สส.น้ำ จิราพร สายเลือดเสื้อแดงเข้มข้น ผู้แทน 2 สมัยจากเมืองร้อยเอ็ด ดาวเด่นสภายุครัฐบาลบิ๊กตู่ สู่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ใน ครม.เศรษฐา 1/1

โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของ รัฐบาลเศรษฐา 1/1 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยพบว่ามีรัฐมนตรีในพรรคเพื่อไทย หลุดจากเก้าอี้ ถึง 3 คน และมีเข้ามาใหม่ถึง 4 คน หนึ่งในนั้น คือ สส.น้ำ น.ส.จิราพร สินธุไพร ที่มีดีกรีเป็นถึงรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และยังเป็น สส. 2 สมัย แห่งเมืองร้อยเอ็ด ที่สามารถก้าวเข้ามารับตำแหน่ง รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไปครอง ในครม.เศรษฐา 1/1

เกิดและเติบโตในตระกูลการเมือง เลือดเสื้อแดงเต็มขั้น

สำหรับ น.ส.จิราพร สินธุไพร เกิดวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2530 ปัจจุบันอายุ 36 ปี เกิดในตระกูลนักการเมืองท้องถิ่น โดยเธอเป็นบุตรสาวคนโตของ นายนิสิต สินธุไพร อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดร้อยเอ็ด อดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน และอดีตแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ส่วนมารดาคือ นางเอมอร สินธุไพร อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย นอกจากนี้เธอยังมีน้องสาว 1 คน คือ น.ส.ชญาภา สินธุไพร ซึ่งก็ยังเป็น สส.เขต 8 จ.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย สมัยแรกด้วย

...

โดย น.ส. จิราพร เคยเล่าให้ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ฟังว่า ตอนเด็กๆหลังเลิกเรียน มักติดตามผู้เป็นพ่อไปเวทีปราศรัย นปช. เสมอ โดยเฉพาะเวลาที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ที่ตอนนั้นเป็นแกนนำแนวร่วม นปช. ขึ้นเวทีปราศรัย ก็มักจะชวนน้องสาวไปนั่งฟังหน้าเวที เพราะชอบลีลา และสำนวนโวหารของนายณัฐวุฒิ ทำให้เป็นจุดเริ่มต้นของการสนใจงานการเมือง และฝันอยากจะพูดเก่งอย่างนั้นบ้าง 

น.ส.ชญาภา สินธุไพร (ซ้าย) น.ส.จิราพร สินธุไพร (ขวา)
น.ส.ชญาภา สินธุไพร (ซ้าย) น.ส.จิราพร สินธุไพร (ขวา)

ฉายแววเด่นตั้งแต่เป็นผู้แทนสมัยแรก

กระทั่งการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 น.ส.จิราพร ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งแรกในเขต 5 จังหวัดร้อยเอ็ด สังกัดพรรคเพื่อไทย ก็ประสบความสำเร็จ ได้รับคะแนนเสียงท่วมท้นเป็นอันดับ 1 ของจังหวัด มากถึง 58,842 คะแนน จนถูกวางตัวมานั่งในตำแหน่งรองโฆษกพรรคเพื่อไทย 

ส่วนผลงานโดดเด่นคือลีลาการอภิปรายรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะฝ่ายค้าน โดยเฉพาะการขุดคุ้ยประเด็นเหมืองทองอัครา การทุจริตวัคซีนโควิด-19 และการแฉหลานชาย พล.อ.ประยุทธ์ ที่ตั้งบริษัทในค่ายทหาร มาฮั้วประมูลงานภาครัฐ จนฉายแววเป็นดาวเด่นในสภา แม้จะเป็น สส.สมัยแรกก็ตาม ถึงขั้นได้รับความไว้วางใจจากนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยในขณะนั้น ให้ทำหน้าที่อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์เกือบชั่วโมงเต็ม และออกปากชมว่าเป็นคนมีความสามารถ

ต่อมาเมื่อการเลือกตั้งปี 2566 น.ส.จิราพร ลงเลือกตั้งอีกครั้งในสังกัดพรรคเดิม ก็สามารถคว้าชัยชนะได้เป็นสมัยที่ 2 ได้รับคะแนนเสียงถึง 61,288 คะแนน ถือว่าเป็น สส. ที่ได้คะแนนเป็นอันดับสูงที่สุดในประเทศ ขณะที่เมื่อช่วงผลัดใบของพรรคเพื่อไทย เมื่อครั้ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค มีการปรับเปลี่ยนกรรมการบริหารชุดใหม่ยกชุด เพื่อดึงคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานทั้งหมดสู้กับการเลือกตั้งครั้งหน้ากับพรรคก้าวไกล ก็ได้แต่งตั้ง น.ส.จิราพร ให้เป็นรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้วย

และล่าสุดเมื่อมีการปรับ ครม.เศรษฐา 1/1 น.ส.จิราพร ยังเป็นม้ามืดในโค้งสุดท้ายที่มีชื่อนั่งรัฐมนตรี โดยกระแสช่วงแรกมีข่าวว่าจะถูกวางตัวให้นั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ แต่สุดท้ายก็มาลงตัวที่เก้าอี้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี


ประวัติการศึกษา

  • ปริญญาตรี ศิลปศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
  • ปริญญาโท รัฐศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง
  • ปริญญาโท สาขา International Business เกียรตินิยมอันดับ 2 มหาวิทยาลัย Reading สหราชอาณาจักร

ประสบการณ์การทำงาน

  • นักวิชาการพาณิชย์ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
  • นักวางแผนและพัฒนาธุรกิจ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน)
  • เยาวชนแลกเปลี่ยนโครงการ Cambodian–Thai Exchange Program (CTEP)
  • เลขานุการคณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร
  • คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางในการบริหารจัดการการชำระหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา
  • รองประธานคณะอนุกรรมาธิการศึกษาความคุ้มค่าและประสิทธิผลการส่งเสริมการลงทุนต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ
  • ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจการเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวฝั่งอันดามันสู่อ่าวไทย
  • ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการเพื่อพิจารณาศึกษาปัญหาเรื่องข้าว
  • เลขานุการกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาไทยคิวบา กรรมการกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาไทยเอสโตเนีย