้ยินข่าวลือมาว่ากังวลมากเรื่อง สว.สีส้ม เดี๋ยวจะได้มาเยอะ พยายามหาช่องทางสกัดกั้น โดยการให้ใบแดงบุคคลเหล่านี้ มันเป็นไปไม่ได้เพราะเรื่องยังไม่เกิดขึ้น จึงเกิดความพยายามอะไรประหลาดๆเพื่อจะให้สิ่งถูกกฎหมายกลายเป็นสิ่งผิดกฎหมายให้ได้
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่